บทที่ 881 ขอแสดงความยินดีกับผู้จัดการหมี

The king of War

หลิวหยางไม่เข้าใจว่าความหมายของประธานหยาง? เขารีบบอกว่า “ขอบคุณสำหรับความเข้าใจของประธานหยาง แต่อสังหาริมทรัพย์เมืองในฝันเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการบริการเป็นหลักมาโดยตลอด ไม่สามารถยอมให้คนที่มองคนอื่นด้วยสายตาดูถูกอยู่ต่อไปได้”

พูดจบเขาก็มองไปที่เซียวจื่อฉิง และชี้ไปที่ประตูของฝ่ายขาย “ไสหัวออกไปจากที่นี่!”

“ท่านประธาน ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ วันหลังฉันจะไม่กล้าดูถูกคนอื่นอีกต่อไปแล้ว ได้โปรดอย่าไล่ฉันออกเลย วันหลังฉันจะตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัท”

ในที่สุดเซียวจื่อฉิงก็เกิดความเกรงกลัว สวัสดิการของอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝันนั้นดีมาก และเธอก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการขายวิลล่าระดับไฮเอนด์ตลอดมา

สามปีที่ผ่านมา เธอได้พบปะติดต่อกับบุคคลใหญ่โตเป็นจำนวนมาก และได้รับมามาก

แค่ขายวิลล่าได้หลังหนึ่งก็สร้างรายได้ให้หลายหมื่นแล้ว

ถ้าเธอออกจากอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝัน เธอจะไม่สามารถหางานที่ดีอย่างนี้ได้อีกแล้ว

หลิวหยางขี้เกียจเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระ เขาโบกมือและตวาดใส่ด้วยความโกรธ “ยามอยู่ไหน? พายัยผู้หญิงหน้าด้านคนนี้ออกไปที”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนกรูเข้ามาทันที กำลังจะเข้ามาพาเซียวจื่อฉิงออกไป

“หยางเฉิน ขอร้องล่ะ ได้โปรดช่วยฉันด้วย บอกให้ผู้จัดการหลิวอย่าไล่ฉันออกเลย ฉันจะสูญเสียงานนี้ไปไม่ได้จริงๆ!”

เซียวจื่อฉิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น

เธอคิดจะพุ่งเข้าไปคว้าแขนของหยางเฉิน แต่ก็ถูกฉินยีขวางไว้ แล้วพูดอย่างเย็นชา “ผู้หญิงอย่างคุณ ต่ำตมอย่างไม่มีขอบเขตเลย”

“พวกเราเพิ่งมาถึงฝ่ายขาย คุณก็ดูถูกพวกเรา แถมยังจงใจพูดเหน็บแนมเราด้วย”

“ต่อมาเมื่อคุณรู้ว่าเรากำลังจะซื้อวิลล่าหลังนั้น คุณก็พยายามแย่งคำสั่งซื้อของเสียวเสวี่ยโดยอ้างความเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหยางเฉิน”

“แต่หลังจากที่คุณเข้าใจผิดว่าบัตรเครดิตของเราคือบัตรสมาชิก คุณก็โยนบัตรเครดิตของเราลงกับพื้น แล้วหันหลังเดินจากไปเลย”

“ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าสามีของฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝัน คุณก็ต้องการสานสัมพันธ์กับเขาอีกครั้งงั้นเหรอ?”

“ฉันเคยเห็นคนหน้าด้าน แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าด้านขนาดคุณมาก่อน ถ้าคุณยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้างก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”

เซียวจื่อฉิงหน้าเขียวจนเกือบม่วง มองไปที่หยางเฉินอย่างน่าสมเพช แต่หยางเฉินรู้สึกเฉยๆ ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ

“ไล่ผู้หญิงหน้าด้านคนนี้ออกไป!”

จากคำสั่งของหลิวหยาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก็ลากเซียวจื่อฉิงออกไปจากฝ่ายขาย

“เสียวเสวี่ยเป็นน้องสาวของฉัน ฉันหวังว่าต่อไปเธอจะไม่ถูกรังแกอีกในอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝัน”

ทันใดนั้นหยางเฉินก็มองไปที่หลิวหยางพร้อมกับกล่าวขึ้น

หลิวหยางตกตะลึงไปในทันที แล้วมองไปทางหมีเสวี่ยที่มีสีหน้าเหม่อลอย ก่อนจะกระจ่างในทันใด เขารีบกล่าวว่า “เสียวเสวี่ย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็คือผู้จัดการของฝ่ายขายเมืองในฝัน ไม่ใช่แค่รับผิดชอบการขายของพื้นที่นี้เท่านั้น แต่ยังต้องรับผิดชอบเรื่องการขายบ้านทั้งหมดของฝ่ายขายทั้งหมดบริษัทด้วย”

หมีเสวี่ยตกตะลึง ก่อนที่เธอจะได้พบกับหยางเฉิน เธอยังคงกังวลว่าเธอจะได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำภายในสามเดือนของการฝึกงานหรือเปล่า

แต่ตอนนี้หลิวหยางแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้จัดการของฝ่ายขายของอสังหาริมทรัพย์เมืองในฝัน นี่คือการเลื่อนขั้นแบบก้าวกระโดด

“ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้จัดการหมี!”

“ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้จัดการหมี”

พนักงานคนอื่นๆ ของฝ่ายขายพากันแสดงความยินดีกับเธอ ในแววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความอิจฉา

หลังออกจากฝ่ายขายของเมืองในฝัน หยางเฉินก็พาฉินยีไปซื้อรถอีก

“พี่เขย คิดไม่ถึงเลยว่า คุณจะเป็นผู้ชายที่ใจดีขนาดนี้ ฉันรู้สึกเป็นห่วงแทนพี่สาวของฉันแล้วล่ะ”

ระหว่างทางไปโชว์รูมรถโรลส์-รอยซ์ ฉินยีได้มองหยางเฉินด้วยรอยยิ้มเบิกบานและกล่าวขึ้น

หยางเฉินกำลังขับรถ สายตามองตรงไปข้างหน้า และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เธอก็บอกแล้วว่าฉันใจดี แล้วยังต้องเป็นห่วงแทนพี่สาวเรื่องอะไรอีก?”

ฉินยียิ้มเบิกบานพร้อมกับพูดว่า “ก็เพราะว่าคุณเป็นคนดีและใจดีมากเกินไป เกรงว่าผู้หญิงเหล่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณจะห้ามใจไม่ให้ตกหลุมรักคุณไม่ได้”

หยางเฉินหัวเราะเจื่อนๆ “ก็เพราะเธออยากช่วยหมีเสวี่ย ฉันถึงได้ถือโอกาสช่วยน่ะ”

ทั้งสองพูดคุยกันไปพลางก็มาถึงโชว์รูมรถโรลส์-รอยซ์

รถประเภทนี้แม้จะดูโอ้อวดเกินไปและหม่าชาวอาจจะไม่ชอบ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นงานแต่งงานของเขา ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ต้องให้เกียรติหม่าชาวไว้ก่อน

เรื่องภาพลักษณ์ภายนอกมันคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำสักหน่อย

ตลอดช่วงบ่ายหยางเฉินและฉินยีได้ซื้อของทุกอย่างที่ทางฝ่ายชายต้องเตรียมมาจากข้างนอกแล้ว แล้วยังอิงตามมาตรฐานสูงสุดด้วย

หลังจากซื้อของเรียบร้อยแล้วฟ้าก็มืดสนิท ทั้งสองไปที่ร้านราเมนที่อยู่ใกล้ๆ

หลังจากทั้งสองกินไปได้ไม่กี่คำ ชายชราในชุดสามัญชนโบราณสีเทาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านอาหารและนั่งลงที่โต๊ะที่อยู่ถัดจากหยางเฉิน

“คุณลุงคะ ไม่ทราบว่าท่านจะรับอะไรดีคะ?”

บริกรรีบก้าวเข้าไปหาและถามด้วยรอยยิ้ม

ชายชราในชุดสามัญชนโบราณยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ชี้ไปที่โต๊ะอาหารของหยางเฉินและฉินยี “เอาเหมือนกับพวกเขา!”

ที่นี่คือร้านราเมน หยางเฉินกินราเมนหนึ่งชามและยำสามสหาย ฉินยีบอกว่าตัวเธอต้องการลดน้ำหนัก ไม่กินอะไรเลย แค่มานั่งเป็นเพื่อนหยางเฉินเท่านั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา หยางเฉินและฉินยีก็มองไปที่ชายชราที่นั่งถัดจากพวกเขา

ชายชราในชุดสามัญชนโบราณยิ้มให้กับทั้งสอง “ไม่ได้มากินข้าวข้างนอกตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าอาหารอะไรอร่อย ก็เลยสั่งเหมือนพวกคุณ ทั้งสองท่านคงไม่รังเกียจนะ?”

ฉินยีรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงพูดอะไรอย่างนั้น ตามสบายเถอะค่ะ!”

ในขณะที่ชายชราในชุดสามัญชนโบราณเข้ามาในร้านอาหาร หยางเฉินก็เริ่มสังเกตตัวเขา

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายจากชุดสามัญชนโบราณบนร่างกายของชายชรา

ตอนนี้ยังมานั่งถัดจากพวกเขาอีก

ช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นใกล้ตัวหยางเฉิน ทำให้หยางเฉินเกิดความระแวดระวังในทันใด

“เสี่ยวยี ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ฉันยังมีธุระต้องไปจัดการอีก จะทิ้งรถไว้ให้เธอ เธอขับกลับบ้านเองแล้วกัน”

หยางเฉินเอากุญแจรถออกมาและยื่นให้ฉินยี

“พี่เขย ในเมื่อคุณยังมีธุระ งั้นก็ไปทำเถอะ ฉันจะเรียกแท็กซี่กลับบ้านเอง คุณเอารถไว้ใช้เถอะ”

ฉินยีไม่ได้นึกสงสัยอะไร เธอผลักกุญแจกลับไปที่หยางเฉิน

“พี่เขย งั้นคุณกินก่อน ฉันจะกลับบ้านแล้ว”

ฉินยีลุกขึ้นยืนและกล่าวขึ้น

หยางเฉินพยักหน้า “ระวังตัวด้วยนะ!”

หลังจากฉินยีออกไปแล้ว หยางเฉินก็กินต่อไป

ในเวลานี้พนักงานเสิร์ฟได้นำราเมนและยำสามสหายวางลงตรงหน้าชายชรา

“ขอบคุณครับ!”

ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม

นอกจากกลิ่นอายความอันตรายจากตัวชายชราในชุดสามัญชนโบราณแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็เหมือนคนชราทั่วไป

ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นสายตาของหยางเฉินแล้ว ชายชราในชุดสามัญชนโบราณหันหน้าไปทางหยางเฉินและยิ้มให้อย่างใจดี “พ่อหนุ่มแซ่หยางเหรอ?”

มันมีบางอย่างผิดปกติอย่างที่คิดไว้จริงๆ ถ้าในตอนนี้หยางเฉินยังคิดว่าชายชราในชุดสามัญชนโบราณเป็นเพียงคนชราทั่วไป เขาก็เป็นคนโง่เหลือเกินแล้ว

อีกฝ่ายรู้จักแซ่ของตัวเอง มันจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เชียวหรือ?

“คุณลุงรู้จักผมเหรอครับ?”

หยางเฉินหรี่ตาถาม

ชายชราส่ายหน้าและพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพบตัวจริงของคุณ”

คำพูดของเขาเผยให้เห็นอีกความหมายหนึ่ง เขาพบหยางเฉินตัวจริงเป็นครั้งแรก แสดงว่าเคยเห็นหยางเฉินด้วยวิธีอื่นมาก่อน

“ผมแซ่ตู้ คุณเรียกผมว่าคุณตู้ก็ได้”

คุณตู้กล่าวขึ้นมาเอง