มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1006

นี่คือเกราะนักยุทธ์แบบทั่วตัวแถมยังเชื่อมต่อกัน มีทั้งเกราะส่วนอก เกราะคลุมหัวใจ หมวกเกราะ เกราะมือ เกราะแขน เกราะขารวมทั้งที่หุ้มขา

เดิมทีตอนที่เทพสงครามเอกภพใส่เกราะเทพนี้เป็นสีทอง ดูสง่าน่าเกรงขาม ท่าทางน่าเคารพ

แต่เมื่อหลัวซิวโคจรกฎเป็นตาย2ระดับแล้วกลับสะท้อนแสงสีขาวดำสลับกัน ทำให้ดูทั้งแปลกตาและลึกลับ

“การโคจรพลังงานที่แตกต่างกัน ทำให้เกราะเทพแสดงพลังไม่เหมือนกันด้วย” ในใจของหลัวซิวเริ่มมีเป้าหมาย หากเป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะใช้เกราะเทพต่อหน้าคนนอกก็จะไม่มีใครสงสัยว่านี้คือเกราะเทพของเทพสงครามเอกภพ

เขาทำตามจิตภัณฑ์เกราะเทพแนะนำ โดยใส่เกราะนักยุทธ์และเดินเข้าไปยังเส้นทางอนัตตา

“โฮ่ววว!”

เขาเพิ่งจะเดินเข้าไปยังเส้นทางอนัตตาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงคำรามดังก้องราวกับคำรามใส่ไมค์ของอสูรดูดจิตโบราณ

ประสาทสัมผัสของหลัวซิวตึงเขม็ง ตัวสำนึกของเขารวมตัวเข้าด้วยกัน

แม้ว่าจิตภัณฑ์เกราะเทพจะบอกว่าอสูรดูดจิตโบราณไม่มีทางทำร้ายเขา แต่ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น

เสียงคำรามของอสูรดูดจิตโบราณก้องสะท้อนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็เป็นไปตามที่จิตภัณฑ์เกราะเทพกล่าวไว้ นั่นคือมันไม่กล้าลงมือกับเขา

ทำให้หัวใจของหลัวซิวตอนนี้รู้สึกลิงโลดขึ้นมา อสูรดูดจิตโบราณนับได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้แข็งแกร่งเทพมารเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าในแดนเทพมารขั้นสูงก็ยังสามารถโดนความสามารถพิเศษของอสูรดูดจิตโบราณทำร้ายเอาได้

หากสามารถสยบอสูรโบราณตัวนี้และเอามาใช้ได้ จะต้องเป็นตัวช่วยที่สำคัญอย่างแน่นอน

แต่หลัวซิวก็รู้ตัวดีว่าจากพลังของเขาตอนนี้หากอยากจะเอาชนะอสูรดูดจิตโบราณตัวนี้ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น

หลัวซิวเดินทะลุผ่านเส้นทางอนัตตาได้อย่างไร้อุปสรรค จนออกมายังโลกด้านนอก

แดนระหว่างโลกทั้งสอง เพียงเดินผ่านก็ใช้เวลาไปถึงห้าปีแล้ว!

“โฮ่ว!”

แสงทั่วร่างของหลัวซิวสว่างไสว เกราะเทพเวหากาลหายไป เขาพุ่งทะยานขึ้นไปท้องฟ้า จากนั้นจึงหายไปกลางแผ่นดินทะเลทรายที่กว้างใหญ่อย่างรวดเร็ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลัวซิวก็มาปรากฏตัวอยู่ที่เมืองเมืองหนึ่งในอาณาจักรเหนือ เมื่อได้ยินการสนทนาของเหล่าจอมยุทธ์ในเมืองก็รู้ว่าเทพมารที่ได้เข้าไปในแดนปริศนาพร้อมกันตอนนี้กลับออกมาหมดแล้ว

เทพมารขั้นสูงทั้งสามองค์นั้นหายไปห้าปี ทำให้เทพมารทุกคนของทั้งสามเผ่าต่างพากันแน่ใจว่าดับสลายไปแล้วหรือไม่ก็ถูกขังไว้ที่ใดที่หนึ่ง

เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่พอมีเหตุผล แต่สิ่งที่ทำให้หลัวซิวโมโหก็คือ หลังจากที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สี่ผู้ยิ่งใหญ่นิรันกาลของเผ่ามนุษย์กลับมาแล้ว เจ้าศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักดารานภาก็ปล่อยข่าวการตายของเขา!

“ตายแล้ว?”

เมื่อหลัวซิวได้ยินข่าวนี้ สีหน้าของเขาก็เขียวจนคล้ำ

ต่อให้เขาคิดง่ายๆ ก็รู้ว่าหากข่าวการตายของตนแพร่ออกไป แดนตำหนักจื่อที่ตั้งในสำนักไท่เสวียนจะต้องตกอยู่ในอันตราย

กองกำลังที่เคยมีความแค้นกับเขามาก่อน ก็จะต้องเอาความโกรธแค้นของตนไปลงที่สำนักไท่เสวียนในอาณาจักรใต้

จากนั้นหลัวซิวยังตามสืบมาได้อีกว่า ภายใต้การนำของเผ่าหงส์ ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างส่งผู้แข็งแกร่งออกมาช่วย และปิดล้อมโจมตีสำนักไท่เสวียนแดนตำหนักจื่อเอาไว้หลายวัน

“เผ่าหงส์สารเลว!”

หลัวซิวโกรธจัด ไฟแค้นในใจลุกโชน ก่อนหน้านี้เขาทำเพื่อช่วยเหยียนเยว่เอ๋อร์จนเคยก่อกวนเผ่าหงส์ และทำร้ายมหาจักรพรรดิยุทธ์ของเผ่าหงส์และถึงขั้นลงมือทำร้ายจักรพรรดิหงส์ของเผ่าหงส์จนบาดเจ็บสาหัส และทำลายป่าอู๋ถงจนราบทำให้เผ่าหงส์ต้องสูญสลายไป

ความแค้นของเผ่าหงส์ครั้งนี้จำเป็นต้องแก้แค้น รวมทั้งไม่อาจลืมสายเลือดเทพหงส์อย่างเหยียนเยว่เอ๋อร์ได้ เมื่อข่าวการตายของเขาแพร่ออกไป พวกเขาจะต้องเป็นพวกแรกที่ไม่สามารถอดใจเอาไว้ได้

“เปรี้ยง!”

คราวนี้หลัวซิวไม่ได้ปิดซ่อนพลังของตนเองเอาไว้อีกต่อไป เขาทะยานขึ้นฟ้ากลางเมือง และยื่นมือไปฉีกอนัตตาจนสลายไป

เมื่ออนัตตาฉีกขาดไปแล้วก็ทำให้จอมยุทธ์ในเมืองจำนวนมากพรั่นพรึง สีหน้าของทุกคนต่างชะงักค้าง

“คุณพระช่วย การฉีกอนัตตานี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้นที่จะทำได้นะ!”

“ในเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงของพวกเรากลับปรากฏผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์งั้นรึ!”

……