เมื่อได้เห็นดวงตาอันหิวกระหายทั้งหลายที่จ้องมองมาจากความมืดนั้นหลงเสี่ยวฉุนก็ต้องสั่นไปทั้งร่าง
เหล่ามารนรกทั้งหลายทั้งปวงนี้มันสุดแสนแข็งแกร่ง นางนั้นสัมผัสได้ถึงระดับเทพสวรรค์สามดาวเสียด้วยซ้ำ
มารนรกทั้งหลายนี้มันมีกำลังอย่างที่ตัวนางไม่อาจต้านทานใด ๆ ได้
“ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว!”
หลงเสี่ยวฉุนกัดฟันแน่นและพยายามบีบน้ำตาออกมา
แต่ในเวลานั้นเองมันกลับมีเสียงของเย่หยวนดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เสี่ยวฉุน ใช้แผ่นหยกที่ข้าให้ไปพาคนทั้งหลายออกไปเสีย! เจ้าไม่ต้องมาห่วงเรื่องของข้า ให้พวกมันเข้ามาลองดู!”
“แต่…” หลงเสี่ยวฉุนพยายามคัดค้าน
“ไม่มีแต่! ให้พวกมันเข้ามา!” เย่หยวนพูดตัดบท
หลงเสี่ยวฉุนเองก็ได้แต่กัดฟันกระทืบเท้า “พวกเจ้ามารวมกันทางนี้!”
พูดจบนางก็พาคนทั้งหลายเข้ามาในรัศมีและหักแผ่นหยกนั้นลงทันที
วิชาห้วงมิติเปล่าจึงถูกใช้งานขึ้นดึงตัวพวกหลงเสี่ยวฉุนทั้งหลายออกไปจากพื้นที่ทันที
“ท่านเสี่ยวฉุน นี่มัน…เราออกมาได้แล้วแต่ท่านเย่เล่า?” หลงซุนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หลงเสี่ยวฉุนเองก็ได้แต่หันไปมองที่ต้นตอของคลื่นพลังสุดแสนรุนแรงที่ขอบฟ้าก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าก็ได้แต่หวังว่าเขาจะมีทางเอาตัวรอด!”
ในเวลานี้เหล่ามารนรกเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นได้ก้าวเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยดวงตาที่หิวโหย
“วิชาห้วงมิติเปล่า! เก่งกาจเสียจริง ๆ!”
“หึ เจ้ามนุษย์นี้มันสร้างเรื่องราวเสียใหญ่โตตอนบรรลุ! ข้าว่ามันจะรุนแรงเสียยิ่งกว่าเราเหล่ามารนรกทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ!”
“ดูท่ามันจะอร่อยไม่เบา!”
…
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันไม่ได้ต่างจากอาหารอันโอชะในสายตาของเหล่ามารนรกทั้งหลาย
ส่วนเรื่องที่พวกหลงเสี่ยวฉุนทั้งหลายนั้นหนีไปได้ พวกมันย่อมไม่ได้คิดสนใจมากมาย
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
จนในที่สุดมารนรกตัวหนึ่งก็ไม่อาจอดทนไหวอีกต่อไป พุ่งร่างเข้าไปหาเย่หยวนอย่างรวดเร็ว
“เหยื่อนี้เป็นของข้า! ห้ามใครมาแย่งชิง!”
“เจ้ากล้าแย่งเหยื่อจากปากข้า เบื่อชีวิตแล้วหรือ?”
…
เมื่อมีคนคิดนำมันก็ย่อมจะมีคนทำตาม เวลานี้เหล่ามารนรกทั้งหลายเองก็ไม่อาจจะทนทานไหวพุ่งตัวเข้ามาหาเย่หยวนอย่างไม่คิดชีวิต
เหยื่ออันโอชะเช่นนี้มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยมันไปได้?
“หึ ข้านี่มันเสือนอนกินเสียจริง ๆ! เจ้าพวกโง่ทั้งหลาย ทีแรกข้าก็กังวลอยู่ว่าผลึกมารดำที่มีมันจะไม่พอใช้! แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วข้าก็ไม่คิดเกรงใจล่ะ!”
เหล่ามารนรกทั้งหลายในเวลานี้จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเย่หยวนขึ้นมาจนทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะหยุดเท้าลง
เวลาเดียวกันนั้นเองมันก็ได้เกิดคลื่นพลังรุนแรงปะทุขึ้นมาจากร่างกายของเย่หยวน
“เต๋าให้กำเนิดหนึ่ง หนึ่งให้กำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม สามให้กำเนิดชีวิตนับไม่ถ้วน! ข้าได้เข้าใจเสียที!” ท่ามกลางเสียงระเบิดรุนแรงนั้นมันแฝงมาด้วยเสียงหัวเราะของเย่หยวน
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มากพอจะระเบิดฟ้าดินให้แหลกสลายนี้เหล่ามารนรกเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างก็ขนลุกตั้งไปตาม ๆ กันรีบหันหน้าพุ่งตัวหนีออกไปสุดชีวิต
“ไม่ดีแล้ว! หนีเร็ว!”
“ให้ตายสิ! ไอ้เจ้ามนุษย์นี่มันคิดจะตายตามกันไปหรืออย่างไร?”
…
เสียงโกรธแค้นและตกตื่นดังขึ้นตาม ๆ กัน เหล่ามารนรกเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างได้แต่วิ่งหนีกันหางจุกตูด
แต่มันก็สายจนเกินไปแล้ว!
ระเบิดไร้เสียงนั้นแผ่กระจายพลังงานออกมาทั่วทิศ ทำลายทุกสิ่งอย่าง!
รวมไปถึงตัวเย่หยวน!
สภาพร่างกายของเย่หยวนตอนนี้เองก็ถูกระเบิดจนกลายเป็นฝุ่นผง!
เพียงแค่ว่าเวลานี้ร่างกายของเขาได้ค่อย ๆ กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง ก่อนจะระเบิดและรวมกันใหม่อีกครั้งขึ้นติดต่อกันเช่นนี้ไม่รู้จบ
ทุกขจุติ!
ภายใต้คลื่นพลังระเบิดรุนแรงนี้ เย่หยวนก็ได้ค่อย ๆ ผ่านพ้นทุกขจุติไปเรื่อย ๆ
แต่มันมิใช่แค่ร่างแต่รวมไปถึงจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนเองด้วยที่ถูกระเบิดจนไม่มีชิ้นดี
ท่ามกลางคลื่นพลังการระเบิดอันมหาศาลนี้ มันมีเพียงแค่สองสิ่งเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกทำลายลงไปด้วย
หนึ่งนั้นคือศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ
และอีกอย่างนั้นคือสติของเย่หยวน!
เวลานั้นอาจถูกทำลายได้ แต่มีเพียงสติของเขาเท่านั้นที่จะไม่อาจถูกทำลายลง!
“ผลึกมารดำ มาหาข้า!”
เหล่าผลึกมารดำทั้งหลายนั้นถูกเย่หยวนดึงดูดเข้ามาหากลางคลื่นพายุพลังนี้ รวมเข้ากับการระเบิดไร้สิ้นสุดเพื่อช่วยเสริมพลังของกายเนื้อ สร้างเสริมแต่งเติมจิตศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่!
พลังงานจากผลึกมารดำของเหล่ามารนรกเทพสวรรค์สองหรือสามดาวนั้นมันสุดแสนหนาแน่น สำหรับเย่หยวนในเวลานี้แล้วมันไม่มีอะไรจะมีค่าไปมากกว่าสิ่งนี้
การระเบิดนั้นยังเกิดขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนทำให้ถ้ำเนตรมังกรทั้งหมดทั้งสิ้นต้องสั่นสะท้าน
แต่เวลานี้เหล่ามารนรกทั้งหลายที่สัมผัสได้ถึงมันกลับกลัวจนหัวหด ไม่กล้าจะออกมาจากที่ซ่อน
มิติเริ่มแตกร้าว คลื่นลมพัดบ้าคลั่ง
มันราวกับว่าถ้ำเนตรมังกรทั้งหมดทั้งสิ้นนี้จะแตกสลายลงก็ไม่ปาน
…
ในห้วงลึกลงไปนั้นมีคลื่นพลังโบราณหลายร่างกำลังพูดกันอยู่ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและโกรธแค้น
เสียงแหบแห้งหนึ่งตะโกนดังขึ้นอย่างไม่พอใจ “ให้ตายสิ! ผนึกชั้นสามมันกลับพังลงเสียได้!”
อีกเสียงหนึ่งจึงได้ร้องตอบขึ้น “เฮ้อ เราก็อุตส่าห์เฝ้านรกนี้มายาวนานไม่อาจนับปี! ไม่นึกเลยว่ามันกลับจะมีใครจากภายนอกมาทำลายผนึกลงเช่นนี้!”
อีกคนหนึ่งจึงได้กล่าวขึ้นตาม “หรือว่า…เมืองนรกโลกเสมือนจะถูกบุก? ทำให้มีคนคิดจะใช้พลังเปิดนรกนี้จากโลกภายนอก?”
ในเวลานั้นมันได้มีเสียงหนึ่งที่เหมือนเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมากล่าว “หยุดคาดเดาสุ่มมั่วเสียที! ไป่เชิน เจ้าออกไปดูเสียหน่อย!”
“ได้”
ภายในห้วงความมืดมิดนั้นมันกลับมีเสียงของผู้คนตอบกลับมาพร้อมเปลี่ยนตนเองเป็นเงาสีขาวพุ่งทะยานออกไปยังโลกเบื้องบน
เมื่อไป่เชินมาถึงยังถ้ำเนตรมังกรนี้ดวงตาของเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องเบิกกว้าง
“นี่มัน…ที่แท้มันเป็นเช่นนี้! น่าสนใจจริง ๆ! ดูท่ามหาพิภพถงเทียนที่สงบมานานจะได้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมาอีกคราแล้ว!” ไป่เชินร้องบอกด้วยสีหน้าหนักใจ
“โชคยังดีที่ความเสียดายต่อผนึกนั้นมันไม่ได้มากมาย ไม่เช่นนั้นหากเหล่าสัตว์ร้ายจากผนึกชั้นสองหลุดออกมาแล้วมันคงลำบากเกินกว่าจะทนทาน”
พูดไปไป่เชินก็วาดตราขึ้นมาโดยใช้ฝ่ามือและส่งมันหายเข้าไปในความว่างเปล่า
นั่นทำให้ถ้ำเนตรมังกรที่ดูราวเหมือนจะแตกสลายลงเมื่อสักครู่นี้กลับมามีความเสถียรอีกครั้ง
แรงระเบิดนั้นมันก็ยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่าการระเบิดที่รุนแรงที่สุดมันย่อมจะเป็นการระเบิดในครั้งแรก
เวลานี้คลื่นแรงระเบิดนั้นมันไม่อาจเอามาเทียบกับในครั้งแรกได้
“ขอบคุณผู้อาวุโสท่านที่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นข้าน้อยคงตกที่นั่งลำบากเป็นแน่”
ในความคิดของไป่เชินนั้นมันกลับเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจนทำให้อารมณ์ที่นิ่งสงบมานับแสนล้านปีนี้ต้องหวั่นไหวขึ้น
“คิ้วของเขานั้นขมวดแน่นก่อนจะถาม “แค่เทพสวรรค์ตัวน้อย ๆ เจ้ากลับสามารถสัมผัสถึงตัวข้านี้ได้?”
ไป่เชินนั้นมาด้วยร่างกายอันไร้ร่าง เป็นดั่งแค่ฝุ่นผงที่ไม่อาจสร้างความเคลื่อนไหวใด ๆ ให้แก่ห้วงมิติได้เลย
เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะสัมผัสถึงตัวเขาได้
ความตื่นตะลึงในใจนี้มันไม่ได้น้อยเลย
แม้ว่าความปั่นป่วนที่เย่หยวนสร้างขึ้นนี้มันจะสุดแสนแรงล้ำ แต่ดวงตาของไป่เชินนั้นดีปานใด? แค่มองเขาก็รู้แล้วว่าเย่หยวนแค่กำลังบรรลุอาณาจักรระดับเจ็ด คนระดับนี้ไม่ถือว่าเป็นยอดฝีมือเสียด้วยซ้ำในสายตาของไป่เชิน
ด้วยกำลังของระดับนี้ต่อให้พวกเขาจะพลิกฟ้าแผ่นดินอย่างไรมันก็คงไม่อาจจะสัมผัสได้ตัวตนของเขานี้ได้
แต่เย่หยวนกลับสัมผัสได้
“สภาวะของผู้น้อยในเวลานี้มันค่อนข้างพิเศษ ทุกสิ่งอย่างในถ้ำเนตรมังกรนี้ชัดแจ้งอยู่แก่ตา เพราะฉะนั้นจึงพอจะสัมผัสถึงท่านผู้อาวุโสได้” เย่หยวนบอกกลับมา
ไป่เชินต้องหรี่ตาลงหันไปมอง ไม่อาจทราบได้ว่าตัวเขากำลังคิดอะไร
“ดูท่าจะมียอดฝีมือตัวน้อยปรากฏกายขึ้นในมหาพิภพถงเทียนอีกครั้งแล้ว! อ่า เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรด้วยหรือ?”
ฝีมือของเขานั้นเหนือล้ำเพียงแค่ส่งเสี้ยวจิตตอบกลับไปมานี้เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าในจิตของเย่หยวนนั้นมีจิตมังกรอยู่
“แม่ของผู้น้อยนั้นมาจากเผ่ามังกร” เย่หยวนรู้ดีว่าตัวเองคงไม่อาจปิดบังไป่เชินได้และตอบกลับไปตามตรง
สภาพของเขาผู้นี้มันสุดแสนลึกล้ำ เย่หยวนสัมผัสได้เพียงแค่ตัวตนของไป่เชินไม่อาจรับรู้ถึงอย่างอื่นได้ ราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเทพเจ้าจุติ
คนที่มีพลังเหนือล้ำที่สุดเท่าที่เย่หยวนเคยพบเจอนั้นมันคือแค่จีโม
แต่ตัวเย่หยวนนั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าแม้แต่ตัวจีโมเองก็ยังเป็นได้แค่เศษฝุ่นต่อหน้าผู้อาวุโสท่านนี้
ไป่เชินพยักหน้ารับ “เช่นนั้นเองหรือ ข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำตัวตนของเจ้าไว้ ด้วยพรสวรรค์ของเจ้านี้วันหน้าเจ้าจะต้องได้แบกรับภาระอันใหญ่หลวงเป็นแน่!”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ผู้อาวุโสอยู่เฝ้าที่แห่งนี้ย่อมจะมีหน้าที่ใหญ่หลวง ผู้น้อยเข้าใจแล้วว่าตนเองต้องทำอย่างไรต่อไป”
ไป่เชินพยักหน้ารับ “เจ้าบรรลุให้ดี ข้าผู้นี้ขอตัว”
พูดจบร่างนั้นมันก็จางหายไปทันทีราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกหล้า
……………..