ตอนที่ 1085: สมบัติของตระกูลผู้พิทักษ์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1085: สมบัติของตระกูลผู้พิทักษ์

“มีทักษะโบราณอยู่นับไม่ถ้วน และก็มีหลายทักษะที่มีชื่อที่เหมือนกัน บางทักษะก็ธรรมดา บางทักษะก็ลึกซึ้งมาก เซียงเทียน ให้พวกเราตรวจดูก่อนว่าทักษะลับโบราณนี้มันคืออะไร” เจียงหยาง หยวน วูจิพูด

เจี้ยนเฉินออกจากโถงบรรพชนไปพร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุดทั้งเจ็ดคนและเชิญให้หวงหลวนออกไปด้านนอก พวกเขารวมกันอยู่ที่โถงประชุมที่อยู่ที่ชั้นหนึ่ง

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งเจ็ดล้อมหวงหลวนเอาไว้ ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดชี้นิ้วไปที่หัวของนาง พวกเขาใช้ทักษะลับเพื่อที่จะสัมผัสถึงทักษะที่ถูกฝังอยู่ในวิญญาณของหวงหลวน

สักพัก ทั้งเจ็ดก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกนั พวกเขาทั้งหมดขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ทักษะลับโบราณอันนี้ค่อนข้างซับซ้อน มันฝังตัวโดยตรงอยู่ในวิญญาณของนางและเกือบจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันยากมากที่จะเอาออกมาได้” เจียงหยาง หยวน เจิ้งหัวถอนหายใจออกมาเบา ๆ เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย

“หมายความว่าแม้แต่พวกท่านก็ไม่สามารถเอาทักษะลับนี้ออกได้อย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินค่อนข้างกระวนกระวายใจ

ทุกคนเงียบไปสักพักก่อนนที่เจียงหยาง ซู เซียวจะพูดออกมา “ข้าจำได้ว่ามีวิชาลับที่ถูกเรียกว่าการเสริมช่องว่างวิญญาณที่จะสามารถเอาทักษะลับนี้ออกไปได้อยู่ แต่ทักษะนี้นั้นก็ลึกซึ้งเกินไป ดังนั้นข้าจึงใช้ไม่ได้”

ความสิ้นหวังปรากฎขึ้นในตาของเจี้ยนเฉิน

“ข้ารู้วิชาเสริมช่องว่างวิญญาณพอดี เซียงเทียน ทำไมไม่ให้ข้าลองดูล่ะ ? ” เจียงหยาง ชิง หยุนจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา เขาสงบมากตอนนี้ในขณะที่เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขาดูเหมือนจะลืมความไม่พอใจก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว

เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะยอมให้เจียงหยาง ชิง หยุนลองดูเพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นอยู่ดี อย่างไรก็ตาม เขาก็บอกไปว่าเขาต้องการที่จะดูกระบวนการทั้งหมด

“เจี้ยนเฉิน การทำลายทักษะลับโบราณที่ฝังโดยตรงเข้าไปในวิญญาณนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ข้าจำเป็นต้องทุ่มเทสมาธิทั้งหมด และข้าไม่อยากเสี่ยงให้มีการรบกวนอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาจะคาดไม่ถึงทีเดียว มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าจะรออยู่ด้านนอกเพื่อความปลอดภัยของคนที่เจ้ารัก นอกเหนือไปจากนั้น เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลแล้วด้วยในตอนนี้ พวกเราเป็นทั้งหมดเป็นตระกูลใหญ่เดียวกัน และข้าก็ยังเป็นทวดของเจ้าตามอาวุโสด้วยเช่นกัน เจ้าไม่เชื่อใจทวดอย่างนั้นหรือ?” เจียงหยาง ชิง หยุนปฏิเสธความต้องการของเจี้ยนเฉินที่จะเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องของโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับหวงหลวน

เจี้ยนเฉินกังวลเกี่ยวกับหวงหลวน ดังนั้นเขาจึงขยายพลังแห่งการรับรู้ของเขาตามเจียงหยาง ชิง หยุนไป อย่างไรก็ตาม ทุกตารางนิ้วของโรงเต็มไปด้วยพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพลังแห่งการรับรู้ของเจี้ยนเฉินจึงไม่สามารถผ่านสิ่งกีดขวางและโดนข่มเอาไว้

เจี้ยนเฉินทำได้แค่นั่งรออย่างช่วยไม่ได้ในใจ ผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นก็อยู่ตรงนั้นกับเขาด้วย มีเพียงเจียงหยาง ชิง จูริที่ออกไปจัดการเรื่องบางอย่าง

“เซียงเทียนอย่ากังวลไปเลย ความสามารถของผู้อาวุโสสูงสุดชิงหยุนนั้นยอดมาก เขาอยู่ในขั้นสูงสุดมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงถือได้ว่าอยู่ในระดับล่าง ๆ ของเซียนจักรพรรดิได้เลย ถ้าเขาจัดการด้วยตัวเองแบบนี้ แม้ว่าผนึกของหวงหลวนจะไม่สลายไป แต่นางก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน” เจียงยาง หยวน เจิ้งหัวปลอบ เขาไม่มีอคติกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินรออยู่เป็นเวลา 3 วัน แต่หวงหลวนและเจียงหยาง ชิง หยุนก็ยังไม่ออกมา เขาไม่ได้รับข่าวอะไรแม้แต่อย่างเดียว ท้ายที่สุด ด้วยความเบื่อ เขาจึงเดินไปรอบ ๆ ตระกูลพร้อมกับเจียงหยาง ซู หยวนเซียว

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวนำเจี้ยนเฉินไปที่แผ่นดินลอยฟ้า และอธิบายเกี่ยวกับกฎของตระกูลพร้อมทั้งเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งสองตระกูลเดินผ่านตระกูลหลายคนในตระกูลภายใน พวกเขาโค้งให้เจียงหยาง ซู หยวนเซียว แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุด แต่ก็ไม่มีใครแสดงความเคารพต่อเขา

เจี้ยนเฉินไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาเดินไปต่อข้าง ๆ เจียงหยาง ซู หยวนเซียวและฟังคำอธิบายของเขาต่อ

“ท่านแม่ คนที่อยู่ข้าง ๆ ผู้อาวุโสสูงสุดหยวนเซียวเป็นคนนอกที่ชื่อ เจียงหยาง เซียงเทียนอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินได้ยินเสียง หลายร้อยเมตรทางด้านซ้ายของเขา มีเด็กชายที่มีอายุประมาณหกหรือเจ็ดปีที่กำลังชี้มาทางเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาพูดกับหญิงวัยกลางคน

“ชู้วว! ฉิงหลิน เงียบนะ ไม่งั้นเจ้าจะถูกลงโทษอย่างหนักนะ” หญิงวัยกลางคนปิดปากของเด็กชายเอาไว้ ก่อนที่จะจ้องไปทางเจี้ยนเฉินด้วยความกลัว

เด็กชายยังอายุน้อยและไม่ได้กลัว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจสิ่งที่หญิงวัยกลางคนพูด เขาจึงพูดออกมา “ท่านแม่ ข้าไม่กลัวหรอก ท่านทวดเทียนหยิงได้รับบาดเจ็บเพราะเจียงหยาง เซียงเทียน และถูกขังเอาไว้ เจียงหยาง เซียงเทียนเป็นคนไม่ดี เขาเป็นคนเลว ! เขาเป็นคนไม่ดี…อื้ออ…อื้ออ..” เด็กชายพูดดังขึ้นเรื่อย ๆ หญิงวัยกลางคนค่อนข้างกลัวและปิดปากของเด็กชายเอาไว้ก่อนที่จะจากไปอย่างรวดเร็ว

เจี้ยนเฉินมองไปที่เด็กชายก่อนที่จะลอบถอนใจ

ด้านหน้า มีเซียนสวรรค์ที่ยังหนุ่มหลายคนเดินผ่านไปเช่นกัน พวกเขาดูมีอายุประมาณเท่าเจี้ยนเฉิน

“ข้าขอคารวะท่านผู้อาวุโสสูงสุด” ชายหนุ่มทั้งหมดโค้งคำนับอย่างเคารพให้เจียงหยาง​ ซู หยวนเซียว แต่สายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นไม่สู้ดีเท่าไร

ตระกูลผู้พิทักษ์นั้นแยกตัวออกจากลกภายนอก ดังนั้นคนหนุ่มทุกคนของตระกูลจึงไม่เคยออกไปเหยียบทวีปเทียนหยวนเลย มีเพียงสมาชิกอาวุโสบางส่วนเท่านั้นที่เคยไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้เกี่ยวกับความหดร้ายและกฎแห่งการอยู่รอดที่โลกด้านนอก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ยอมรับว่าความแข็งแกร่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในความเข้าใจของพวกเขา ความเคารพนับถือนั้นขึ้นอยู่กับความอาวุโส และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความแข็งแกร่งเลย

พวกเขาทั้งหมดไม่เห็นด้วยอย่างมากที่เจี้ยนเฉินได้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดทั้งที่อายุยังน้อยแบบนี้ ด้วยอายุที่เท่าเจี้ยนเฉิน ทุกคนในตระกูลในต่างเป็นผู้อาวุโสของเขาทั้งนั้น

“เหลนเอ้ย อย่าโกรธไปเลย ตระกูลผู้พิทักษ์นั้นแยกตัวออกมาจากโลกภายนอกมาแสนนาน ซึ่งมันทำให้สมาชิกรุ่นใหม่เสียคนไป ดูเหมือนว่าการเลือกที่จะเป็นตระกูลแยกตัวนั้นจะไม่ใช่ความคิดที่ดี พวกเราควรปล่อยให้ผู้เยาว์เหล่านี้ออกไปไปเผชิญทวีปเทียนหยวนและได้ไปเห็นความโหดร้ายบ้าง” เจียงหยาง ซู หยวนเซียว ถอนหายใจ

เจี้ยนเฉินไม่สนใจพวกนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าเค้นเสมอ แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยนี้

“นั่นมันที่ไหนกัน?” จู่ ๆ สายตาของเจี้ยนเฉินก็แข็งทื่อ และเขาก็จ้องมองออกไปที่ไกลไกล ที่เทือกเขาเหนือแผ่นดินลอยฟ้า มีมิติที่บิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่องอยู่ ในขณะที่มีพลังแห่งการทำลายล้างมากมายเปล่งรัศมีออกมา

“นั้นเป็นเขตหวงห้ามของตระกูลของพวกเราซึ่งเป็นที่ที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิถูกเก็บอยู่ คนของตระกูลไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ยกเว้นผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราไปดูกัน” หลังจากนั้น เจียงหยาง ซู หยุนเซียวก็นำเจี้ยนเฉินไปทางนั้น

“พื้นที่หวงห้ามนี้ถูกล้อมไปด้วยชั้นรูปแบบการป้องกัน พวกมันถูกร่ายเอาไว้โดยเซียนจักรพรรดิคนก่อน ๆ เพื่อใช้ในการผนึกยุทธภัณฑ์จักรพรรดิโดยเฉพาะ เช่นเดียวกันกับป้องกันปราณกระบี่อันทรงพลังที่เปล่งรัศมีออกมาตลอดปี” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวอธิบายในขณะที่เขาเคลื่อนที่ไป

เจี้ยนเฉินผ่านอาคมไปหลายอันและเขาก็มาถึงข้างในในไม่ช้า แรงกดดันมหาศาลกวาดไปด้านหน้า พร้อมกับปราณกระบี่ที่พุ่งพวย ซึ่งทำให้เขาสั่นไปถึงข้างใน

ที่กึ่งกลางของพื้นที่หวงห้ามมีกระบี่ใหญ่โบราณแทงอยู่ในพื้น ปลายของกระบี่ฝังลงไปในพื้นและด้ามกระบี่ชี้ไปบนท้องฟ้า มันมีพลังแห่งการมีอยู่ที่สุดยอดมาก เหมือนว่ามันสามารถแยกนภาและฝ่าสวรรค์ได้ มันเต็มไปด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่เหนือการทุกสิ่ง

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดมากในขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาพูดเสียงทุ้มออกมา “ช่างเป็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของข้านั้นอ่อนด้อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ข้ายังรู้สึกเหมือนข้าพ่ายแพ้เลย เหลือเชื่อยิ่งนัก”

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวมองไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิด้วยอารมณ์สับสนแล้วถอนหายใจออกมา “ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้มีอยู่ตั้งแต่ตอนที่ตระกูลของตระกูลของพวกเราถูกก่อตั้งขึ้นมาในครั้งแรก มันถูกทิ้งไว้จากผู้ก่อตั้ง เซียนระดับจักรพรรดิคนแรกของพวกเรา มันมีอยู่มามากกว่าล้านปีแล้ว”

“เซียนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งได้ทิ้งทักษะโบราณมากเอาไว้ มันบันทึกวิธีการในการบ่มเพาะยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เมื่อเซียนจักรพรรดิของตระกูลของตระกูลของเราได้จากไปจากการฝึกฝน พวกเขาจะทิ้งยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้ และหลอมรวมมันเข้ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้ด้วยการใช้วิธีการที่ผู้ก่อตั้งทิ้งไว้”

“หลังจากที่ผ่านมาหลายปี พวกเราไม่เคยขาดแคลนเซียนจักรพรรดิเลยยกเว้นในในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ในจุดสูงสุดของพวกเรา พวกเรายังเคยมีเซียนจักรพรรดิเกิดขึ้นพร้อมกับมากกว่าสิบคนในเวลาเดียวกันเลย ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของตระกูลของพวกเราจึงมีเซียนจักรพรรดิมากกว่าร้อยคนแล้ว นั่นหมายความว่ามียุทธภัณฑ์จักรพรรดิมากกว่าร้อยชิ้นที่ได้หลอมรวมกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของผู้ก่อตั้ง พลังของมันเหนือจินตนาการในตอนนี้และมันต้องให้เซียนจักรพรรดิหลายคนในการควบคุมมัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็ยังเป็นไม่ได้ที่จะใช้พลังของมันทั้งหมด ในเวลาเดียวกัน พวกเราจะได้รับผลย้อนกลับอย่างรุนแรงที่ยากจะฟื้นคืนได้ ถ้าพวกเราควบคุมมันนานเกินไป ชีวิตของทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย และพวกเราอาจจะตายได้ในท้ายที่สุด”

เจี้ยนเฉินตกใจมากเมื่อได้ยินดังนั้น เขารู้สึกกลัวยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์ มันจะสามารถควบคุมได้โดยใช้เซียนราชาหลายคนเท่านั้น และแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถใช้พลังของมันได้ทั้งหมด ผู้ควบคุมยังจะได้รับผลย้อนกลับอย่างรุนแรง ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงยากที่จะจินตนาการได้ถึงความทรงพลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของเขานั้นเทียบไม่ติดเลย ทั้งคู่เป็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ แต่พลังนั้นแตกต่างกันมหาศาล

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเป็นสมบัติของตระกูลผู้พิทักษ์ พวกมันเป็นไพ่ตายของตระกูลผู้พิทักษ์ เช่นเดียวกับเป็นไพ่ตายที่พวกเราใช้รับมือกับเซียนจักรพรรดิ มันเป็นสิ่งที่ปกป้องพวกเรา” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวถอนหายใจอย่างมีอารมณ์

“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเกราะพลังงานดั้งเดิมของรุยจินและเฮยยู่จะสามารถทนยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้ได้หรือไม่ ถ้าเกิดตระกูลผู้พิทักษ์ใช้มันขึ้นมา” เจี้ยนเฉินสงสัยอยู่ในใจ แม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะใช้มันก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้น

เจี้ยนเฉินรู้สึกกลัวยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์มาก ต่อหน้ามัน แม้แต่โถงศักดิ์สิทธิ์ก็แยกเป็นสองเสี่ยงได้ มีเพียงเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถทนพลังของมันได้

เจี้ยนเฉินออกไปจากพื้นที่ต้องห้ามพร้อมกับเจียงหยาง ซู หยวนเซียว และกลับไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ หวงหลวนยังอยู่ในห้องกับเจียงหยาง ชิง หยุน ไม่มีใครรู้ว่าทักษะลับที่อยู่ในตัวนางนั้นถูกเอาออกมาหรือยัง

เจี้ยนเฉินเข้าไปในห้องสมุดเองและเดินผ่านส่วนที่มีวิธีการฝึกฝนและทักษะการต่อสู้ระดับเซียนถูกเก็บเอาไว้อยู่ เขาตรงไปที่ที่เก็บบันทึกโบราณเอาไว้