หลังจากที่โอสถนั้นถูกหลอมขึ้นมาหลงเสี่ยวฉุนก็บรรลุขึ้นในวันถัดไป
หลังจากนั้นเย่หยวนก็ได้ออกเดินทางมากับหลงเสี่ยวฉุนและอ่าวซู่ เดินทางมุ่งหน้าออกจากปราการมังกรพิรุณ
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดอยากจะเข้าร่วมศึกทายาทมังกรใดๆ นี้แม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เขาเดินทางออกมาตามหาลู่เอ๋อนี้มันก็ผ่านไปนับร้อยปี เขานั้นกังวลเรื่องราวของทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อยู่ไม่น้อยและคิดอยากจะเดินทางกลับทันทีหลังจบเรื่องราวต่างๆ ลง
แต่ตัวเขานั้นก็ไม่อาจจะทนแผนการอ่อนแข็งหลอกล่อของหลงเสี่ยวฉุนรวมไปถึงสายตาคาดหวังของหลงซีเยว่นั้นได้ สุดท้ายจึงได้เดินทางออกมาด้วยความไม่เต็มใจนัก
“หึๆ ทายาทมังกรเย่ท่านเก่งกาจมากพรสวรรค์ ถึงขั้นสามารถจะก้าวขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ข้าว่าวันหน้าท่านคงได้เข้าเขามังกรสวรรค์เป็นแน่” อ่าวซู่กล่าวชม
เขานั้นวางตัวอย่างเป็นมิตรและอ่อนน้อม ไม่มีท่าทีเหมือนดั่งว่าเป็นยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์เหนือล้ำผู้คนใดๆ
แต่ทว่าตัวเขานั้นได้คิดวางแผนร้ายหมายฆ่าเย่หยวนมานาน
จากคำบอกเล่าของหลงจื่อนั้นอ่าวซู่ได้รับรู้ถึงความเป็นตัวประหลาดของเย่หยวนมาอย่างแจ่มชัด
หากสัตว์ประหลาดเช่นนี้เติบโตขึ้นไปได้มันคงเป็นภาระอันตรายแก่ทายาทมังกรอ่าวหยู
เรื่องเช่นนั้นจะปล่อยเฉยไว้ไม่ได้!
อ่าวหยูนั้นคือทายาทมังกรสวรรค์ของทางปราการมังกรม่วงและเป็นหลานของอ่าวซู่ผู้นี้ด้วย
เพราะฉะนั้นต่อให้หลงจื่อจะไม่ได้จ้างใดๆ เขาก็คงวางแผนฆ่าเย่หยวนทันทีที่ได้รู้ถึงความน่ากลัวของเย่หยวน เวลานี้เขาจึงได้วางแผนร้ายด้วยหน้าตาย
“ผู้อาวุโสเองก็พูดเกินไป เย่ผู้นี้ก็ไม่ได้เก่งกาจใดมากมาย” เย่หยวนยิ้มตอบ
แต่ทางหลงเสี่ยวฉุนที่ได้ยินนั้นกลับส่ายหัวออกมา “เจ้าเองก็ตอแหลจริง! เก่งกาจมากมายปานใดรู้อยู่แก่ใจกลับมาทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องราว! โอสถหนวดมังกรม่วงวิหารของเจ้านั้นมันรุนแรงปานใด นักบวชเจ็ดดาวทั้งหลายในปราการมันไม่อาจเทียบเคียงได้แม้แต่เศษเล็บเจ้า!”
อ่าวซู่ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน เด็กคนนี้มันรู้วิธีการหลอมโอสถ ทั้งยังมีฝีมือเก่งกาจด้วย?
ไม่ว่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดหลงเสี่ยวฉุนถึงได้บรรลุรวดเร็วปานนั้น ที่แท้แล้วมันเป็นเพราะโอสถนี่เอง
อ่าวซู่นั้นรู้จักนิสัยเกียจคร้านของหลงเสี่ยวฉุนมานานและย่อมจะรู้ดีว่านางไม่อาจเทียบอ่าวหยูได้จึงไม่ได้คิดใส่ใจใดๆ
เขานั้นไม่ได้นึกฝันว่ามาถึงครั้งนี้กลับจะพบว่าหลงเสี่ยวฉุนนั้นได้บรรลุขึ้นมาในชั่วข้ามคืน
เท่านี้หลงเสี่ยวฉุนเองก็จะได้กลายเป็นศัตรูที่เก่งกาจต่ออ่าวซู่แล้ว
เย่หยวนที่ได้ยินก็ถึงกับต้องผงะ เขานั้นเพียงแค่พูดถ่อมตัว เหตุใดมันกลายเป็นเรื่องเลวร้ายในสายตาหลงเสี่ยวฉุนไปได้?
คนอื่นกล่าวชมแล้วเราควรวางหน้าเหนือล้ำใส่ อวดอ้างว่าตัวเองเก่งกาจตอบกลับไปหรือ?
ทำเช่นนั้นอีกฝ่ายจะตอบกลับมาอย่างไรเล่า!
เว้นเสียแต่ว่าตัวเขาไม่ได้รู้เลยว่าเวลานี้จิตสังหารที่แอบแฝงของอ่าวซู่มันยิ่งดุร้ายมากขึ้น
คนทั้งสามนั้นต่างพุ่งตัวก้าวมารวดเร็ว ครึ่งเดือนต่อมานี้พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงสันเขาที่มียอดสูงล้ำแห่งหนึ่ง
“พวกเจ้าทั้งสอง เราคงต้องแยกกันที่นี่สักพัก จักรพรรดิผู้นี้ยังต้องไปรับทายาทมังกรสวรรค์แห่งปราการหวังทักษิณนามหลงเจิ้งกลับไปยังปราการมังกรม่วงพร้อมๆ กัน พวกเจ้าทั้งสองนั้นเดินทางช้ากว่าข้ามา คงต้องขอให้พวกเจ้ารออยู่ที่นี่เสียหน่อย ครึ่งเดือนจากนี้จักรพรรดิผู้นี้จะกลับมารับ” อ่าวซู่ยกมือขึ้นคารวะบอก
หลงเสี่ยวฉุนนั้นมีความคิดใสซื่อไม่สงสัยเรื่องราวใดๆ ยกมือขึ้นมาโบกไล่ “ไปเถอะๆ เราจะอยู่รอ”
อ่าวซู่ยิ้มรับก่อนจะพุ่งตัวหายไป
หลังจากที่อ่าวซู่จากไปแล้วเย่หยวนก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
“นี่! เจ้ามึนงงสงสัยอะไร? เราผ่านถ้ำเนตรมังกรออกมาได้แล้ว แต่ป่าเช่นนี้ก็ทำให้เจ้ากลัวหรือ?” หลงเสี่ยวฉุนร้องบอก
เย่หยวนจึงได้แต่ขมวดคิ้วตอบกลับไป “ศัตรูร้อยคนไม่น่ากลัวเท่ามิตรทรยศคนเดียว เหล่าศัตรูทั้งหลายนั้นมันอาจจะเข้ามาโจมตีมุ่งหมายชีวิตแต่พวกที่แฝงเข้ามาเป็นมิตรนั้นมันน่ากลัวกว่ามาก! ที่แห่งนี้มันมีรากฐานมิติที่ไม่หนาแน่น หากมีใครคิดลอบเข้ามาโจมตีเรานั้นมันจะย่อมเหมือนปลาติดแห เราจะไม่อาจหาได้เลยว่ามันมาจากไหน แน่นอนว่าที่เช่นนี้มันย่อมจะเป็นสวรรค์ของการลอบโจมตี!”
หลงเสี่ยวฉุนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “พี่เย่หยวนของข้า เจ้าจะไม่กังวลเกินไปหรือ? ในเมืองบูรพาโลกเสมือนนี้มันจะยังมีใครกล้ามาโจมตีเผ่ามังกรชั้นสูงอย่างเรา?”
ดูท่าแล้วหลงเสี่ยวฉุนย่อมจะไม่คิดเชื่อคำของเย่หยวนแม้แต่น้อย
แต่เย่หยวนนั้นเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มามากมาย ไม่รู้ว่าต้องเจอคนลอบโจมตีหมายคิดสังหารมาเท่าไหร่ แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่มีความคิดแบบหลงเสี่ยวฉุนนี้
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ที่แห่งนี้มันไม่ควรอยู่นานนัก เรารีบๆ ไปเสียดีกว่า”
หลงเสี่ยวฉุนจึงตอบกลับมา “จักรพรรดิเทพสวรรค์อ่าวซู่บอกให้เรารอ หากเราไปแล้วเขาจะไปหาเราที่ไหนเล่า?”
เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “ข้าเกรงว่าเขาคนนั้นเองก็จะไม่ได้มีเจตนาดีนัก!”
เดิมทีเย่หยวนนั้นไม่อาจจะสัมผัสถึงความผิดปกติใดๆ จากตัวอ่าวซู่ได้ แต่คำพูดของอ่าวซู่เมื่อสักครู่นี้มันน่าสงสัยจนเกินไป!
เดินทางช้า?
แยกทาง?
จะบอกว่าการพาเทพสวรรค์สองคนไปด้วยนั้นมันช้าเสียเวลามากหรือ? คนที่เขาไปรับเองก็เป็นเทพสวรรค์มิใช่หรือ?
ที่สำคัญมาแยกทางกันตรงนี้มันก็จะไม่น่าสงสัยไปหน่อยหรือ?
สัญชาตญาณของเย่หยวนมันร้องบอกว่าที่แห่งนี้อันตราย!
ยิ่งคิดไปมากเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกถึงแผนร้ายนี้และพอจะมองออกได้ว่าเป้าหมายมันอาจจะเป็นพวกเขาทั้งสองคน!
หลงเสี่ยวฉุนนั้นรู้สึกถึงท่าทางของเย่หยวนและกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “เย่หยวน เจ้าเองก็จะคิดมากไปแล้ว! จักรพรรดิเทพสวรรค์อ่าวซู่นั้นไม่ได้วางตัวเหนือหัวเรา ระหว่างทางมาเรามีปัญหาใดเขาก็ดูแลให้สิ้น มีหรือที่เขาจะมาคิดทำร้ายใดๆ เรา?”
เย่หยวนได้แต่ปิดปากเงียบ นังเด็กคนนี้มันมีความคิดบริสุทธิ์จนไม่ได้เข้าใจถึงความชั่วร้ายของจิตใจคน
ตัวเย่หยวนนั้นไม่คิดเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเมืองบูรพาโลกเสมือนนี้มันจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้ปานนั้น ความแตกแยกเกิดขึ้นทุกที่ที่มีผู้คน
แม้ว่าเย่หยวนจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดอ่าวซู่จึงคิดลงมือต่อพวกเขาหรือต้องการทำอะไรต่อพวกเขากันแน่ แต่ที่แห่งนี้มันย่อมจะสุดแสนอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย
เย่หยวนขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ไป?”
“ไม่ไป! เจ้าไปก็ไปเอง!” หลงเสี่ยวฉุนร้องบอกอย่างไม่ยอมฟัง
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าอ่าวซู่มันจะมีปัญญาสักแค่ไหน!”
เพราะตัวเขานั้นย่อมไม่คิดว่าอ่าวซู่นี้จะลงมือจัดการพวกเขาทั้งสองด้วยตัวเอง
เพราะไม่ว่าอย่างไรอ่าวซู่ก็ได้รับหน้าที่ให้เชิญพวกเขาไปร่วมงาน หากคนทั้งสองตายลงด้วยมือของอ่าวซู่แล้วตัวเขาเองก็คงไม่อาจพ้นโทษตายไป
หลงเสี่ยวฉุนนั้นกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเหยียดหยาม “เย่หยวน ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ! เจ้าใช้ความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่น! ไม่ใช่ทุกคนบนโลกหล้ามันจะใจดำเหมือนเจ้าหรอกนะ”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปพร้อมเดินขึ้นเขาหาที่พักผ่อน
แน่นอนว่ามุมมองของผู้คนที่มีต่อโลกมันแตกต่าง หลงเสี่ยวฉุนนี้มีความคิดที่สุดแสนบริสุทธิ์ คิดว่าโลกใบนี้มันเป็นอย่างที่เห็นสิ้น
แต่มันก็เพราะแบบนี้มิใช่หรือเย่หยวนจึงมองนางเป็นดั่งน้องมาตลอด?
เชื่อมั่นในสหายสุดใจ คนที่คิดอะไรง่ายๆ เช่นนั้นย่อมจะถูกหักหลังลงอย่างง่ายดาย
เย่หยวนเองก็ไม่คิดจะเถียงใดๆ ปล่อยให้หลงเสี่ยวฉุนตามตัวเย่หยวนมาอย่างโกรธเคือง “หึ! ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้! จักรพรรดิเทพสวรรค์อ่าวซู่นั้นไม่ได้มีความแค้นใดๆ กับเรา ทั้งยังอ่อนแอกับเรามาก เหตุใดเขาจึงต้องมาวางแผนทำร้ายเรา…”
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการแสดงของอ่าวซู่มันก็เหนือล้ำอย่างมาก อย่างที่แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังไม่อาจสังเกตความผิดปกติใดๆ ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงหลงเสี่ยวฉุนเลย
อ่าวซู่นั้นอยู่มานับล้านๆ ปีย่อมจะไม่ได้อยู่เปล่าๆ
แม้แต่เย่หยวนก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงถึงจิตสังหารที่ลึกล้ำของเขา
ระหว่างทางมานั้นอ่าวซู่ไม่ได้วางตัวใกล้ชิดสนิทกับคนทั้งสองใดๆ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้วางท่าเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เหนือหัวคนทั้งสองด้วย
ตอบทุกข้อสงสัย ช่วยในทุกปัญหา
ทุกสิ่งมันดูปกติจนเหมือนธรรมดา
เขานั้นทำตัวเหมือนดั่งคุณลุงใจดีคนหนึ่ง
หากมิใช่เพราะข้ออ้างที่เขาใช้มันฟังดูไม่สมเหตุสมผลและมิติที่แสนอันตรายในที่แห่งนี้แล้วแม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็คงไม่อาจสัมผัสได้ถึงอันตรายใด
“พูดมาสิ! กล่าวอะไรกลับมาบ้าง! ไม่พูดเช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าพูดถูกใช่หรือไม่เล่า? หึ! ครึ่งเดือนจากนี้เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์อ่าวซู่กลับมา ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะทำหน้าอย่างไรตอนเจอเขา!”
แต่ทว่าสิ่งที่หลงเสี่ยวฉุนไม่รู้เลยก็คือคนที่กลับมามันมิใช่จักรพรรดิเทพสวรรค์อ่าวซู่ แต่เป็นกลุ่มโจรท่าทางดุร้ายป่าเถื่อนที่มาแทน
………………………