พิธีใหญ่ในการปิดอารามของสถานศึกษาหนานซีจบลงอย่างว่างเปล่า แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสั่นสะเทือนไปทั้งต้าลู่
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ การเปิดโปงแผนร้ายของดินแดนต้าซี และการตายของคนชุดน้ำเงินกลายเป็นหัวข้อสนทนาร้อนแรงในช่วงนี้
เรื่องเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์สวีโหย่วหรงออกจากการกักตนและร่วมมือกับสังฆราชเฉินฉางเซิงต้านรับยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จยิ่งได้รับความสนใจและความเคารพยิ่งกว่า
ตระกูลถัง ตระกูลชิวซาน ตระกูลมู่ท่าและตระกูลอู๋ สี่ตระกูลใหญ่ล้วนเก็บตัวเงียบ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับถังซานสือลิ่วเป็นแน่
ข่าวล่าสุดจากสำนักฉางเซิงก็คือการขอโทษอย่างเป็นทางการต่อตระกูลถัง และพวกเขาก็ส่งผู้อาวุโสไปยังสาขาหลักตระกูลถังเพื่อรักษาประมุขใหญ่
แต่ฉูซูหายตัวไป
เห็นได้ชัดว่าพรรคฉางเซิงที่ร่วงโรยไม่อาจควบคุมตัวประหลาดนี้ได้อีกต่อไป
ราชสำนักต้าโจวยังคงทรงอำนาจและซางสิงโจวยังนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดในโลกอย่างมั่นคง
ตามข้อตกลงของพวกเขา สังฆราชเฉินฉางเซิงยังไม่อาจกลับคืนสู่จิงตู ได้แต่เดินทางท่องโลกเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าข้อตกลงนี้จะจบลงเมื่อไร
แต่ทุกคนเห็นได้ว่าสถานการณ์ในโลกนั้นเหมือนกับท้องฟ้าพร่างดาวหลังฝนตก มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
หลังจากกินปลาผัดเต้าหู้แดง เฉินฉางเซิงก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เช้าตรู่วันต่อมาเขาก็นำถังซานสือลิ่วและพวกออกจาดยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์
ส่วนเรื่องที่เขากับเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์สวีโหย่วหรงได้พูดหรือทำในสถานศึกษาหนานซีคนนั้นย่อมไม่มีผู้ใดรู้ได้
ที่ต้นแม่น้ำถงเจียง เทือกเขาและแม่น้ำไม่ว่าใต้แสงตะวันหรือในก้อนเมฆ ล้วนมีความงดงามโดดเด่น
ยอดเขาหลินจางซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดฉือเจี้ยน มีต้นการบูรหอมมากมาย ยอดไม้สีเขียวเป็นภาพที่งดงามสบายตา
เมื่อเดินผ่านยอดเขาหลินจางไปสิบกว่าลี้ ก็จะมาถึงหน้าผา เลยหน้าผาไปเป็นทะเลเมฆทอดไกลไพศาล เลยช่องว่างไปจะเห็นยอดเขาโดดเดี่ยว ระหว่างช่องว่างมีโซ่เส้นหนึ่งส่ายไหวอยู่ในสายลม แค่มองดูก็ใจเต้นด้วยความกลัว อย่าว่าแต่เดินบนนั้น
“ภูเขานี้ชื่อว่าอะไร” ถังซานสือลิ่วถามพลางชี้ไป
เยี่ยเสี่ยวเหลียนเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มาส่งพวกเขา นางจึงอธิบาย “ยอดเขานั่นเรียกว่ายอดเขาตู๋อี เป็นยอดเขาทางตะวันออกสุดของเทือกเขาหลีซานสามสิบหกยอดเขา ในอดีตศิษย์พี่ชิวซานมักจะฝึกกระบี่อยู่บนภูเขานี้ บางครั้งตอนที่ไร้เมฆและแสงดี เจ้าก็จะสามารถยืนอยู่ตรงนี้และเห็นได้อย่างชัดเจน”
ถังซานสือลิ่วได้ยินความหลงใหลน้ำเสียงนางจึงกระเซ้า “เจ้าเห็นภาพนั้นตอนเจ้ายังเด็กและก็ตกหลุมรักชิวซานจวินตั้งแต่แรกเห็นใช่ไหม”
เมื่อไม่กี่ปีก่อนบนถนนเสินของพระราชวังหลี เขากับเยี่ยเสี่ยวเหลียนได้ทะเลากันดังนั้นเขาจึงรู้ถึงความหลงใหลที่นางมีเป็นอย่างดี
เยี่ยเสี่ยวเหลียนไม่ได้เป็นแบบเด็กสาวจากถนนเสินคนนั้นนานแล้ว ไม่รู้สึกหงุดหงิดกับคำถามของเขาแม้แต่น้อยและตอบกลับไปอย่างสุขุม “แล้วไง”
ถังซานสือลิ่วเข้าใกล้นางและกระซิบ “ข้าอาจถามผิดไป ตอนนี้เจ้าชอบใครอยู่”
เยี่ยเสี่ยวเหลียนสังเกตเห็นสายตาที่ชำเลืองมาแบบดูแทบไม่ออกของเฉินฉางเซิงและยิ้ม “ข้ารักเจ้าสำนักที่สุด”
ถังซานสือลิ่วรู้สึกว่าคำตอบนี้น่าเบื่อ “ผู้หญิงนี่โลเลจริงๆ”
เจ๋อซิ่วรับฟังอยู่ด้านข้างและรู้สึกว่าบทสนทนานี้น่าเบื่อ เขาเดินไปที่ขอบของหน้าผา พบว่าโซ่ที่ส่ายไหวอยู่กลางสายลมนี้น่าสนใจทีเดียว
ยอดเขาโดดเดี่ยวตรงหน้าพุ่งออกมาจากเมฆ
เฉินฉางเซิงมองไปทางนั้นแต่ใจอยู่อีกที่หนึ่ง
ฮู่ซานสือเอ้อร์รู้ว่าที่เขาเป็นห่วงและกระซิบ “ยังไม่มีข่าวจากเมืองไป๋ตี้”
เฉินฉางเซิงถาม “ต่อให้หาจี๊ดจี๊ดไม่พบ ทำไมไม่มีใครติดต่อองครักษ์จินได้”
ฮู่ซานสือเอ้อร์อธิบาย “ความเร่งด่วนของเรื่องนี้ทำให้มีรายละเอียดมากมายที่ถูกละเลยไป แต่ผู้น้อยจำได้จากรายงานที่เห็นเมื่อสองปีก่อนว่าองครักษ์จินถูกลดขั้นอีกแล้ว ในตอนนี้เขาได้กลับไปทำไร่ไถนาอยู่นอกเมืองไป๋ตี้ ต่อให้สามารถติดต่อเขาได้ เขาก็ไม่แน่ว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้”
เฉินฉางเซิงไม่พูดอะไร
หลังจากคืนนั้นบนภูเขาหิมะ เขาใช้เวลาช่วงหนึ่งรักษาอาการบาดเจ็บที่คอกม้าผาชัน ในตอนนั้นเขาก็ได้ฟื้นฟูการเชื่อมต่อกับจี๊ดจี๊ดแล้ว
ในตอนที่เขาเดินทางจากศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานไปเมืองเวิ่นสุ่ย จี๊ดจี๊ดเดินทางไปเมืองไป๋ตี้ที่ห่างไปแปดหมื่นลี้ด้วยตัวเอง
นิกายหลวงกับราชสำนักสู้เพื่อโลกนี้ เพื่อที่จะสู้กับอาจารย์ของเขาซางสิงโจว เขาต้องพิจารณาพันธมิตรภายนอกทุกคนเป็นอันดับแรก
เขาเลือกที่จะไปเยือนตระกูลถังแห่งเว่นสุ่ย ยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ และเป้าหมายต่อไปล้วนอยู่ในใจของเขาแล้ว
จี๊ดจี๊ดมีบทบาทสำคัญที่สุดในเรื่องนี้
สำหรับนิกายหลวงและราชสำนัก ใครคือพันธมิตรที่สำคัญที่สุด
ไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่ที่นำโดยตระกูลถัง สำนักในแดนใต้หรือยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากแต่เป็นเผ่าปีศาจ
ในบางแง่มุม ท่าทีของเมืองไป๋ตี้สามารถตัดสินเรื่องต่างๆ มากมาย
ท่าทีของมู่ฮูหยินนั้นชัดเจนมากอยู่แล้ว เขาได้แต่หวังว่าจี๊ดจี๊ดจะอาศัยความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเมืองไป๋ตี้ยื้อมู่ฮูหยินไว้ได้ระยะหนึ่ง
ว่าตามเหตุผล แม้ว่ามู่ฮูหยินจะมีส่วนในแผนร้ายของดินแดนต้าซีและยืนอยู่ข้างซางสิงโจว จี๊ดจี๊ดก็น่าจะปลอดภัยในเมืองไป๋ตี้
ทว่าตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
บางทีอาจเป็นเพราะการเชื่อมโยงจิตระหว่างเขากับจี๊ดจี๊ดถูกตัดขาด
บางทีอาจเพราะคนของนิกายหลวงไม่อาจติดต่อกับจินอวี้ลวี่ได้
หรือบางทีอาจเพราะมันผ่านไปหลายปีแล้วที่เขาได้รับข่าวจากคนผู้นั้น
เจ้าไปอยู่ที่ไหนในช่วงหลายปีมานี้ เจ้าทำอะไรอยู่
ถังซานสือลิ่วเดินมาหาเขาและปลอบ “ไม่ต้องกังวล เจ้าลูกหมีนั่นหนังหนาเขาไม่เป็นไรหรอก อย่างมากก็เจ็บนิดหน่อย”
เจ๋อซิ่วนึกถึงลูกหมีที่เอาหลังกระแทกต้นไม้อยู่ทุกวี่วันและชอบเอาอาหารไปซ่อน ใบหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงอย่างหาดูได้ยาก
ถังซานสือลิ่วถาม “เราจะไปที่ไหนต่อ”
เฉินฉางเซิงชี้ไปข้างหน้าและกล่าว “หลีซาน”
ภูเขาโดดเดี่ยวในหมู่เมฆก็คือหลีซาน
ยอดเขาตอนเหนือสุดของเทือกเขาลั่วเหมยติดอยู่กับดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของโลกมนุษย์ มียอดเขาสามสิบหกลูกรูปร่างเหมือนกระบี่ชี้ไปทางทิศเหนือ
ภูเขาเหล่านั้นก็คือหลีซาน
ถังซานสือลิ่วดูหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย “เราจะไปจริงหรือ ตอนนี้เราไม่มีเวลานะ”
เฉินฉางเซิงมองไปที่เจ๋อซิ่วและคิด มีเวลาไม่มากจริงๆ
ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงแผนดินไหวที่ริมหน้าผา
เป็นการสั่นที่รุนแรง เมฆด้านนอกหน้าผากระจายเป็นเส้นใยและสลายหายไปช้าๆ
โซ่เห็นได้ชัดเจนขึ้น แม้แต่สนิมบนผิวโซ่ก็ยังมองเห็นได้
การสั่นสะเทือนอีกครั้งตามมาติดๆ ฝุ่นพุ่งขึ้นจากพื้นและเริ่มปลิวไปในอากาศ
แรงสั่นสะเทือนนี้มาจากที่ไหนกัน
สีหน้าถังซานสือลิ่วเคร่งเครียดขึ้น
เฉินฉางเซิงก็กระวนกระวายอยู่บ้าง
พวกเขามองไปที่เจ๋อซิ่ว
แรงสั่นนี้มาจากร่างของเจ๋อซิ่ว
เหมือนกับเกลียวคลื่น เหมือนกับฟ้าคำราม
สีนหน้าของเจ๋อซิ่วซีดขาวผิดปกติ ดูราวกับเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
เห็นได้ชัดว่ามีปัญหาในเมืองไป๋ตี้แต่เฉินฉางเซิงยังต้องการที่จะไปยังหลีซาน การตัดสินใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
แต่เป็นเพราะโรคทันใดใจคิดของเจ๋อซิ่วกำเริบขึ้นบ่อยครั้งกว่าเดิม อาการป่วยมีแต่จะแย่ลง
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสิบวันครึ่งเดือน”
เจ๋อซิ่วพูดเล่นซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
ทว่าไม่มีใครหัวเราะ