ตอนที่ 1,034 จะให้อะไรกับเขาได้บ้าง
หรือนี่จะเป็นกลลวง?
นั่นคือความคิดที่ปรากฏขึ้นในจิตใจของทุกคน
ยังไม่ทันได้เปิดฉากต่อสู้ เหตุไฉนถึงขอยอมแพ้?
ทำไมถึงไม่คิดต่อต้าน?
หรือว่าพวกเขาจะกลัวกองทัพเป่ยไห่
ไม่น่าเป็นไปได้…
“แม่ทัพใหญ่ทุกคน ตามข้าออกไปค้นหาคำตอบ”
องค์จักรพรรดิใช้เท้ากระตุ้นสัตว์อสูรที่ขี่อยู่ให้เดินออกไปข้างหน้าโดยเร็ว
หลังจากนั้น พระองค์ท่านก็ได้พบเห็นอิ๋นเซียงเจี๋ยผู้ปกครองมณฑลชิงซวงกำลังนั่งคุกเข่าเปลือยกายอยู่หน้ากำแพงเมือง
ด้านหลังเขาคือแม่ทัพใหญ่จำนวนมาก
ทุกคนต่างก็นั่งเปลือยกายอยู่ในสภาพเดียวกัน
นี่คือภาพแห่งความมหัศจรรย์ก็ว่าได้
จำเป็นต้องค้นหาคำตอบให้เร็วที่สุด
“ว่าอย่างไรนะ? คุณชายหลินสามารถยึดเมืองหลวงกลับมาได้แล้วหรือ?”
“ว่าอย่างไรนะ? เว่ยอู๋จีตายแล้ว?”
“ว่าอย่างไรนะ? เทพแห่งวิหารเฉียนเกาก็ตายแล้วเช่นกัน?”
“ว่าอย่างไรนะ? คุณชายหลินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวง?”
“ว่าอย่างไรนะ? วิหารหลวงได้เผยแพร่คำประกาศศักดิ์สิทธิ์ ให้มณฑลใหญ่ทั้งหมดยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?”
คณะผู้ติดตามองค์จักรพรรดิพากันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
นี่คือข่าวที่น่าตกตะลึงและน่าตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับในหัวใจขององค์จักรพรรดิและคณะผู้ติดตาม เวลานี้หลินเป่ยเฉินสมควรซ่อนตัวอยู่ในนครหลวงและรอคอยกองทัพของพวกเขาเพื่อไปบุกโจมตีกองทัพของเว่ยอู๋จี หลังจากนั้น เด็กหนุ่มจะสร้างความปั่นป่วนจากในนครหลวง ส่วนองค์จักรพรรดิก็บุกโจมตีจากภายนอก เมื่อพวกเขาลงมือพร้อมกัน ก็จะสามารถยึดนครหลวงกลับคืนมาได้สำเร็จ
แล้วเหตุไฉนยามที่องค์จักรพรรดิเตรียมตัวเตรียมใจจะทำสงครามห้ำหั่นอันดุเดือด กระบี่ยังไม่ทันชักออกจากฝัก หลินเป่ยเฉินก็สามารถจัดการเรื่องราวทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้ว?
นี่คือความรู้สึกที่น่าตลกขบขันเป็นอย่างยิ่ง
นี่คล้ายกับคนผู้หนึ่งที่เตรียมตัวเป็นอย่างดีเพื่อให้กำเนิดบุตร แต่ในที่สุด หลังจากร่ำสุราจนเมามายยังไม่ทันได้เข้าสู่เรือนหอ ก็ปรากฏว่ามีบุรุษหนุ่มผู้อื่นชิงตัดหน้าให้กำเนิดบุตรไปก่อนแล้ว
องค์จักรพรรดิหันมองหน้าอัครเสนาบดีจั่วเซียง
แววตาของพวกเขาเจือไว้ด้วยความตื่นตระหนกและความประหลาดใจ
นับเป็นแววตาที่คุ้นเคย
ไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่ในอาณาเขตสนธยา
ครั้งนั้น กองทัพเป่ยไห่มีหน้าที่รักษากำแพงเมือง ยังไม่ทันสบโอกาสยกพลออกไปชิงอาณาจักรอื่น ๆ หลินเป่ยเฉินก็นำกองกำลังคนป่ากลับมารายงานว่าเขาได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว
เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้
“นำกองทัพเข้าสู่ด้านในตัวเมือง”
องค์จักรพรรดิยกมือออกคำสั่ง
ห่างไกลออกไป
เด็กสาวผู้นั่งอยู่บนรถเข็นท่ามกลางกองทัพของชาวทะเลก็ได้รับทราบข่าวนี้แล้วเช่นกัน
“เขาทำได้จริง ๆ หรือนี่?”
“หึหึ ไม่เสียทีที่ข้าร่วมมือด้วย”
“ข้าเองก็ต้องพยายามอย่างหนักเช่นกัน…”
“มิเช่นนั้น ข้าคงต้องกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเจ้าหมอนั่นแน่นอน…”
“เฮอะ ข้าคือผู้นำแห่งกลุ่มพันธสัญญาลับ ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งสักเพียงใด หลินเป่ยเฉิน สักวันหนึ่งเจ้าก็จะต้องยอมก้มหัวให้กับข้า อัจฉริยะผู้เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ชาวทะเล”
“ฮ่า ๆๆ…”
ดวงตาของเด็กสาวผู้นั่งอยู่บนรถเข็นเป็นประกายแวววาว ราวกับเป็นเทพเจ้านอกสารบบที่ได้รับพลังศรัทธาจากสาวกก็ไม่ปาน
…
เมืองชิงซวง
การบุกยึดเป็นไปอย่างราบรื่น
กระบวนการระหว่างนี้ องค์จักรพรรดิได้แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำที่แท้จริง
พระองค์ท่านไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการประกาศอภัยโทษให้แก่อิ๋นเซียงเจี๋ย นอกจากนี้ ท่านยังพระราชทานตำแหน่งผู้ปกครองมณฑลชิงซวงคืนให้แก่อิ๋นเซียงเจี๋ยอีกด้วย
ส่วนนายทหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการแข็งข้อต่อต้านก่อนหน้านี้ หากไม่ได้สังหารผู้บริสุทธิ์ด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิตหรือมีจิตคิดฉ้อโกงหาผลประโยชน์ส่วนตน ทุกคนก็จะได้รับการอภัยโทษเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นนายทหารที่ต้องทำตามหน้าที่เท่านั้น
อิ๋นเซียงเจี๋ยและผู้ใต้บังคับบัญชารีบสาบานตนรับใช้องค์จักรพรรดิด้วยความซื่อสัตย์ยิ่ง
เพียงไม่กี่อึดใจ เมืองชิงซวงก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
ส่วนเรื่องราวรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อจากนี้ องค์จักรพรรดิทรงยกให้เป็นหน้าที่ขององค์ชายเจ็ดจัดการทั้งหมด
ส่วนตัวพระองค์เองพร้อมด้วยแม่ทัพขั้นเซียนเกาเฉิงฮั่น โหลวซานกวนแม่ทัพใหญ่แห่งหน่วยกองทัพทมิฬ และนายทหารระดับสูงอีกหลายพันคน ก็โดยสารเรือเหาะออกเดินทางยามราตรี มุ่งหน้าสู่นครหลวงด้วยความเร่งรีบ
การเดินทางปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
ข่าวที่ว่าอิ๋นเซียงเจี๋ยขอยอมแพ้และยกมณฑลชิงซวง คืนให้แก่องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่ ทำให้ผู้ปกครองมณฑลคนอื่น ๆ ที่คิดแข็งข้อก่อนหน้านี้ ต่างก็รีบเปลี่ยนใจขอยอมแพ้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น มณฑลใหญ่แทบทุกแห่งจึงกลับคืนสู่การควบคุมขององค์จักรพรรดิอีกครั้ง โดยที่พระองค์ไม่ต้องทำสงครามแม้แต่ศึกเดียว
และการปรากฏตัวขององค์จักรพรรดิในนครหลวง ก็จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
…
หนึ่งวันต่อมา
องค์จักรพรรดิก็มาถึงนครหลวง
พระองค์ได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองอย่างอบอุ่น
บัดนี้ นครหลวงกำลังฟื้นฟูขึ้นมาจากภัยสงคราม ถนนหลายสายยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างใหม่ แม่น้ำใหญ่ภูเขากว้างกำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู บรรยากาศในตัวเมืองจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา องค์จักรพรรดิได้พบว่าตนเองผ่านการเดินทางที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตถึงสองครั้ง และการเดินทางที่น่าตื่นเต้นทั้งสองครั้งนั้น ประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกว่าองค์จักรพรรดิคือผู้ที่นำความสำเร็จกลับมาสู่จักรวรรดิอย่างแท้จริง
แต่ในความเป็นจริงนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิแม้แต่น้อย
องค์จักรพรรดิยังคงอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิดตอนที่ตนเองมาถึงประตูทางเข้านครหลวง
พระองค์ทรงรู้ซึ้งในตอนนี้เองว่าปัญหาใหญ่ที่ตนเองกำลังพบเจอหลังจากนี้ มิใช่การจัดการฟื้นฟูประเทศชาติ ไม่ใช่การค้นหาและกวาดล้างกลุ่มคนผู้ทรยศที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ทั่วจักรวรรดิ
มิใช่เรื่องการเจรจาหารือกับกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลาง เกี่ยวกับเรื่องระดับความยากในการทำสงครามชิงอาณาจักรที่เพิ่มขึ้นระหว่างการทดสอบอย่างไม่เป็นธรรม
มิใช่เรื่องการชดใช้ให้แก่นายทหารผู้เสียชีวิต
มิใช่เรื่องวิธีการปรากฏตัวเพื่อเอาชนะใจชาวเมือง
มิใช่เรื่องการวางกลยุทธ์เพื่อทวงคืนอีกสองมณฑลใหญ่ที่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจักรวรรดิจี้กวง
แต่เป็น…
การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักกับหลินเป่ยเฉินต่างหาก
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นวีรบุรุษแห่งชาติ ทุกครั้งที่เขาลงมือ ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เสมอ
หากไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้ บางทีราชวงศ์หลี่อาจกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้วก็เป็นได้
แต่คำถามสำคัญก็คือ ราชสำนักจะสามารถตอบสนองความต้องการของหลินเป่ยเฉินได้มากพอหรือไม่?
บัดนี้ องค์จักรพรรดิรู้แล้วว่าข้อตกลงระหว่างพวกเขาที่ทำกันในอาณาเขตสนธยา คือสิ่งที่ไม่เพียงพออีกแล้ว
อย่าว่าแต่หลินเป่ยเฉินจะต้องการแต่งงานกับบุตรสาวของท่านเลย หากเขาต้องการแต่งงานกับนางสนมสุดที่รักขององค์จักรพรรดิ พระองค์ท่านก็จะอนุญาตโดยไม่ลังเลสักนิด
ตราบใดที่สามารถทำให้หลินเป่ยเฉินผูกพันกับจักรวรรดิเป่ยไห่ได้ องค์จักรพรรดิล้วนยินดีทำทั้งสิ้น
เพราะไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
เพื่อผลประโยชน์แห่งส่วนรวม องค์จักรพรรดิยินดีทำทุกวิถีทาง เพื่อประจบเอาใจหลินเป่ยเฉินให้ได้
หลังเข้าสู่วังหลวง องค์จักรพรรดิก็ไม่มีเวลาทักทายบรรดาขุนนางผู้จงรักภักดีที่รอคอยด้วยใบหน้านองน้ำตาอยู่นอกตำหนักด้วยซ้ำ เพราะพระองค์ท่านพร้อมด้วยพวกของเซียวปิง สองสาวรับใช้เฉียนเหมยกับเฉียนเจินและคนอื่น ๆ ต่างพร้อมใจกันเดินทางขึ้นไปที่วิหารหลวงโดยทันที
บนวิหารหลวง องค์จักรพรรดิได้พบกับหลินเป่ยเฉิน
พวกเขาเพิ่งแยกจากกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แต่กลับรู้สึกว่าเนิ่นนานราวหลายปี
ตอนแยกจากกันครั้งที่แล้ว เด็กหนุ่มยังเป็นเพียงคุณชายหลินธรรมดา
มาบัดนี้ เขามีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวง
แผ่นดินตงเต้ามีประเพณีที่จะให้คุณค่าต่อศาสนาและกษัตริย์เคียงคู่กัน หรือถ้าจะให้พูดตามความเป็นจริงนั้น ผู้คนจำนวนมากให้ความสำคัญต่อศาสนามากกว่ากษัตริย์ด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนบอกว่าผู้ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวง มักมีความสูงส่งไม่ต่างไปจากองค์จักรพรรดิผู้ครองแผ่นดิน
ดวงตาของพวกเขาประสานกัน
องค์จักรพรรดิกำลังจะเอ่ยปากทักทาย
แต่แล้วความคิดในหัวก็ตีกันปั่นป่วนไปหมด
พระองค์จะทรงมอบอะไรให้แก่เด็กหนุ่มผู้นี้ได้บ้าง?
ไม่มีเลยสักอย่างเดียว
สิ่งเดียวที่องค์จักรพรรดิทำได้ คือการหาทางทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขมากที่สุดเท่านั้น