บทที่ 1813 ครั้งนี้ให้นางแก้ปัญหาเอง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

มาส่งตลอดทางถึงดาราจักรจึงกระทั่งไม่เห็นเงาลูกชายแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถึงได้ปาดน้ำตากลับมาที่อุทยานหลวง นางตรงไปที่เรือนพักของตระกูลเซี่ยโห้ว ตอนนี้เซี่ยโห้วลิ่งยังไม่ได้ออกไป เซี่ยโห้วเฉิงอวี่นัดพบกับเขา

หลังจากจบการประชุมขุนนาง เกาก้วนกับอู๋ฉวี่และคนอื่นๆ ก็ถูกประมุขชิงเรียกไปที่ตำหนักดาราจักรเช่นกัน

ขณะมองบรรดาลูกน้องคนสนิทยืนอยู่เบื้องล่าง ประมุขชิงที่วางสองมือบนโต๊ะก็มีสีหน้าดุร้าย เขาอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ สงสัยนิดหน่อยว่าวันนี้ลูกน้องคนสนิทของตัวเองแต่ละคนไปกินยาผิดมาหรือเปล่า ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่ได้บอกใบ้ให้ทำ เริ่มตั้งแต่ที่โพ่จวินกระโดดออกมาเถียง แล้วก็เกาก้วน แล้วก็อู๋ฉวี่อีก แม้แต่ซือหม่าเวิ่นเทียนก็กระโดดออกมาเช่นกัน ทำให้เรื่องราวเบี่ยงจากทิศทางเดิมแล้ว

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” เสียงทุ้มต่ำของประมุขชิงทำลายความเงียบของตำหนักดาราจักรแล้ว “เรื่องของโอรสสวรรค์ ใครใช้ให้พวกเจ้ามายุ่งด้วยซี้ซั้ว!”

เกาก้วนไม่ได้ตอบอะไร ซือหม่าเวิ่นเทียนรู้ตั้งนานแล้วว่าตัวเองเจตนาดีจนทำเสียงเรื่อง ตอนนี้ก้มหน้าอย่างกินปูนร้อนท้อง ซ่างกวนชิงชี้ให้เขารู้ถึงความตั้งใจของประมุขชิงตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาต้องทำเป็นไม่รู้เหมือนคนอื่น เขาพอจะรู้จักนิสัยประมุขชิงอยู่บ้าง กังวลเช่นกันว่าหากชิงหยวนจุนทำให้ประมุขชิงพอใจไม่ได้ ประมุขชิงก็อาจทำเรื่องโกหกให้เรื่องจริง ถ้าอยากจะโน้มน้าวให้ประมุขชิงมีลูกอีกคนก็เกรงว่าจะไม่ง่ายแล้ว มีอู๋ฉวี่คอยจับตาดูให้นั้นเหมาะสมที่สุด

อู๋ฉวี่กุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท ที่ทูตขวาเกานำราชินีสวรรค์มาเป็นโล่กำบังนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง ที่จริงการให้องค์ชายไปที่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ แม้หนิวโหย่วเต๋อจะมีทัพเกรียงไกรหนึ่งแสน แต่ถ้าในราชสำนักมีคนคิดใช้วิธีสกปรกกับองค์ชายจริงๆ ความปลอดภัยขององค์ชายก็จะน่ากังวลแล้วขอรับ!”

ซ่างกวนชิงได้ยินแล้วแอบส่ายหน้า

ปั้ง! ประมุขชิงตบโต๊ะยืนขึ้น “ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ? จำเป็นต้องให้พวกเจ้ามาเตือนมั้ย?”

อู๋ฉวี่เบิกตากว้าง ไม่ง่ายเลยกว่าจะโน้มน้ามให้ประมุขชิงยอมมีลูกชายสักคน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของลูกน้องคนสนิท เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความตกใจ “หรือว่าฝ่าบาทจะถอดตำแหน่งองค์ชายจริงๆ ขอรับ?”

ภายใต้สถานการณ์ที่ประมุขชิงเรียกสนมสวรรค์กลับเข้าวังก่อนหน้านี้ ก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มนี้แล้ว ตอนนี้พอได้ยินแบบนี้อีก จะไม่ให้สงสัยก็คงยาก

ประมุขชิงได้ยินแล้วปวดประสาท รู้ถึงความคิดของคนพวกนี้แล้ว ทว่าบางเรื่องนั้นทำได้แค่คิด แต่ไม่อาจพูดออกไปได้ เขาโบกมืออย่างเดือดดาลรำคาญใจ “ไสหัวออกไปให้หมด!”

เกาก้วนกับซือหม่าเวิ่นเทียนขอตัวลา แต่อู๋ฉวี่กลับยังกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท โพ่จวิน…”

“ไสหัวไป!” ประมุขชิงพลันโบกมือแนวขวาง กวาดของบนโต๊ะตกลงพื้นเสียงดังเพล้ง รู้สึกหงุดหงิดสุดขีด

บางครั้งเรื่องในครอบครัวก็น่าหงุดหงิดกว่าราชกิจ เพราะราชกิจยังสามารถทำตามหน้าที่ได้ แต่หากเป็นเรื่องในครอบครัว เวลาจะจัดการขึ้นมาก็ต้องใจแข็งแน่วแน่ อย่างไรเสียเขาก็มองชิงหยวนจุนเติบโตมาทีละน้อยตั้งแต่อยู่ในอ้อมอก ถ้าพูดจากมุมมองค่านิยมในครอบครัวอย่างเดียว เขารู้สึกพอใจกับลูกชายคนนี้มาก เวลาพ่อลูกอยู่ด้วยกันในครอบครัว เขาไม่อยากให้ลูกชายทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกกับพ่ออย่างเขา แต่ลูกเกิดในราชสำนัก หากวันใดขาดการคุ้มครองที่แน่นหนาแล้วลูกปกป้องตัวเองไม่ได้ล่ะ…เขาจินตนาการได้เลยว่าตอนนี้ลูกชายเคียดแค้นเขามากขนาดไหน เขาถึงขั้นอ้างกรมภูษามาสร้างความอัปยศให้ลูกชาย แต่เขาไม่อาจให้ลูกชายรู้ได้ว่าตอนนี้เขากำลังขัดเกลาลูกชายอยู่ ทำอย่างนั้นถึงแม้จะได้รับความซาบซึ้งใจจากลูก แต่กลับทำให้การขัดเกลาไม่ได้ผล จะทำให้ลูกชายขาดหัวใจที่จะพึ่งพาตัวเอง

พอกวาดของบนโต๊ะแล้ว ประมุขชิงก็เดินก้มหน้ากระฟัดกระเฟียดเดินออกไปก่อน เดินตรงไปหลบชำระจิตใจกับสนมสวรรค์ที่ตำหนักบูรพา

เรือนพักตระกูลเซี่ยโห้ว เมื่อเห็นเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดินก้าวยาวเข้ามา เซี่ยโห้วลิ่งก็แสร้งคำนับด้วยความรพ “คำนับราชินีสวรรค์เหนียงเหนียง!”

“ไม่ต้องมากพิธี!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ค่อยเกรงใจ นางเดินมาตรงหน้าเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร “ได้ยินว่าในการประชุมราชสำนักมีคนเสนอให้จุนเอ๋อร์ไปที่อาณาเขตตระกูลเซี่ยโห้ว เหตุใดท่านปู่สวรรค์ไม่ยอมรับไว้?”

ช่วงนี้เซี่ยโห้วลิ่งค่อนข้างอารมณ์ไม่ดีเช่นกัน พอได้ยินแบบนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “อิ๋งอู๋หม่านเป็นคนเสนอความคิดนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะหวังดีกับองค์ชายเหรอ? เขากำลังทำร้ายองค์ชายต่างหาก! ตอนนี้พอจะมองเจตนาของฝ่าบาทออกบ้างแล้ว เขาตั้งใจจะวัดกำลังของตระกูลเซี่ยโห้ว การที่เขาลงโทษองค์ชายก็ทำให้คนนอกจินตนาการไปไกลแล้ว เมื่อองค์ชายมาที่ตระกูลเซี่ยโห้ว ก็จะต้องดึงดูดให้คนที่คิดไม่ซื่อโจมตีแน่นอน จะทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วสิ้นเปลืองกำลังความคิดเยอะมาก แต่ถ้าส่งองค์ชายไปที่ตระกูลอิ๋ง ตระกูลอิ๋งกลับจะลูบหน้าปะจมูกด้วยซ้ำ จะพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาความปลอดภัยให้องค์ชาย ดังนั้นหากองค์ชายไปที่อาณาเขตของพวกเขาก็จะปลอดภัยกว่า ตอนนี้องค์ชายไปที่กองทัพองครักษ์ได้ก็อาจไม่ใช่เรื่องแย่”

พอได้ยินคำพูดประมาณว่า พอจะมองเจตนาของฝ่าบาทออกบ้างแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ทนฟังอะไรหลังจากนั้นไม่ไหวอีก คิดเสียว่าเป็นคำพูดเหลวไหลเหมือนผายลม ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองกับเซี่ยโห้วลิ่งมีบรรพบุรุษคนเดียวกัน นางก็อยากจะด่าบรรพบุรุษเขาเสียเลย ขนาดหนิวโหย่วเต๋อยังมองเจตนาของฝ่าบาทออกแล้ว แต่เจ้าเป็นหัวหน้าของตระกูลอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่น่าเชื่อว่าจะทำตัวราวกับกำลังฝันอยู่ โง่เหมือนหมู่จริงๆ บุคคลปราดเปรื่องแห่งยุคอย่างท่านปู่เลือกคนโง่อย่างเจ้ามาเป็นหัวหน้าตระกูลได้ยังไง?

“พูดไปพูดมา ก็ยังกลัวว่าลูกชายข้าจะสร้างปัญหาให้ตระกูลเซี่ยโห้วล่ะสิ?” น้ำเสียงของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปิดบังความเคียดแค้นไม่ไหวแล้ว

บนใบหน้าเซี่ยโห้วลิ่งฉายแววโกรธเคืองทันที อยากจะถามนางมากว่าได้ตำแหน่งราชินีสวรรค์มาได้อย่างไร ไม่ผิดหรอก สาเหตุที่ไม่ให้ชิงหยวนจุนมาที่อาณาเขตตระกูลเซี่ยโห้ว ก็เพราะคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหากับตระกูลเซี่ยโห้ว แน่นอนว่าคำบางคำไม่อาจพูดออกมาได้ เขาข่มกลั้นไฟโกรธเอาไว้ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เหนียงเหนียง อย่าลืมสิ่งที่ท่านปู่เจ้ากำชับเอาไว้ ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ล้ม เจ้าก็จะไม่เป็นอะไร!”

น้ำเสียงเขาราวกับมีกลิ่นดินปืนโชยออกมา ปลุกให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้สติแล้วไม่น้อย อย่างน้อยตอนนี้นางก็ยังขาดการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ การพูดกับหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วคนปัจจุบันด้วยน้ำเสียงอย่างนี้ถือว่าทำเกินไปจริงๆ

เมื่อเห็นว่าขู่นางได้ผล เซี่ยโห้วลิ่งก็หายใจคล่องขึ้นแล้วเช่นกัน เปลี่ยนเป็นพูดอย่างจริงใจว่า “ข้ารู้ว่าตอนนี้เหนียงเหนียงโกรธเคืองข้า แต่ทุกอย่างที่ข้าทำก็ล้วนหวังดีกับเหนียงเหนียง และยิ่งหวังดีกับตระกูลเซี่ยโห้วด้วย ในฐานะที่ข้าเป็นหัวหน้าตระกูล ข้าไม่อาจสนใจเฉพาะสิ่งตรงหน้าได้ ไม่อาจใช้อารมณ์ทำงานได้ เหนียงเหนียงต้องใช้สติปัญญาไตร่ตรองดูสักหน่อย ตอนนี้องค์ชายมีกองทัพองครักษ์ปกป้อง ไม่มีทางเกิดอันตรายใหญ่หลวงแน่นอน ตอนนี้คนที่ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ก็คือเหนียงเหนียงเอง ฝ่าบาทลงโทษองค์ชายจนเกิดทิศทางการเคลื่อนไหวแบบนี้ ไม่ดีต่อฐานะในวังของเหนียงเหนียงเป็นอย่างมาก ตอนนี้ตระกูลเซี่ยโห้วต้องใช้ความพยายามเยอะมากเพื่อปกป้องไม่ให้ตำแหน่งในวังของเหนียงเหนียงสั่นคลอน หวังว่าเหนียงเหนียงจะเข้าใจ!”

การที่ต้องพูดพร่ำยาวเหยียดเพื่อโน้มน้าวนางก็เพราะไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เซี่ยโห้วท่า เรื่องที่เซี่ยโห้วท่าพูดแค่สองสามคำก็แก้ปัญหาได้ แต่เขากลับต้องใช้ความพยายามมากกว่านั้น แน่นอน นี่ล้วนเป็นกระบวนการลากของหนักเพื่อให้กลายเป็นเบา ไม่มีใครเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ตั้งแต่เกิด มีแต่ต้องลากของหนักจนเคยชินถึงจะรู้ว่าจะผ่อนแรงอย่างไร คนที่รับภาระหนักมักจะเดินขากะเผลก ความยากลำบากเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เซี่ยโห้วท่าในวัยหนุ่มก็ผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว ชื่อเสียงบารมีเป็นสิ่งที่สะสมขึ้นมาทีละเล็กละน้อย

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะฟังเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ควบคุมตัวเองได้แล้วเช่นกัน “ที่อารองพูดก็มีเหตุผล เพีนงแต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าหวังว่าอารองจะระบายอารมณ์โกรธให้ข้าได้!”

พอได้ฟังอย่างนั้น เซี่ยโห้วลิ่งก็รู้ทันทีว่านางอยากจะเอ่ยเรื่องอะไร เขาปวดประสาทนิดหน่อย ถามหยั่งเชิงว่า “สนมฉินเหรอ?”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกแรงพยักหน้า “อารองปราดเปรื่อง เป็นสนมฉินนั่นแหละ นางตัวดีนั่นมันแสบขนาดนี้ ได้ยินว่าตอนนี้พ่อนางยังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคด้วย ทำร้ายพวกเราสองแม่ลูกจนกลายเป็นอย่างนี้แล้ว แต่ทั้งบ้านนางกลับภาคภูมิใจ จะให้ข้าข่มความโกรธนี้ได้ยังไง!”

เซี่ยโห้วลิ่งแอบทอดถอนใจ เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาตอบอย่างลังเล “เหนียงเหนียงทนไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าช่วยเจ้าระบายความโกรธไม่ได้ แต่กับสนมฉินข้ามีแผนการอีกอย่างแล้ว ตอนนี้ยังไม่สะดวกจะแตะต้องนาง”

ไฟโกรธที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ระงับไว้ลุกพรึ่บอีกครั้ง นางพยายามถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เพราะอะไร?”

“หากในภายหลังมีโอกาสก็ย่อมบอกให้เจ้าเข้าใจเอง!” เซี่ยโห้วลิ่งส่ายหน้า ไม่ยอมบอกนาง

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบอกอีกฝ่ายว่าสนมฉินเป็นคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเกี่ยวข้องกับความลับ แค่ทำร้ายสองแม่ลูกก็ยั่วให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โกรธแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคนของตระกูลเซี่ยโห้วจะทำร้ายสองแม่ลูก จะให้นางทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร เขาไม่มีทางอธิบายสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขาให้นางรู้

ที่สำคัญคือตอนนี้เขาไม่สะดวกจะแตะต้องสนมฉินจริงๆ คนที่เจ้าเก้าต้องการจะเก็บไว้ เขาเพิ่งจะรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้ไม่นาน ยังต้องการให้พี่น้องช่วยเขาข้ามผ่านพายุก้อนแรกที่ตระกูลเซี่ยโห้วอาจต้องเผชิญ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้วิธีการแข็งกร้าวเกินไปจนพี่น้องคิดว่าเขาเผด็จการ ไม่ว่าตัวเองจะพอใจหรือไม่ แต่อยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว เขาไม่อยากทำงานโดยใช้อารมณ์ ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม…ที่จริงบางครั้งเขาก็เดือดดาลยิ่งกว่าใคร แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ก่อน!

“ในเมื่ออารองพูดอย่างนี้แล้ว เฉิงอวี่ก็เข้าใจแล้ว! ข้ายังต้องไปพบฝ่าบาทอีก ขอตัวก่อน” หลังจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่พยักหน้าอย่างใจเย็นเป็นพิเศษ ก็หันตัวเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว ภายนอกดูสงบใจเย็น แต่ที่จริงสองมือที่อยู่ในแขนเสื้อกำลังกำหมัดแน่น โมโหจนตัวสั่นเล็กน้อย

ตอนที่ท่านปู่ยังอยู่ ในวังมีใครกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางบ้าง ตระกูลเซี่ยโห้วล้วนช่วยจัดการให้นางเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่แยแสนางแบบนี้

สำหรับสนมฉิน นางไม่เคยแค้นผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อน สนมฉินคือคนแรก ก่อนหน้านี้กังวลเรื่องลูกชายอยู่ นางจึงไม่กล้าทำซี้ซั้ว ตอนนี้ลูกชายลูกลดตำแหน่งอย่างนี้แล้ว ทั้งยังเป็นฝีมือนางตัวดีนั่น ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้วิธีการชั้นต่ำอย่างนี้ ต่ำทรามจนไม่รู้จะต่ำทรามอย่างไรแล้ว แทบจะทำลายชื่อเสียงลูกชายนางไปทั้งชาติ แทบจะทำลายอนาคตลูกชายนาง ไม่ว่าจะอย่างไร นางไม่มทางทนข่มความโกรธนี้ได้

จนกระทั่งตอนนี้ สำหรับนางแล้ว นางสามารถปล่อยใครไปก็ได้ แต่ปล่อยสนมฉินไปไม่ได้เด็ดขาด!

ในเมื่อตระกูลเซี่ยโห้วไม่ตอบตกลง เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็รู้ว่าไม่มีทางบังคับตระกูลเซี่ยโห้วได้ แต่ตอนนี้นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้งานตระกูลเซี่ยโห้วเสมอไป เพราะในมือนางยังมีกำลังพลกลุ่มหนึ่ง นางมีทัพใหญ่เกรียงไกรหนึ่งแสน!

ในเมื่อตระกูลเซี่ยโห้วไม่ช่วยนางระบายความโกรธนี้ นางก็ต้องเล่นบทโหดแล้ว ครั้งนี้นางจะแก้ปัญหาเอง!

ขณะมองคล้อยหลังนางจากไปเงียบๆ เซี่ยโห้วลิ่งก็ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ หรี่ตาพึมพำว่า “เจ้าเก้า ไม่ใช่ว่าพี่รองไม่ไว้หน้าเจ้านะ แต่ถ้านางหนูนี่ไปหาคนอื่นมาลงมือให้ งั้นก็โทษข้าไม่ได้แล้ว หกลัทธิหนุนหลัง หึหึ…”

ตำหนักบูรพา พอประมุขชิงมาถึง ก็ไม่ได้ทำอย่างอื่น เขาหาเก้าอี้นอนมาตัวหนึ่ง แล้วหลับตาเอนกายพักผ่อนทันที เรื่องในวันนี้ทำให้ขาว้าวุ่นใจจริงๆ เรื่องลูกชาย เรื่องลูกน้องคนสนิท เรื่องครอบครัว ราชกิจ ทั้งหมดปะปนระคนกันให้มั่วไปหมด

เงาร่างสูงระหงปรากฏอยู่หลังม่านไข่มุกด้านข้าง นางจ้องประมุขชิงเอนกายบนเก้าอี้พลางขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

ประมุขชิงเหมือนจะรู้สึกได้ว่านางมาแล้ว หลับตากวักมือให้นางอย่างไร้เรี่ยวแรง บอกใบ้ให้นางมาที่นี่

…………………