ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 107 ทะลวงผ่านทางเดินกระบี่

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เฉินฉางเซิงคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ก้าวต่อไปอีกหนึ่งก้าว

ลมเย็นพุ่งออกมากระทบเส้นผม ทำให้เส้นผมปลิวพลิ้ว

เจตจำนงกระบี่ที่แข็งแกร่งไร้ผู้ต้านมาพร้อมกับสายลมและโจมตีอย่างเงียบเชียบ

ในครั้งนี้ เขาคิดเป็นเวลานานยิ่งขึ้น

เขาต้องตัดสินใจ จะใช้ประกายดาวในช่องลมปราณสามร้อยหกสิบห้าจุดเพื่อสร้างเขตแดนดวงดาวป้องกันหรือว่าจะใช้เจตจำนงกระบี่ดี

ในที่สุดเขาก็เลือกอย่างหลัง

เพราะซูหลีเป็นอาจารย์สอนวิถีกระบี่ให้เขา

วันนี้เขาย่อมใช้วิถีกระบี่เพื่อรับการทดสอบจากเส้นทางนี้ เพราะมีแต่ทางนี้จึงจะเป็นการส่งคำตอบที่ถูกต้อง

เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนออกจากฝักและบินเข้าสู่อากาศ

ปราณและเจตจำนงกระบี่ไม่เหมือนกัน ไม่อาจผสมรวมกันได้ แต่กลับทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีความขัดแย้งแม้แต่น้อย

โก่วหานสือเห็นภาพนี้ในหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยความชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตา

ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะก้าวหน้าในวิถีกระบี่ขนาดไหน เจตจำนงกระบี่ของเขาก็ยังไม่เข้มข้นและบริสุทธิ์เท่ากับซูหลี ทำให้ยากที่จะเอาชนะได้ในแง่คุณภาพ

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้ปริมาณเพื่อชดเชย

มันดูธรรมดามาก แต่พอคิดดูอีกทีกลับก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

นอกจากเขายังมีใครในโลกที่จะใช้เจตจำนงกระบี่มากมายถึงเพียงนี้ได้พร้อมกันแถมยังสามารถควบคุมได้ตามใจอีกด้วย

เสียงเสียดสีนับไม่ถ้วนดังขึ้น

ลมหายไปอย่างฉับพลัน แต่เถาวัลย์บนผนังหินเริ่มสั่นไหว

เถาวัลย์พวกนี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่มาหลายร้อยปีย่อมไม่ถูกมันทำลาย แต่ตอนนี้กลับเริ่มขาดและร่วงลง

แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้แต่เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังทำการต่อสู้กันอย่างเงียบงันตรงหน้าผนังหิน

มันเป็นพื้นที่ขนาดเล็กมาก เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนทำการต่อสู้กันอย่างแผ่วเบาที่สุด

ปราณของโลกน่ากลัวยิ่งขึ้นในการต่อสู้นี้และแสงจากท้องฟ้าก็หม่นมัวลงอย่างฉับพลัน

เฉินฉางเซิงเดินไปที่เถาวัลย์

เถาวัลย์ฉีกขาดลงทีละเส้นๆ เผยทางเข้าสู่ทางเดินที่ทอดผ่านผนังหิน

เขาเข้าไปโดยไม่ลังเล

การต่อสู้ของเจตจำนงกระบี่ยังดำเนินต่อไปด้านหลัง อากาศโดยรอบทางเข้าทางเดินเต็มไปด้วยรูลมหมุนสีขาวนับไม่ถ้วน บดบังภาพภายในเอาไว้

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก้อนหินก็พลันระเบิดออกพร้อมเสียงคำรามของกระบี่

……

……

ทางเดินผ่านผนังหินแคบมาก ท้องฟ้าเป็นเส้นบางอยู่เหนือศีรษะ ในขณะที่เดินทางผ่านทางเดินนี้ เฉินฉางเซิงก็รู้สึกว่ารอบด้านมืดมัวลงกว่าเดิม

ผนังทางเดินเต็มไปด้วยรอยกระบี่ ปลายทั้งสองด้านบางมากในขณะที่ตรงกลางหนากว่าเล็กน้อย ดูค่อนข้างมนแต่แหลมคมยิ่ง

รอยกระบี่แหลมคมแต่ละรอยเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงกระบี่

เจตจำนงกระบี่ลอยขึ้นจากผนังและฟันใส่หน้าของเฉินฉางเซิงอย่างรุนแรง โจมตีใส่แดนลี้ลับและห้วงแห่งจิตพร้อมกัน

เฉินฉางเซิงไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ถือกระบี่ในแนวขวางระดับคิ้วราวกับโซ่เหล็ก

นี่เป็นเพลงกระบี่อันดับสามที่ซูหลีสอนให้เขา เพลงกระบี่โง่งม

วิชานี้ขึ้นอยู่กับนิสัยของผู้ใช้ และด้วยนิสัยสุขุมหนักแน่นของเฉินฉางเซิง วิชานี้จึงแข็งแกร่งราวกับก้อนหินใหญ่เมื่ออยู่ในมือของเขา

เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง เสียงกระบี่ดังก้องไปทั่วทางเดินราวกับกระบี่สองเล่มปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

เบื้องหน้าสายตาเฉินฉางเซิงเต็มไปด้วยกระบี่ตรงที่ส่องประกายไปทั่วคมกระบี่ ผนังสองด้านของทางเดินเต็มไปด้วยรอยกระบี่ใหม่หลายสิบรอยในทันที

กระบี่ของเขาสามารถป้องกันเจตจำนงกระบี่ที่มองเห็นได้ ทว่าไม่อาจป้องกันเจตจำนงกระบี่ที่มองไม่เห็นที่โจมตีร่างกายเขา

เมื่อเขาก้าวไปตามทางนี้ กลิ่นอายน่ากลัวก็หนาแน่นยิ่งขึ้น ห้วงแห่งจิตเกิดคลื่นปั่นป่วนที่ถูกเจตจำนงกระบี่สับจนกลายเป็นฟอง

เมื่อฟองพวกนี้ปรากฏขึ้นและกระจายไป เขารู้สึกราวกับดวงตาถูกทิ่มแทงและผิวหนังถูกกรีดเฉือน

เจตจำนงกระบี่พวกนี้คือบททดสอบที่แท้จริง คนที่ไม่มีดวงจิตสงบบริสุทธิ์และจิตใจที่หนักแน่นย่อมไม่อาจที่จะทนได้

เฉินฉางเซิงถือกระบี่ไว้เบื้องหน้าเดินต่อไป

ทางเดินใกล้ทางเข้านั้นแคบมาก แต่มันค่อยๆ กว้างขึ้นเมื่อเดินลึกเข้าไป อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าทางเดินนี้จะเดินง่ายขึ้น ในทางกลับกัน รอยกระบี่กลับมีมากขึ้นกว่าเดิม ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เจตจำนงกระบี่น่าหวาดกลัวขึ้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือรอยกระบี่ค่อยๆ เชื่อมต่อกันและสร้างกระแสจู่โจมไม่ขาดสาย

รอยกระบี่แต่ละรอยคือการโจมตีหนึ่งกระบี่ เมื่อพวกมันเชื่อมต่อกัน ก็กลายเป็นเพลงกระบี่

ในตอนนั้นเองที่เฉินฉางเซิงได้เริ่มเผชิญหน้ากับวิถีกระบี่ของซูหลีอย่างแท้จริง

เจตจำนงกระบี่น่ากลัวออกมาจากผนังและบดบังแสงจากด้านบนและประกายสีเขียวโถมเข้าหาเขาราวกับทะเล

ร่างของเฉินฉางเซิงไหวเอนเล็กน้อยเมื่อเขาเกือบจะก้าวพลาด ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย

หากเขาไม่ลับจิตใจตัวเองในทะเลแห่งเจตจำนงกระบี่ภายในฝักซ่อนคมมานับครั้งไม่ถ้วน เขาก็คงจะล้มลงแล้ว

เขาจะเดินผ่านทะเลเจตจำนงกระบี่ที่กว้างใหญ่ได้อย่างไร เขาจะทำลายเพลงกระบี่ของซูหลีได้อย่างไร

เฉินฉางเซิงตั้งใจฟังเสียงโหยหวนยามที่เจตจำนงกระบี่บินผ่านอากาศ สังเกตรอยกรีดเจตจำนงกระบี่ที่กรีดผ่านอากาศ สัมผัสความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของพวกมัน

ดวงตาเขากระจ่างใสราวกับธารสายน้อยเหมือนเช่นเคย สะท้อนเมฆที่ลอยอยู่และประกายกระบี่ที่สะท้อนอยู่ระหว่างพวกมัน

กระบี่ของเขาไม่ได้อยู่ตรงหน้าแต่ทอดยาวขึ้นสู่ท้องฟ้า

เพลงกระบี่โง่งมทำเพียงแค่ป้องกันเท่านั้น เขาจะทำลายเพลงกระบี่ที่ซูหลีทิ้งไว้ได้อย่างไร แน่นอนว่าคำตอบก็คือใช้เพลงกระบี่

ประกายกระบี่ฉีกผ่านอากาศ ทำลายปราณกระบี่ที่ลงมาจากสวรรค์ นี่คือเพลงกระบี่ของสำนักเทียนเต้า กระบี่แสงชั่วพริบตาที่เร็วจนแม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจจับมันได้

ดอกไม้กระบี่มากมายสั่นไหวเมื่อมันปรากฏขึ้นในสายลมและป้องกันการโจมตีที่ร่วงลงมาจากสวรรค์

มีเงากระบี่ทั้งหมดสิบสามเงา แต่ละเงาเป็นเหมือนกิ่งหลิว ดูเหมือนเปราะบางแต่ก็เหนียวแน่นอย่างมาก สามารถต้านทานทุกกระบี่ที่โจมตีมาได้

มันคือบุปผาบานดั่งแพรไหม ผีภูเขาแบ่งหินผา กระบี่บัญญัติ ย้ายภูเขา รับแขก สุดท้ายคือเผานภา

นี่ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงกระบี่ของหลีซาน ดังนั้นพวกมันจึงสามารถทำลายเพลงกระบี่หลีซานของซูหลีได้

ยังมีพลองพลิกภูเขาของสำนักฝึกหลวงและกระบี่แท้นิกายหลวงอีกด้วย เขาเป็นสังฆราชและเจ้าสำนักฝึกหลวง ดังนั้นเขาจึงมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ติดตามมาด้วย!

เหมือนกับตอนที่เขาประลองกับกระบี่จรัสแสงของสวีโหย่วหรงบนสะพานหน่ายเหอ

เขาใช้เพลงกระบี่ทั้งหมดที่ได้เรียนรู้ตลอดชีวิตออกมา

ประกายกระบี่ส่องแสงต้องทางเดินหม่นมัว

เพลงกระบี่ที่โด่งดังหรือไร้ชื่อหรือนอกรีตล้วนปรากฏขึ้นในมือของเขา

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

เฉินฉางเซิงกำกระบี่และเดินต่อไป หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็มาถึงปลายทางเดินในที่สุด

แม้ว่าแสงเจิดจ้าของประกายกระบี่นับไม่ถ้วนและพลังแข็งแกร่งของเจตจำนงกระบี่ทิ่มแทงดวงตา เขาก็ยังเห็นหุบเขาเขียวชอุ่มที่อยู่เลยทางเดินออกไป

แต่กระนั้นมันดูเหมือนว่าเขาจะมาได้แค่นี้เท่านั้น

เขาได้ใช้เพลงกระบี่ทั้งหมดที่เรียนรู้มาแล้ว แต่เขาก็ยังล้มเหลวที่จะทำลายเพลงกระบี่ทั้งหมดที่สลักอยู่บนผนังหินได้

ตอนนี้เองที่เขาเข้าใจบางอย่าง

ในแง่ของการฝึกวิถีกระบี่ มีน้อยคนในโลกที่มีระดับสูงกว่าเขา ไม่มีใครรู้เพลงกระบี่มากมายไปกว่าเขา

ทว่าวันนี้เขาเผชิญหน้ากับซูหลี ซูหลีรู้เพลงกระบี่มากมายยิ่งกว่าเขาและเจตจำนงกระบี่ก็แข็งแกร่งเข้มข้นยิ่งกว่ามาก

ซูหลีเป็นอาจารย์วิถีกระบี่ของเขา ดังนั้นเขาจะก้าวข้ามซูหลีในวิถีกระบี่ได้อย่างไร

เฉินฉางเซิงหยุดและวางกระบี่ลง

เจตจำนงกระบี่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา จึงหยุดการโจมตีและลอยอยู่ในอากาศรอให้เขาตัดสินใจ

จะถอยหรือไปต่อ