เฉินฉางเซิงคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ก้าวต่อไปอีกหนึ่งก้าว
ลมเย็นพุ่งออกมากระทบเส้นผม ทำให้เส้นผมปลิวพลิ้ว
เจตจำนงกระบี่ที่แข็งแกร่งไร้ผู้ต้านมาพร้อมกับสายลมและโจมตีอย่างเงียบเชียบ
ในครั้งนี้ เขาคิดเป็นเวลานานยิ่งขึ้น
เขาต้องตัดสินใจ จะใช้ประกายดาวในช่องลมปราณสามร้อยหกสิบห้าจุดเพื่อสร้างเขตแดนดวงดาวป้องกันหรือว่าจะใช้เจตจำนงกระบี่ดี
ในที่สุดเขาก็เลือกอย่างหลัง
เพราะซูหลีเป็นอาจารย์สอนวิถีกระบี่ให้เขา
วันนี้เขาย่อมใช้วิถีกระบี่เพื่อรับการทดสอบจากเส้นทางนี้ เพราะมีแต่ทางนี้จึงจะเป็นการส่งคำตอบที่ถูกต้อง
เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนออกจากฝักและบินเข้าสู่อากาศ
ปราณและเจตจำนงกระบี่ไม่เหมือนกัน ไม่อาจผสมรวมกันได้ แต่กลับทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีความขัดแย้งแม้แต่น้อย
โก่วหานสือเห็นภาพนี้ในหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยความชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตา
ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะก้าวหน้าในวิถีกระบี่ขนาดไหน เจตจำนงกระบี่ของเขาก็ยังไม่เข้มข้นและบริสุทธิ์เท่ากับซูหลี ทำให้ยากที่จะเอาชนะได้ในแง่คุณภาพ
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ปริมาณเพื่อชดเชย
มันดูธรรมดามาก แต่พอคิดดูอีกทีกลับก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
นอกจากเขายังมีใครในโลกที่จะใช้เจตจำนงกระบี่มากมายถึงเพียงนี้ได้พร้อมกันแถมยังสามารถควบคุมได้ตามใจอีกด้วย
เสียงเสียดสีนับไม่ถ้วนดังขึ้น
ลมหายไปอย่างฉับพลัน แต่เถาวัลย์บนผนังหินเริ่มสั่นไหว
เถาวัลย์พวกนี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่มาหลายร้อยปีย่อมไม่ถูกมันทำลาย แต่ตอนนี้กลับเริ่มขาดและร่วงลง
แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้แต่เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังทำการต่อสู้กันอย่างเงียบงันตรงหน้าผนังหิน
มันเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนทำการต่อสู้กันอย่างแผ่วเบาที่สุด
ปราณของโลกน่ากลัวยิ่งขึ้นในการต่อสู้นี้และแสงจากท้องฟ้าก็หม่นมัวลงอย่างฉับพลัน
เฉินฉางเซิงเดินไปที่เถาวัลย์
เถาวัลย์ฉีกขาดลงทีละเส้นๆ เผยทางเข้าสู่ทางเดินที่ทอดผ่านผนังหิน
เขาเข้าไปโดยไม่ลังเล
การต่อสู้ของเจตจำนงกระบี่ยังดำเนินต่อไปด้านหลัง อากาศโดยรอบทางเข้าทางเดินเต็มไปด้วยรูลมหมุนสีขาวนับไม่ถ้วน บดบังภาพภายในเอาไว้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก้อนหินก็พลันระเบิดออกพร้อมเสียงคำรามของกระบี่
……
……
ทางเดินผ่านผนังหินแคบมาก ท้องฟ้าเป็นเส้นบางอยู่เหนือศีรษะ ในขณะที่เดินทางผ่านทางเดินนี้ เฉินฉางเซิงก็รู้สึกว่ารอบด้านมืดมัวลงกว่าเดิม
ผนังทางเดินเต็มไปด้วยรอยกระบี่ ปลายทั้งสองด้านบางมากในขณะที่ตรงกลางหนากว่าเล็กน้อย ดูค่อนข้างมนแต่แหลมคมยิ่ง
รอยกระบี่แหลมคมแต่ละรอยเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงกระบี่
เจตจำนงกระบี่ลอยขึ้นจากผนังและฟันใส่หน้าของเฉินฉางเซิงอย่างรุนแรง โจมตีใส่แดนลี้ลับและห้วงแห่งจิตพร้อมกัน
เฉินฉางเซิงไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ถือกระบี่ในแนวขวางระดับคิ้วราวกับโซ่เหล็ก
นี่เป็นเพลงกระบี่อันดับสามที่ซูหลีสอนให้เขา เพลงกระบี่โง่งม
วิชานี้ขึ้นอยู่กับนิสัยของผู้ใช้ และด้วยนิสัยสุขุมหนักแน่นของเฉินฉางเซิง วิชานี้จึงแข็งแกร่งราวกับก้อนหินใหญ่เมื่ออยู่ในมือของเขา
เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง เสียงกระบี่ดังก้องไปทั่วทางเดินราวกับกระบี่สองเล่มปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
เบื้องหน้าสายตาเฉินฉางเซิงเต็มไปด้วยกระบี่ตรงที่ส่องประกายไปทั่วคมกระบี่ ผนังสองด้านของทางเดินเต็มไปด้วยรอยกระบี่ใหม่หลายสิบรอยในทันที
กระบี่ของเขาสามารถป้องกันเจตจำนงกระบี่ที่มองเห็นได้ ทว่าไม่อาจป้องกันเจตจำนงกระบี่ที่มองไม่เห็นที่โจมตีร่างกายเขา
เมื่อเขาก้าวไปตามทางนี้ กลิ่นอายน่ากลัวก็หนาแน่นยิ่งขึ้น ห้วงแห่งจิตเกิดคลื่นปั่นป่วนที่ถูกเจตจำนงกระบี่สับจนกลายเป็นฟอง
เมื่อฟองพวกนี้ปรากฏขึ้นและกระจายไป เขารู้สึกราวกับดวงตาถูกทิ่มแทงและผิวหนังถูกกรีดเฉือน
เจตจำนงกระบี่พวกนี้คือบททดสอบที่แท้จริง คนที่ไม่มีดวงจิตสงบบริสุทธิ์และจิตใจที่หนักแน่นย่อมไม่อาจที่จะทนได้
เฉินฉางเซิงถือกระบี่ไว้เบื้องหน้าเดินต่อไป
ทางเดินใกล้ทางเข้านั้นแคบมาก แต่มันค่อยๆ กว้างขึ้นเมื่อเดินลึกเข้าไป อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าทางเดินนี้จะเดินง่ายขึ้น ในทางกลับกัน รอยกระบี่กลับมีมากขึ้นกว่าเดิม ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เจตจำนงกระบี่น่าหวาดกลัวขึ้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือรอยกระบี่ค่อยๆ เชื่อมต่อกันและสร้างกระแสจู่โจมไม่ขาดสาย
รอยกระบี่แต่ละรอยคือการโจมตีหนึ่งกระบี่ เมื่อพวกมันเชื่อมต่อกัน ก็กลายเป็นเพลงกระบี่
ในตอนนั้นเองที่เฉินฉางเซิงได้เริ่มเผชิญหน้ากับวิถีกระบี่ของซูหลีอย่างแท้จริง
เจตจำนงกระบี่น่ากลัวออกมาจากผนังและบดบังแสงจากด้านบนและประกายสีเขียวโถมเข้าหาเขาราวกับทะเล
ร่างของเฉินฉางเซิงไหวเอนเล็กน้อยเมื่อเขาเกือบจะก้าวพลาด ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย
หากเขาไม่ลับจิตใจตัวเองในทะเลแห่งเจตจำนงกระบี่ภายในฝักซ่อนคมมานับครั้งไม่ถ้วน เขาก็คงจะล้มลงแล้ว
เขาจะเดินผ่านทะเลเจตจำนงกระบี่ที่กว้างใหญ่ได้อย่างไร เขาจะทำลายเพลงกระบี่ของซูหลีได้อย่างไร
เฉินฉางเซิงตั้งใจฟังเสียงโหยหวนยามที่เจตจำนงกระบี่บินผ่านอากาศ สังเกตรอยกรีดเจตจำนงกระบี่ที่กรีดผ่านอากาศ สัมผัสความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของพวกมัน
ดวงตาเขากระจ่างใสราวกับธารสายน้อยเหมือนเช่นเคย สะท้อนเมฆที่ลอยอยู่และประกายกระบี่ที่สะท้อนอยู่ระหว่างพวกมัน
กระบี่ของเขาไม่ได้อยู่ตรงหน้าแต่ทอดยาวขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพลงกระบี่โง่งมทำเพียงแค่ป้องกันเท่านั้น เขาจะทำลายเพลงกระบี่ที่ซูหลีทิ้งไว้ได้อย่างไร แน่นอนว่าคำตอบก็คือใช้เพลงกระบี่
ประกายกระบี่ฉีกผ่านอากาศ ทำลายปราณกระบี่ที่ลงมาจากสวรรค์ นี่คือเพลงกระบี่ของสำนักเทียนเต้า กระบี่แสงชั่วพริบตาที่เร็วจนแม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจจับมันได้
ดอกไม้กระบี่มากมายสั่นไหวเมื่อมันปรากฏขึ้นในสายลมและป้องกันการโจมตีที่ร่วงลงมาจากสวรรค์
มีเงากระบี่ทั้งหมดสิบสามเงา แต่ละเงาเป็นเหมือนกิ่งหลิว ดูเหมือนเปราะบางแต่ก็เหนียวแน่นอย่างมาก สามารถต้านทานทุกกระบี่ที่โจมตีมาได้
มันคือบุปผาบานดั่งแพรไหม ผีภูเขาแบ่งหินผา กระบี่บัญญัติ ย้ายภูเขา รับแขก สุดท้ายคือเผานภา
นี่ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงกระบี่ของหลีซาน ดังนั้นพวกมันจึงสามารถทำลายเพลงกระบี่หลีซานของซูหลีได้
ยังมีพลองพลิกภูเขาของสำนักฝึกหลวงและกระบี่แท้นิกายหลวงอีกด้วย เขาเป็นสังฆราชและเจ้าสำนักฝึกหลวง ดังนั้นเขาจึงมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ติดตามมาด้วย!
เหมือนกับตอนที่เขาประลองกับกระบี่จรัสแสงของสวีโหย่วหรงบนสะพานหน่ายเหอ
เขาใช้เพลงกระบี่ทั้งหมดที่ได้เรียนรู้ตลอดชีวิตออกมา
ประกายกระบี่ส่องแสงต้องทางเดินหม่นมัว
เพลงกระบี่ที่โด่งดังหรือไร้ชื่อหรือนอกรีตล้วนปรากฏขึ้นในมือของเขา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เฉินฉางเซิงกำกระบี่และเดินต่อไป หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็มาถึงปลายทางเดินในที่สุด
แม้ว่าแสงเจิดจ้าของประกายกระบี่นับไม่ถ้วนและพลังแข็งแกร่งของเจตจำนงกระบี่ทิ่มแทงดวงตา เขาก็ยังเห็นหุบเขาเขียวชอุ่มที่อยู่เลยทางเดินออกไป
แต่กระนั้นมันดูเหมือนว่าเขาจะมาได้แค่นี้เท่านั้น
เขาได้ใช้เพลงกระบี่ทั้งหมดที่เรียนรู้มาแล้ว แต่เขาก็ยังล้มเหลวที่จะทำลายเพลงกระบี่ทั้งหมดที่สลักอยู่บนผนังหินได้
ตอนนี้เองที่เขาเข้าใจบางอย่าง
ในแง่ของการฝึกวิถีกระบี่ มีน้อยคนในโลกที่มีระดับสูงกว่าเขา ไม่มีใครรู้เพลงกระบี่มากมายไปกว่าเขา
ทว่าวันนี้เขาเผชิญหน้ากับซูหลี ซูหลีรู้เพลงกระบี่มากมายยิ่งกว่าเขาและเจตจำนงกระบี่ก็แข็งแกร่งเข้มข้นยิ่งกว่ามาก
ซูหลีเป็นอาจารย์วิถีกระบี่ของเขา ดังนั้นเขาจะก้าวข้ามซูหลีในวิถีกระบี่ได้อย่างไร
เฉินฉางเซิงหยุดและวางกระบี่ลง
เจตจำนงกระบี่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา จึงหยุดการโจมตีและลอยอยู่ในอากาศรอให้เขาตัดสินใจ
จะถอยหรือไปต่อ