ราชันเร้นลับ 1221 : ทิ้งข้อความ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

หากหมาป่าอสูรกำลังประกอบพิธีกรรมเป็นบริวารเร้นลับจริง ร่องรอยของมันต้องไม่สูญหายไปโดยสมบูรณ์… ไคลน์พยักหน้าเชื่องช้า มันผุดแนวคิดบางอย่างในหัวแต่ยังมิอาจวางแผนลงมือทำได้จริง

ความคิดแรกคือการใช้ดินที่เคยถูก ‘ม่าน’ ปกคลุมเพื่อทำนายหาตำแหน่ง เพราะนั่นจะเท่ากับตำแหน่งของหมาป่าอสูรเช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเป็นเทวทูต การทำนายถึงในลักษณะนี้ย่อมทำให้โคทาร์ไหวตัวทันและเตรียมมาตรการรับมือล่วงหน้า ไคลน์จึงจำใจสลัดความคิดดังกล่าวทิ้งไปและส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง จากนั้นก็เริ่มวางแผนกันใหม่

ในวันถัดมา เมื่อถึงยามสายฟ้าแลบถี่มากที่สุดของวัน ชาวเมืองจันทรากลุ่มใหม่เดินทางมาถึงกองไฟของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ภายใต้การนำทางจากนักบวชนามว่าดุ๊ก พวกมันตั้งใจฟังคำสอน เพลิดเพลินไปกับเห็ด และรอรับการชำระล้าง

หลังจากชาวเมืองจันทราได้รับการชำระล้างจนน้ำตานองหน้า ไคลน์มองไปรอบตัวพร้อมกับถาม

“เทพสุริยันบอกให้พวกคุณเฝ้าจับตามองที่นี่เพื่อคอยดูว่ามีใครเดินออกจากม่านหมอก?”

“ขอรับ” ดุ๊กที่หายจากอาการป่วยทราบว่ามหานักบวชเคยเล่าวิวรณ์ของเทพสุริยันให้อีกฝ่ายฟังแล้ว จึงตอบกลับเสียงเรียบ

ไคลน์พยักหน้าแผ่วพลางสานต่อบทสนทนา

“พวกคุณจะทำอย่างไรต่อถ้าพบคนเดินออกจากม่านหมอก”

ดุ๊กตอบโดยไม่ลังเล

“ท่องพระนามเต็มอันทรงเกียรติของมหาเทพสุริยันทันที… และรายงานข้อมูลดังกล่าว… แด่พระองค์…”

น้ำเสียงของมันทวีความหม่นหมองขณะกล่าว และลงเอยด้วยการพูดไม่จบประโยค นั่นเพราะเทพสุริยัน – พระผู้สร้าง ไม่มีการตอบสนองมานานกว่าสองพันปีแล้ว ดังนั้นต่อให้ชาวเมืองจันทราประกอบพิธีกรรมที่สมบูรณ์และเอ่ยนามเต็ม ก็คงไม่มีการตอบสนองกลับมาเช่นเดิม

“มีอย่างอื่นอีกไหม?” ไคลน์พยายามซักไซ้

ชายหนุ่มสัมผัสถึงได้ถึงบางสิ่ง และนั่นมิได้มาจากสัญชาตญาณ แต่เป็นข้อสรุปจากการอนุมานในระดับหนึ่ง – ไม่มีทางที่เทพสุริยันบรรพกาลจะไม่คำนึงถึงปัญหาที่จะตามมา: บุคคลผู้เดินผ่านม่านหมอกจะต้องเปี่ยมไปด้วยความระมัดระวัง ไม่มีทางปล่อยให้ถูกจับตามองเป็นเวลานานโดยเด็ดขาด อาจถึงขั้นใช้พลังพิเศษเพื่อสะกดจิตให้ชาวเมืองจันทราหลงลืมที่จะสวดวิงวอน หรือไม่ก็ลืมในสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน

เมื่อคำนึงถึงปัญหาดังกล่าว ไม่มีทางที่เทพสุริยันบรรพกาลจะไม่เตรียมตัวล่วงหน้า

แต่แน่นอนว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะถ้าในคำทำนายของบิดาอามุนด์ระบุว่า ผู้ที่เดินออกจากม่านหมอกเป็นเพียงมือใหม่อ่อนหัด การเตรียมตัวเพิ่มเติมก็คงไม่จำเป็น

แต่เมื่อพิจารณาว่าเทพสุริยันบรรพกาล ‘ทายผิด’ – เนื่องจากคนที่เดินออกจากม่านหมอกคือตนซึ่งมีความแข็งแกร่งพอสมควร ไคลน์จึงปัดตกแนวคิดเมื่อครู่และมั่นใจว่าพระผู้สร้างที่เมืองเงินพิสุทธิ์นับถือจะต้องมีแผนสองเตรียมไว้

ดุ๊กไตร่ตรองสักพักก่อนจะกล่าวด้วยความลังเล

“เดินเข้าไปหาบุคคลดังกล่าวและทักทายหนึ่งคำ”

หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรงก่อนจะถามหน้านิ่ง

“คำว่า?”

ริมฝีปากดุ๊กสั่นเทาราวกับพยายามเลียนแบบการออกเสียง จากนั้นก็กล่าวด้วยสำเนียงประหลาด:

“เชอร์โนบิล”

“…” สมองไคลน์หยุดทำงานไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาว

อาณาจักรโลเอ็น แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก ภายในป่าทึบแห่งหนึ่ง

ชาวนาจากหมู่บ้านใกล้เคียงกำลังรวมตัวกันที่นี่เพื่อเก็บเห็ดประหลาดที่ซ่อนอยู่ตามรากไม้ ซากไม้ และพุ่มไม้

ตามกฎหมายของอาณาจักร ทุกสิ่งที่เติบโตในป่าแห่งนี้ล้วนเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดิน – มิสออเดรย์·ฮอลล์ แต่เนื่องจากสงครามยืดเยื้อเป็นเวลานานจนประสบภาวะขาดอาหารรุนแรง ปัจจัยดังกล่าวทำให้ชาวนาไม่แยแสกฎหมายอีกต่อไป เพราะคงไม่เกิดประโยชน์หากจะเป็นพลเมืองดีแต่เอาชีวิตไม่รอด ผนวกกับการที่มีคนจำนวนมากร่วมกระทำผิด ความกล้าหาญก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว

พวกมันแบ่งเป็นกลุ่มเล็กเพื่อเก็บเห็ดลายดาวสีทองและลายเนื้อหินอ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ เห็ดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนน้อยเก็บไว้กินกันเอง และส่วนใหญ่เก็บไว้ขายพ่อค้าที่รอด้านนอกป่าเพื่อแลกกับทองปอนด์ เกลือ ผ้า และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ

ชาวนาเหล่านี้ไม่ได้ล้ำเส้น นอกเหนือจากเห็ด พวกมันนำกลับไปเพียงผลไม้ส่วนน้อย ยังเหลือส่วนใหญ่ไว้ให้ผู้ดูแลป่าที่ต้องนำผลผลิตกลับไปส่งให้เจ้านาย

ชาวนาสามารถขายเห็ดและผลไม้ได้มากมายภายในเวลาเพียงสองชั่วโมง จากนั้นก็เดินกลับหมู่บ้านด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า

สำหรับพวกมัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นไปตามความตั้งใจของเจ้าตัว

พ่อค้าธัญพืชเคราดกเองก็มีความสุขไม่น้อยเช่นกัน เพราะพืชผลที่ชาวนาหามาได้จะทำกำไรมหาศาล

มันสั่งให้คนงานที่มาด้วยกันเคลื่อนย้ายเห็ดและผลไม้ไปยังจุดแปรรูปนอกเมือง หลังจากแปรรูปเสร็จก็เป็นการเก็บใส่ยุ้งฉาง

ในฐานะนักธุรกิจรอบคอบ มันส่งคนงานกลับไปก่อนจะตรวจสอบยุ้งฉางอีกครั้ง เมื่อยืนยันจนแน่ใจว่าทุกสิ่งเรียบร้อยดี พ่อค้าปิดประตูยุ้งฉางและลงกลอนแน่นหนา

ทันใดนั้นเอง มันพบเงินสดก้อนโตวางกองอยู่บนพื้น ทั้งหมดคือธนบัตรสิบปอนด์

เราเผลอทำเงินมากขนาดนี้หล่นตั้งแต่เมื่อไร? พ่อค้าธัญพืชก้มลงเก็บธนบัตรด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

มันฉุกคิดถึงที่มาของเงินหลังจากนับจำนวนเสร็จ:

นี่คือกำไรจากการขายผงเห็ด เห็ดตากแห้ง และผลไม้แห้ง!

กำไรเป็นกอบเป็นกำ! พ่อค้าธัญพืชถอนหายใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินออกห่างจากยุ้งฉาง

ออเดรย์ที่อยู่ในยุ้งฉางทำการสลายพลัง ‘ล่องหนทางใจ’ พร้อมกับนำกระเป๋าสีดำออกมา

นี่คือ ‘กระเป๋าสัมภาระของนักท่องเที่ยว’ ที่เธอยืมมาจากซิล

จากนั้นออเดรย์เจ้าของผมสีทอง ทำการเทกระสอบอาหารแห้งเข้าไปในกระเป๋าสีดำอย่างง่ายดาย

จัดการเสร็จ หญิงสาวหยิบสมุดบันทึกสีเขียวขี้ม้าออกมาพลิกเปิดไปยังหน้า ‘เทเลพอร์ต’

นี่คือ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ที่ยืมมาจากฟอร์ส

และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้คือการ ‘บงการ’ จากออเดรย์

เริ่มจากการที่เธอรับเห็ดซึ่งขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาจากมาดามเฮอร์มิท เมื่อนำไปให้สัตว์ป่ากิน พวกมันก็ ‘ช่วย’ นำไปปลูกในตำแหน่งที่เหมาะสมจนทั่วป่า ถัดมาเป็นการ ‘สร้างอิทธิพล’ กับชาวนาในหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อกระตุ้นแรงปรารถนาของพวกมันให้เกิดความไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมถึงการทำให้พ่อค้าผ่านมาพบเข้า ‘โดยบังเอิญ’

การบงการผู้คนอย่างง่ายดายเช่นนี้ทำให้ออเดรย์เกิดความรู้สึกสุขสมอย่างน่าประหลาด ราวกับเธอได้เป็นเจ้าชีวิตของมนุษย์ส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม หญิงสาวมิได้หลงระเริงไปกับมัน เพียงถอนหายใจด้วยความหดหู่

ยังไม่พอ… อาหารยังขาดแคลนอีกมาก… มากจริงๆ …

เห็ดที่เธอได้รับมาเป็นคนละชนิดกับเห็ด ‘กินศพสัตว์ประหลาด’ ที่เดอะซันน้อยได้รับ พวกมันจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพียงพอเพื่อให้เจริญเติบโตได้รวดเร็ว จึงไม่มีทางนำมาปลูกติดกันในป่าแห่งเดิมได้ถี่นัก ไม่อย่างนั้นที่นี่จะกลายเป็นทะเลทราย

ดวงตาออเดรย์เริ่มส่องประกายหลังจากจดจ้องกระสอบเปล่าอยู่สักพัก เธออดคิดไม่ได้ว่า:

ตอนนี้อาหารส่วนใหญ่กำลังถูกกักตุนโดยโบสถ์ ตระกูลขุนนาง กองทัพ รัฐบาล และพ่อค้า…

ที่ค่ายทหารของฟุซัค อินทิส และเฟเนพ็อตก็มีเช่นกัน แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าต้องเวลานานแค่ไหนถึงจะขนหมดด้วยกระเป๋าใบนี้…

นอกจากนั้นการลอบบงการขุนนาง พ่อค้า และคนของกองทัพถือเป็นงานเสี่ยงอันตราย หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็จะถูกพบตัวทันที…

ถ้าสถานการณ์ไม่ย่ำแย่ถึงขีดสุดโดยแท้จริง เราคงไม่มีวันทราบว่ามนุษย์บางคนมีด้านนี้อยู่ด้วย…

เมื่อเติบโตมาในสภาพแวดล้อมต่างกัน ธรรมชาติของคนเราจึงไม่เหมือนกัน… เราต้องจำเรื่องนี้ใส่ใจให้ดี…

ท่ามกลางกระแสความคิด ออเดรย์ที่พบว่าตนยังอ่อนประสบการณ์ด้านนี้ตัดสินใจปรึกษามิสเตอร์เวิร์ลเพื่อขอความเห็น

และเนื่องจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ต้องเตร็ดเตร่ตามลำพังในดินแดนอันรกร้างและมืดมิดเป็นเวลานาน ออเดรย์เสนอให้อีกฝ่ายเข้ารับการรักษาอาการทางจิตกับเธอเป็นระยะ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้อง ‘รักษา’ ทุกครั้งไป เพียงได้คุยกันแบบผ่อนคลายก็มากพอจะช่วยให้ความเครียดและความเดียวดายบรรเทาลงหลายส่วน

เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่คัดค้านคำแนะนำของจิตแพทย์ส่วนตัว และจากบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง หากไม่นับประเด็นด้านการรักษา ออเดรย์มักได้ยินอีกฝ่ายนินทาเดอะสตาร์บ่อยครั้งเพื่อรักษาสุขภาพจิตที่ดี

เมื่อตัดสินใจได้ หญิงสาวเตรียมกระตุ้นพลังเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางกลับเบ็คลันด์

แต่ทันใดนั้นก็ชะงักพลางหยุดคิดไตร่ตรองด้วยสีหน้าหดหู่

นั่นเพราะหญิงสาวตระหนักดีว่า ต่อให้เธอรวบรวมอาหารมาเลี้ยงผู้คนได้เป็นจำนวนมาก แต่นั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน สถานการณ์ก็มีแต่จะยิ่งเลวร้ายตราบใดที่สงครามยังไม่จบลง

สงคราม… ออเดรย์หลับตาลงอย่างจนปัญญาจะคิดหาทางออก

หญิงสาวเคยได้ยินมาดามเฮอร์มิทกล่าวว่า เนื้อแท้ของสงครามนี้คือการต่อสู้ระหว่างทวยเทพ และศึกระหว่างทวยเทพมักมีสิ่งหนึ่งร่วมกันเสมอ: ต่างฝ่ายต่างยินดีที่จะสละเวลาและขุมกำลังเพื่อสั่นคลอน ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ซึ่งเป็นแหล่งพลังของอีกฝ่าย

ไตร่ตรองสักพัก ออเดรย์เม้มปากพร้อมกับตัดสินใจหนักแน่นในสิ่งที่จะทำ

หลังจากหน้ากระดาษส่องแสง ร่างกายหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใสและเลือนหายไป

ไคลน์ที่นั่งข้างกองไฟไตร่ตรองเกี่ยวกับคำพูดอามุนด์หลังจากส่งคณะเดินทางของเมืองจันทรากลับไป

อามุนด์กล่าวว่า ในส่วนลึกของเชอร์โนบิลเต็มไปด้วยเบาะแสของสิ่งที่ไคลน์ต้องการจะทราบ

เทพสุริยันบรรพกาลก็ยังเน้นย้ำเกี่ยวกับเชอร์โนบิลมากเป็นพิเศษ… ท่ามกลางความคิดดังกล่าว ชายหนุ่มนึกอยากสำรวจเชอร์โนบิลขึ้นมาทันที

การตัดสินใจครั้งนี้มิได้เกิดขึ้นอย่างปุบปับ ไคลน์ต้องการจะสำรวจมานานแล้ว แต่ไม่กล้าเพราะมีอามุนด์คอยขัดขวาง

เราเอาแต่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกมานานกว่าครึ่งปี คงไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะไปโผล่เชอร์โนบิลได้… อามุนด์ที่ได้รับตะกอนพลัง ‘หนอนกาลเวลา’ ก้อนสุดท้ายไปแล้วคงกำลังเตรียมประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์ ไม่มีทางที่ร่างต้นจะยังอยู่ในเชอร์โนบิล อา… แต่ในฐานะราชาเทวทูตผู้มีความอดทนเป็นเลิศ ร่างโคลนของอามุนด์สักตัวคงเฝ้าอยู่ที่นั่น… ไตร่ตรองสักพัก ไคลน์ตัดสินใจจะทดสอบด้วยการใช้ภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์ของตัวเอง

หัวเด็ดตีนขาดยังไงมันไม่มีทางไปโผล่ที่เชอร์โนบิลด้วยร่างต้นเด็ดขาด!

ไคลน์ส่งตัวเองขึ้นไปทำนายบนมิติหมอกหลังจากวางแผนเสร็จ จากนั้นก็กลับลงมาและดึงตัวเองเมื่อห้านาทีที่แล้วออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์

ภาพฉายเริ่มได้สติหลังจากร่างต้นเลือนหาย ตามด้วยการคว้าอากาศอยู่หลายหนจนกระทั่งดึงไม้เท้าสีดำเลี่ยมอัญมณีออกมาสำเร็จ

ไม้เท้าดวงดาว!

ไคลน์ต้องการใช้พลังของไม้เท้าดวงดาวเพื่อเทเลพอร์ตไปยังเชอร์โนบิลในพริบตา!

……………………