ตอนที่ 2147 เด็ดขาด

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“เฒ่าไป่ เจ้าพูดโกหกใดก็จะไม่คิดเกินไปหน่อยหรือไม่? แค่การบรรลุอาณาจักรของเทพถ่องแท้คนหนึ่งมันจะรุนแรงจนสร้างรอยร้าวบนผนึกชั้นที่สามได้อย่างไร?”

เมื่อไป่เชินกลับมาถึงยังก้นนรกตัวเขาก็ได้เล่าบอกเรื่องราวที่ไปเจอด้านนอกให้แก่คนทั้งหลายฟังจนทำให้พวกเขาต่างต้องเลิกคิ้วสูง

การบรรลุของเทพถ่องแท้ขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ ไม่ว่ามันจะเป็นตัวประหลาดเช่นใดมันก็ไม่มีทางจะสร้างความเสียหายใดๆ ให้ผนึกชั้นที่สามได้!

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียผนึกชั้นที่สามนี้มันก็แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีจากจักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาวได้ไม่ยาก

ภายในความมืดมิดนี้ไป่เชินได้แต่ยิ้มตอบกลับไม่คิดอธิบายใดๆ ให้คนที่ไม่คิดเชื่อคำ “หึ มันเป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ! ไม่เพียงแค่มันจะทำความเสียหายให้แก่ผนึกชั้นที่สามได้แต่มันยังสามารถสัมผัสถึงตัวตนของข้าได้เสียด้วย อ่า จริงด้วยสิหัวหน้า เจ้าเด็กคนนั้นมันมีความเกี่ยวข้องกับท่านด้วย! ข้าเห็นว่ามันมีพรสวรรค์ดีไม่น้อยจึงได้ทิ้งสมบัติไว้ให้แทนตัวท่าน แน่นอนว่าหากวันหน้ามันกลับกลายเป็นคนชั่วร้ายไปเราก็จะสามารถใช้สมบัตินั้นจัดการมันลงได้ด้วย”

“โอ้? เท่าที่ฟังเจ้ามานี้มันย่อมจะเป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจทิ้งจุดนี้ไปได้ไม่เช่นนั้นคงต้องออกไปเจอหน้ามันเองเสียหน่อย แต่ฟังจากที่เจ้าว่ามานี้เจ้าเด็กคนนี้มันก็น่าสนใจจริงๆ ดูท่ามหาพิภพถงเทียนคงจะได้เจอเรื่องราวใหญ่โตขึ้นอีกครั้งแล้ว” อีกเสียงหนึ่งดังตอบกลับมาจากความมืดมิด

ไป่เชินถอนหายใจออกมาตอบ “มันราวกับว่าสงครามสิ้นโลกได้มาปรากฏต่อหน้าอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าในที่สุดห้วงการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์ก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว”

หลังจากพูดคุยกันไปอีกเล็กน้อย ในที่สุดความเงียบงันก็ได้เข้าปกคลุมความมืดมิดนี้อีกครั้ง

ภายในปราการมังกรพิรุณนี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ประจำการอยู่ต่างมารวมตัวกันในที่เดียวสิ้น

เพราะเวลานี้ที่หน้าถ้ำเนตรมังกรมันได้สั่นสะท้านและเริ่มแสดงรอยแตกร้ายออกมา

ทุกผู้คนที่มาต่างพยายามใช้ปราณเทวะของตนกดดันให้ผนึกนี้กลับมาสู่ความเสถียร

แต่คลื่นพลังรุนแรงจากภายในนี้มันทำให้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องหน้าขาวซีด

เวลานี้มีจักรพรรดิเทพสวรรค์ร่วมมือกันอยู่ราวเจ็ดถึงแปดคน แต่พวกเขากลับทำให้แค่รักษาสภาพไม่ให้ผนึกนี้แตกสลายลงเท่านั้น

หลงฉือได้แต่กัดฟันร้องขึ้นมาด้วยใบหน้าขาวซีด “ให้ตายสิ! ถ้ำเนตรมังกรมันไม่เคยจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาก่อน เหตุใดมันถึงได้มีปัญหาใหญ่เช่นนี้ขึ้นมาได้?”

ท่านเจ้ามังกรเองก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าขาวซีด “คงมิใช่ว่ามันมีมารนรกดุร้ายเก่งกาจเกิดขึ้นภายในและกำลังคิดทะลวงผนึกออกมาใช่หรือไม่? เสี่ยวฉุน…จะไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

หลงจื่อที่ได้ยินก็ยิ้มเย้ย “เช่นนี้มันก็ดี อย่างน้อยๆ เท่านี้เจ้าเด็กคนนั้นมันก็ต้องตายลงแล้วแน่! ห่าวเอ๋อ วิญญาณเจ้าบนสวรรค์จะได้สู่สุคติเสียที”

หลงฉือนั้นคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปบอกเจ้ามังกร “ท่านเจ้ามังกร ความวุ่นวายนี้…คงมิใช่ว่าเสี่ยวฉุนไปเจอเรื่องอันตรายภายในหรอกใช่หรือไม่?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวทุกผู้คนก็หน้าเปลี่ยนสีไป

ดูท่าแล้วความเป็นไปได้นี้มันจะยิ่งใหญ่ที่สุด

“หึ! ช่างเป็นดาวหายนะเสียจริงๆ เข้าถ้ำเนตรมังกรไปแล้วก็ยังไม่หยุดนำพาหายนะมา!” หลงจื่อร้องลั่น

ใบหน้างามๆ ของเจ้ามังกรจึงมืดดำลง “หลงจื่อ! เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าเสี่ยวฉุนคือใคร! เดิมทีคนที่รับหน้าที่ดูแลถ้ำเนตรมังกรนี้มันก็คือเจ้า แต่เพราะความสะเพร่าของเจ้าทำให้เสี่ยวฉุนเข้าไปภายในได้จนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากข้ารายกายเบื้องบนไปเจ้าจะรับผลที่ตามมาได้หรือ?”

หลงจื่อที่ได้ยินก็หน้าซีดลง ไม่กล้าจะพูดกล่าวใดๆ อีก

“หืม? คลื่นพลังภายในมันดูจะสงบลงแล้ว!” จู่ๆ หลงฉือก็ร้องบอกขึ้น

แน่นอนว่าเวลานี้คลื่นพลังรุนแรงจากภายในมันได้เบาบางลงจนแทบจะกลับสู่ความสงบ

นั่นทำให้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องถอนหายใจยาว

แต่ในเวลานี้มันกลับเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นที่ด้านนอกหอศิลาจรัส

หลงจื่อที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วจึงได้กล่าวขึ้นมา “ใครกันมาสร้างเรื่องแถวนี้? พวกมันไม่รู้หรือว่าที่แห่งนี้เป็นเขตต้องห้ามของปราการ?”

พูดไปเขาก็ขยับร่างหายไปทันที

“พวกเจ้า ปล่อยข้าเข้าไป! ปล่อยข้า!” ลู่เอ๋อพยายามที่จะฝ่ายามเฝ้าหอเข้าไปด้านใน

แต่ยามเฝ้าหอผู้นั้นกลับตอบกลับมา “หากเจ้าทั้งหลายคิดมาหาสร้างเรื่องแล้ว ก็อย่าได้หาว่าเราไม่เกรงใจกันอีก!”

เพราะยามที่เฝ้าหอศิลาจรัสนี้ย่อมจะเป็นเทพสวรรค์สิ้น หากพวกเขาคิดลงมือจริงๆ แล้วพวกลู่เอ๋อย่อมไม่อาจต้านทาน

ลู่เอ๋อกัดฟันร้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าเอ่อน้ำตา “ข้าขอร้องล่ะ ให้ข้าไปเถอะ! นายน้อยไม่ได้ออกมาถึงสิบปีแล้ว ข้าจะเข้าไปหาเขาเอง!”

เพราะเวลาสิบปีมานี้แท้จริงแล้วลู่เอ๋อแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับทุกวี่วัน

หากมิใช่เพราะคำของเย่หยวนที่สั่งไว้แล้ว ตัวนางคงคิดจะติดตามเย่หยวนลงถ้ำเนตรมังกรไปนานแสนนาน

แต่เมื่อเวลายิ่งผ่านไป จนเกือบถึงกำหนดครบสิบปีนี้ความหวังที่เย่หยวนจะกลับออกมามันก็ยิ่งเลือนรางจนตัวนางและคนทั้งหลายนั้นไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป

เพียงแค่ว่ายามเฝ้าหอนี้กลับไม่คิดจะฝ่าฝืนกฎใดๆ ให้คนทั้งหลายนี้

“พวกข้าอยากเข้าถ้ำเนตรมังกรมันเกี่ยวข้องใดกับพวกเจ้าเล่า? นายท่านยังไม่ออกมา เช่นนั้นข้านี่แหละจะเข้าไปหาเขาเอง!” หนิงเทียนปิงร้องบอก

แต่จู่ๆ มันก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา “มันตายไปแล้ว พวกเจ้าจะเข้าไปให้มันได้อะไร!”

คนผู้นี้คือหลงจื่อ!

ลู่เอ๋อและพวกจ้องมองดูหลงจื่ออย่างโกรธแค้น คิดอยากฉีกร่างอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ

นางนั้นรู้ดีว่าคนที่โยนนายน้อยของนางลงไปยังแดนไร้ความหวังอย่างถ้ำเนตรมังกรนั้นมันก็คือเจ้าจอมมารผู้นี้

“เจ้าพูดจาเหลวไหล! นายน้อยไม่มีทางตายลงได้ง่ายๆ หรอก!” ลู่เอ๋อกรีดร้อง

“ใช่แล้ว นายท่านนั้นมากพรสวรรค์ เป็นยอดคนเทียบ เขาย่อมจะไม่มาตายกับถ้ำเนตรมังกรกระจอกๆ ของพวกเจ้าหรอก!” หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นมาด้วยความเคียดแค้น

เมื่อได้เห็นใบหน้าสิ้นหวังของพวกลู่เอ๋อทั้งหลาย ตัวหลงจื่อก็แทบจะหัวเราะออกมา

นี่แหละคือสิ่งที่เขาตั้งตารอดู

“หึๆ ถ้ำเนตรมังกรกระจอกๆ? พวกเจ้าก็อยู่มาถึงสิบปีแล้วแต่ยังไม่เข้าใจอีกว่าถ้ำเนตรมังกรนั้นมันคือสถานที่เช่นใด! ที่แห่งนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยมารนรกนับไม่ถ้วน แต่ละตัวนั้นเก่งกาจกว่าผู้คนในระดับเดียวกันไปมากมาย ภายในนั้นอากาศมันเต็มไปด้วยคลื่นพลังชั่วร้าย เข้าไปภายในแล้วย่อมจะไม่อาจบ่มเพาะใดๆ ได้อีก แค่จะฟื้นฟูกำลังยังทำได้ยากเย็น ระหว่างที่ปราณเทวะยังไม่ทันฟื้นคืนคนที่เข้าไปก็จะถูกฝูงมารนรกเข้ามาจู่โจมไปเรื่อยๆ เจ้าคิดว่าในสถานที่เช่นนั้นคนผู้หนึ่งจะเอาชีวิตรอดไปได้นานเพียงใด? ให้ข้าบอกตรงๆ มันมีครั้งหนึ่งที่แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ยังลงไปแล้วกลับออกมาไม่ได้!”

หลงจื่อนั้นกล่าวเล่าเรื่องราวทั้งหลายนี้ออกมาในคราเดียว พูดกล่าวถึงความโหดร้ายของถ้ำเนตรมังกรให้คนทั้งหลายได้ยินได้ฟัง

และยิ่งพวกเขาได้รู้มากเท่าไหร่ พวกลู่เอ๋อก็ยิ่งสิ้นหวังมากเท่านั้น

จนสุดท้ายมันแทบจะสิ้นไร้ความหวังใดๆ อีก

พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนเก่งกาจปานใด แต่ไม่ว่าจะเก่งกาจสักเท่าใด มันก็ย่อมจะมีสภาพแวดล้อมที่ไม่อาจทนรับได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วตัวเขาเองก็คงจะหมดแรงลงในที่สุด

แล้วคำถามคือเย่หยวนจะทนอยู่ได้ถึงสิบปีหรือไม่?

“เจ้า…เจ้าพูดจาไร้สาระ! หากมิใช่เพราะเจ้าแล้วนายน้อยเองก็คงไม่ต้องลงไปในถ้ำเนตรมังกร! ข้า…ข้าจะสู้กับเจ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!”

ลู่เอ๋อร้องบอกพร้อมกระโดดขึ้นไปยังร่างบนท้องฟ้านั้น ส่งคลื่นพลังเย็นเยือกแช่แข็งทุกสิ่งอย่าง

คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเคียดแค้นพุ่งตัวตามลู่เอ๋อขึ้นไปหาหลงจื่อ รวมไปถึงตัวกู้หงด้วย

แต่ตัวตนของหลงจื่อนั้นคืออะไร?

การโจมตีเช่นนี้มันอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเด็กเล่นต่อหน้าเขานี้

“หึ!”

หลงจื่อไม่ได้โจมตีตอบกลับใดๆ เขาเพียงแค่พ่นลมออกมาทางจมูกแต่มันกลับรุนแรงหนักหน่วงส่งร่างของคนทั้งหลายร่วงลงตามๆ กัน

“อ่อก!”

“อ้า!”

“อ่อก!”

คนทั้งหลายต่างกระอักเลือดออกมาคำโตพร้อมลอยลิ่วร่วงกลับมา

ต่อหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว แม้แต่เทพสวรรค์ยังเป็นแค่มดปลวก ไม่ต้องพูดถึงเทพถ่องแท้เลย

“ไม่รู้จักประเมินตน! หากเจ้าเด็กคนนั้นมันไม่บังคับให้จักรพรรดิผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไว้ พวกเจ้าทั้งหลายคงได้ตายไปสิ้นแล้ว!” หลงจื่อร้องบอก

หลงจื่อนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แต่แท้จริงตัวเขานั้นแทบจะหัวเราะลั่น

สังหารพวกลู่เอ๋อหรือไม่นั้นมันก็แค่เรื่องราวสุดแสนเล็กน้อยสำหรับตัวเขา

แต่การได้เห็นสีหน้าเศร้าหมดหวังของคนทั้งหลายนี้ ตัวเขานั้นรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก

ลู่เอ๋อได้แต่กัดฟันแน่นอย่างเคียดแค้น

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข้าก็จะบังคับให้เจ้าต้องฆ่าข้า! วันนี้ข้าจะลากเจ้าลงนรกไปกับนายน้อยให้ได้!”

ลู่เอ๋อพุ่งตัวเข้าไปหาหลงจื่ออีกครั้งอย่างไม่มีท่าทางลังเลใดๆ

“ใช่แล้ว เราจะสู้กับเจ้าให้รู้แล้วรู้รอดไป! หากเจ้าไม่กล้าสังหารเรา เราก็จะบีบให้มือเจ้าต้องสังหารคน!” หนิงเทียนปิงร้องบอกอย่างหนักแน่นตัดสินใจแลกชีวิตกับอีกฝ่าย

……………….