“อะไรนี่หลงจื่อ เป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อเสียจริง! เจ้าว่างมากหรือ? ถึงได้มาเรียกตนเองว่าเป็นหมูเช่นนี้?”
ระหว่างที่หลงจื่อร้องตะโกน ‘หลงจื่อเป็นหมู’ ไปเรื่อยๆ ก็ได้มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นมาที่ยอดของหอคอยและถามเขาด้วยท่าทางอมยิ้ม
หลงจื่อที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วแน่น “พี่อ่าวซู่ ท่านมามีธุระใดหรือ?”
อ่าวซู่หัวเราะตอบกลับมา “เจ้ายังไม่ต้องสนหรอกว่าข้าจะมาด้วยเหตุใด สิ่งที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้ต่างหากที่มันน่าสน จักรพรรดิผู้นี้ได้ยินเจ้าเห่าหอนดังลั่นไปไกลนับแสนๆ กิโลเมตร หึๆ เผ่ามังกรเรามีสายเลือดสูงส่ง ต่อให้เจ้าจะหมดสิ้นหวังในชีวิตปานใดมันก็ไม่ควรไปเรียกตนว่าเป็นหมู เจ้าสัตว์โสโครกเช่นนั้น!”
หลงจื่อได้แต่ทำใบหน้าดำมืด ความโกรธแค้นที่มีต่อเย่หยวนมันยิ่งพุ่งทะยาน
อ่าวซู่ผู้นี้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้มาจากปราการสวรรค์มังกรม่วง หากถูกอีกฝ่ายเห็นภาพเช่นนี้ไปแล้วคนทั้งหลายในปราการสวรรค์คงได้รู้เรื่องอับอายนี้กันไปหมดสิ้น
หรือว่าชื่อเสียงที่สั่งสมมานี้ของเขาจะต้องแหลกสลายลงจนไม่มีที่จะอยู่ในเมืองบูรพาโลกเสมือน?
โชคยังดีที่อ่าวซู่ผู้นี้ค่อนข้างจะสนิทกับตัวเขาไม่น้อย หลงจื่อจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวเล่าบอกออกมา “เฮ้อ! อย่าได้พูดถึงมันเลยพี่อ่าวซู่! เวลานี้ข้าแทบไม่อาจหายใจหายคอได้สะดวก แทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว!”
อ่าวซู่ย่อมจะรู้ดีว่าหลงจื่อนั้นครอบครองอำนาจในปราการมังกรพิรุณเหนือล้ำเจ้ามังกร กดให้หลงซีเยว่นั้นเป็นได้แค่หัวโขน
เพราะฉะนั้นภาพตรงหน้านี้มันจึงยิ่งไม่อาจจะเป็นไปได้
“หืม? เช่นนั้นมันยังมีคนที่ทำให้เจ้าไม่พอใจถึงเช่นนั้นได้ในปราการมังกรพิรุณนี้?” อ่าวซู่ถามขึ้นอย่างสงสัย
หลงจื่อเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เมื่อก่อนมันไม่มี แต่เวลานี้…เฮ้อ!”
เขานั้นเริ่มบอกเล่าเรื่องราวหลายปีที่ผ่านมานี้ แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่ได้พูดถึงความผิดที่หลงห่าวก่อ
เมื่ออ่าวซู่ได้ยินได้ฟังตัวเขาก็ต้องเบิกตากว้างออกมา
“เจ้าจะบอกว่ามันคนนั้นใช้เวลาสิบปีบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ภายในถ้ำเนตรมังกร ได้รับตรามังกรสวรรค์และยังกลับออกมาได้อย่างนั้นหรือ?” อ่าวซู่ถามขึ้น
หลงจื่อพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว!”
“ถุย! ใช่แล้วกับพ่อเจ้าเถอะ! เฒ่าหลงจื่อเจ้าคิดว่าข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าหรือ?” อ่าวซู่ถุยน้ำลายออกมาต่อหน้าหลงจื่อ เขาย่อมจะไม่เชื่อคำของหลงจื่อแน่แล้ว
แต่ในเวลานั้นเองอ่าวซู่กลับต้องเบิกตากว้างขึ้นอีกครั้งก่อนจะยื่นมือออกมารับก้อนคำสั่งสีขาวนวลที่ลอยมาตกลงยังมือของเขา
อ่าวซู่ที่รับมันมาก็รีบส่งจิตลงไปอ่านดูภายในจนทำให้สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนสี
“หลงจื่อ เจ้าเล่าว่าเด็กคน…ทายาทมังกรสวรรค์ผู้นั้นมีนามว่า?” อ่าวซู่ถามขึ้นมา
“มันมีนามว่าเย่หยวน!” หลงจื่อกัดฟันบอก
เมื่อได้รับคำยืนยันแล้วสีหน้าของอ่าวซู่ก็เปลี่ยนไปทันทีด้วยความตกตะลึง “เช่นนั้นคำพูดที่เจ้ากล่าวมาเป็นความจริงสิ้น?”
หลงจื่อเองก็ไม่รู้ต้องตอบว่าอย่างไร “มันย่อมแน่นอน!”
อ่าวซู่ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่คิดเชื่อสายตา
เรื่องราวที่หลงจื่อเล่ามานั้นต่อให้จะเป็นยอดคนมาจากไหนมันก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ไหนจะยังเรื่องที่เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นติดต่อกันเสียอีก
เรื่องครั้งนี้มันเหนือล้ำจนเกินไป!
หลงจื่อที่ได้เห็นท่าทางของอีกฝ่ายต้องอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “พี่อ่าวซู่มายังปราการมังกรพิรุณเรานี้ หรือว่า…”
อ่าวซู่พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ข้ามาเพื่อเชิญหลงเสี่ยวฉุนเข้าร่วมศึกทายาทมังกรที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ แต่ว่า…มันเพิ่งมีคำสั่งลับลงมายังปราการข้าว่าบนแท่นตรามังกรสวรรค์มันได้เกิดปรากฏอีกชื่อหนึ่งขึ้นและมันเขียนไว้ว่าเย่หยวน เป็นคนจากปราการมังกรพิรุณของเจ้า! ข้าไม่นึกเลยว่าปราการมังกรพิรุณน้อยๆ นี้กลับจะสามารถให้กำเนิดทายาทมังกรสวรรค์ได้ถึงสองคน!”
…
“ฮ่าๆ เย่หยวน เห็นย่าทวดแล้วยังไม่คิดก้มหัวคารวะอีกหรือ?” หลงเสี่ยวฉุนยังคงล้อเรื่องนี้กับเย่หยวนต่อไป
เย่หยวนเองก็ไม่รู้ต้องตอบไปอย่างไร ดูท่าแล้วหลงเสี่ยวฉุนคงเล่นเรื่องนี้กับเขาไปจนลูกบวชแน่ๆ
แต่ทว่าหลงซีเยว่กลับพูดขัดขึ้น “เสี่ยวฉุน เจ้าอย่าได้ทำตัวเสียมารยาทนัก! แม้จะไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เย่หยวนได้ครองตรามังกรสวรรค์มา แค่เรื่องที่เขามีฤทัยแห่งฟานจู้หลงนี้มันก็เหมือนดั่งเขาเป็นลูกโดยตรงของท่านพี่โดยไม่สนรุ่นใดๆ แล้ว หากนับกันที่รุ่นจริงๆ ตัวเขาเองก็คงอยู่ในรุ่นเดียวกับเจ้า! แถมเจ้านั้นยังอ่อนกว่าตัวเขา เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเรียกเขาว่าพี่!”
หลงซีเยว่อธิบายพร้อมมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเอ็นดู
นางและหลงฉินนั้นเป็นพี่น้องที่สนิทกันไม่น้อย ความรักที่มีต่อครอบครัวของพี่น้องมันย่อมจะแผ่ขยายไปถึงลูกหลานได้ง่ายดาย แน่นอนว่าเวลานี้นางย่อมจะไม่มองเย่หยวนเป็นคนอื่นเหมือนก่อนแล้ว
หลงเสี่ยวฉุนที่ได้ยินก็ต้องแม่มปากแน่น “อะไรเล่า? ข้ายังข่มเขาได้ไม่ทันไรท่านแม่ก็มาทำลายเรื่องราวเสียสิ้นแล้ว”
เย่หยวนที่ได้ยินเองก็มึนงงไม่น้อย ที่แท้การนับญาติของเผ่ามังกรมันมีวิธีการนับเช่นนี้อยู่ด้วย
หลงซีเยว่นั้นจ้องมองดูหลงเสี่ยวฉุนด้วยสายตาดุดัน “นังเด็กคนนี้ เจ้าไม่ยอมบ่มเพาะอย่างตั้งใจเสียที! เจ้ามันรู้จักแต่ก่อเรื่องไปวันๆ! ศึกทายาทมังกรเองก็ใกล้จะเข้ามาถึงทุกที จากวันนี้ไปเจ้าต้องตั้งใจบ่มเพาะให้ดี ตั้งเป้าบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวให้ได้เร็วที่สุด! หากครั้งนี้เจ้าแพ้ในศึกทายาทมังกรแล้วแม่จะไม่สอนสิ่งใดให้เจ้าอีกต่อไป!”
เมื่อหลงเสี่ยวฉุนได้ยินคำว่าบ่มเพาะ นางก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมขมับ
“ท่านแม่ อย่าได้บังคับข้าอีกเลย! ท่านดูสิ ข้าเองก็บ่มเพาะมาอย่างหนักแน่นยาวนานแล้ว มาจนถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้เร็วปานนี้เชียวนะ” หลงเสี่ยวฉุนพยายามเถียง
แต่หลงซีเยว่นั้นไม่คิดจะถอนแม้แต่น้อย “ยังจะมาเถียงอีก! มีหรือที่แม่เจ้านี้จะไม่รู้จักเจ้า? หากเจ้าไม่ตั้งใจแล้วแม่จะขังเจ้าให้ดู!”
หลงเสี่ยวฉุนได้แต่ยิ้มแหยๆ ออกมาแต่จู่ๆ นางก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกและหันไปดึงแขนเย่หยวนแทน ราวกับว่าเรื่องราวที่ล้อเลียนเขาก่อนหน้านี้มันไม่เคยเกิดขึ้น “พี่เย่หยวน…”
หลงซีเยว่เองก็แทบจะลุกขึ้นฟาดนาง แต่เย่หยวนกลับยิ้มขึ้นห้ามก่อน “ท่านอา ท่านอย่าได้บังคับเสี่ยวฉุนเช่นนี้เลย ด้วยพรสวรรค์ความสามารถของนางแล้วการบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวนั้นมันย่อมแสนง่ายดายมิใช่หรือ?”
หลงเสี่ยวฉุนพยักหน้ารับคำของเย่หยวนราวกับไก่ที่เป็นโรค ดูท่านางจะเห็นด้วยอย่างมาก
คำนี้ของเย่หยวนมันไม่ได้กล่าวออกมาลอยๆ เพื่อคิดเอาใจหลงเสี่ยวฉุนใดๆ แต่พรสวรรค์ของนางนั้นมันเหนือล้ำจนเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตจริงๆ
ต่อให้จะเป็นเจ้าหลินฉางชิงที่มาอวดอ้างว่าตนเองเป็นยอดอัจฉริยะนั้นเองก็ไม่อาจเทียบเคียงใดๆ หลงเสี่ยวฉุนได้
นี่มันเป็นเพียงเพราะว่าหลงเสี่ยวฉุนนั้นติดเล่น ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงไม่มาหยุดแค่ที่เทพสวรรค์หนึ่งดาวแน่
หากนางตั้งใจบ่มเพาะอย่างหนักแน่นแล้ว พลังฝีมือในเวลานี้ของนางมันคงเหนือล้ำจนเข้าขั้นน่ากลัว
หลงซีเยว่ส่ายหัวออกมา “เจ้านั้นยังไม่รู้ดีแต่ศึกทายาทมังกรเรานี้มันสำคัญถึงขั้นการเกิดหรือดับของปราการ ตอนนี้เมื่อมันใกล้เข้ามาถึงเต็มทีเช่นนี้ด้วยนิสัยของนาง นางคงต้องพ่ายแพ้หนักหนาในศึกทายาทมังกรนี้แน่ เหล่าผู้คนที่มีตรามังกรสวรรค์นั้นต่างไม่เคยมีคนธรรมดาล้วนเป็นทายาทมังกรสวรรค์สิ้น ทุกผู้คนมีกำลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่านาง และส่วนมากจะยังเก่งกาจกว่าเสียด้วย”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วางใจเถอะท่านอา การบรรลุของเสี่ยวฉุนนี้ข้าจัดการให้เอง”
หลงซีเยว่ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ “ข้าเกือบลืมไป เจ้าคือรองมหาปราชญ์ที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่งตั้งขึ้นนี่นา! เช่นนั้น…ข้าคงไม่เกรงใจล่ะ!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เรานั้นเป็นหนึ่งครอบครัว ไม่ต้องทำตัวห่างเหินไปหรอก”
หลงซีเยว่ยิ้มรับ “ข้าเองก็ไม่นึกเสียจริงๆ ว่าพี่ข้าจะมีทายาทอันเหนือล้ำเช่นเจ้านี้ได้ หากให้เวลาอีกหน่อยแล้วเจ้าคงเก่งกาจเหนือล้ำบรรพบุรุษไปได้แน่!”
หลงเสี่ยวฉุนจึงได้หัวเราะขึ้นตาม “เยี่ยม! แค่กินโอสถก็บรรลุได้ ช่วยได้มากเลย!”
…
ต่อหน้าอ่าวซู่นั้นหลงจื่อพยายามปั้นหน้าเอาใจอีกฝ่าย “พี่อ่าวซู่ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะ! ไหนจะเรื่องที่มันฆ่าห่าวเอ๋อข้าอย่างไร้เหตุผล ไหนจะเรื่องที่มันทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้! ข้าไม่อาจจะทนแบกรับมันไว้ได้แล้ว!”
อ่าวซู่แสดงสีหน้าหนักใจออกมาพร้อมส่ายหัว “น้องหลงจื่อ พี่เจ้านี้ก็รู้ว่าเจ้าลำบากปานใด แต่เจ้าเองก็รู้ดีว่าเขานั้นคือทายาทมังกรสวรรค์ ด้วยตำแหน่งของข้านั้นมันย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้แน่!”
หลงจื่อได้แต่ต้องร้องด่าเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ในใจ ก่อนจะกัดฟันบอก “หากพี่อ่าวซู่ช่วยน้องคนนี้แล้ว น้องคนนี้ก็จะมอบค้อนโยกนภาให้อย่างไม่ลังเลใดๆ เลย”
อ่าวซู่ได้แต่อมยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อเสนอ “น้องหลงจื่อวางใจเถอะ เรานั้นเป็นดั่งพี่น้องกัน เรื่องราวของเจ้านั้นมันก็เหมือนเรื่องราวของข้า ความแค้นใดที่เจ้ามีพี่เจ้านี้จะช่วยสะสางเอง!”
………………