ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1052 จะแต่งงานแล้ว
ครึ่งปีมานี้ สถานการณ์ของแสงดาวด้านโน้น
ครึ่งปีก่อนหน้านี้ เธอกับวาริชได้ไปที่เกาะเดรก เดิมทีนึกว่าเธอพักผ่อนอยู่ที่นั่น แต่คาดไม่ถึงว่า หลังจากนั้นไม่กี่เดือน กลับพูดว่าเธอได้ตั้งครรภ์แล้ว
ตั้งครรภ์อีกแล้ว!!
นั่นแน่นอนว่าเป็นวาริชแล้ว
เส้นหมี่เข้าใจผิดมาตลอด สุดท้าย ก็ทำได้เพียงค่อยๆยอมรับความจริง
หลังจากนั้น ตระกูลหิรัญชาก็ได้เตรียมงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสองเอาไว้
แต่ใครจะไปคาดถึงว่าแม่ของวาริชคนนั้น จะรู้ว่าแสงดาวได้ท้องก่อนแต่ง เดิมทีในตอนแรกยังทำดีเอาอกเอาใจตระกูลหิรัญชาต่างๆนานา แต่ว่าไม่รู้ว่าเธอได้ยินเรื่องแสงดาวกับม็อกโกแล้วหรือเปล่า?
หรือว่าเพราะว่าลูกชายของเธอตามติดแสงดาวอยู่ตลอด อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นไม่ยอมกลับบ้าน
ผู้หญิงคนนี้ หลายเดือนมานี้ต่างไม่มีคำพูดดีๆกับตระกูลหิรัญชาเลย
เส้นหมี่:“คุณพูดสิไม่ใช่ว่าตระกูลหิรัญชาของพวกเราอยากจะไต่เต้าพวกเขา เธอมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจพี่สาว? เป็นลูกชายของเธอเองที่ตามติดพี่สาว ตอนนี้กลับกันแสดงสีหน้าท่าทางแบบนั้นออกมา”
“เอาน่า อย่าพูดอีกเลย ตอนบ่ายผมจะโทรศัพท์หาตระกูลโชคสกุล”
แสนรักที่กำลังทานข้าวในที่สุดก็ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว รับปากกับหญิงสาวคนนี้ว่าตอนบ่ายจะโทรศัพท์ไป
เขาทนดูเจ้าคนโง่คนนี้เป็นกังวลไม่ได้
เกรงว่างานของตัวเองยังไม่มากพอเหรอ? ชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องต่างๆ
ตอนบ่ายแสนรักเลิกงานแล้ว ปรากฏว่าเรื่องแรกคือหยิบโทรศัพท์มาโทรหาตระกูลโชคสกุลทางด้านโน้น
“ฮัลโหล ผมคือแสนรัก”
“หา? เอ่อ! ท่าน……ท่านประธานแสนรัก สวัสดีครับ……”
พ่อของวาริชค่อนข้างหวาดกลัวหิรัญชากรุ๊ป ได้รับโทรศัพท์จากประธานของหิรัญชากรุ๊ปอย่างกะทันหัน เขาตกใจจนลุกขึ้นมาจากโซฟาในทันที
แสนรักที่อยู่ในสายโทรศัพท์ด้านนี้จึงถามออกไปตรงๆด้วยประโยคนี้:“เรื่องเกี่ยวกับลูกชายของคุณกับพี่สาวของผม พวกคุณด้านโน้นจะจัดการอย่างไร? ตอนนี้เธอก็ได้ตั้งท้องแล้ว ตระกูลโชคสกุลของพวกคุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
“หา? พวกเรา……พวกเรา……”
พ่อของวาริชคนนี้พูดติดๆขัดๆ
แสนรักได้ฟังแล้ว ทันใดนั้น ใบหน้าหล่อเหลาอันโดดเด่นก็ขุ่นเคืองขึ้นมาแล้ว
แต่ว่ายังไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด สิ่งที่แย่ที่สุดคือ ไม่นาน สายโทรศัพท์ของเขายังถูกคนคนหนึ่งรับมาต่อแล้ว
“ประธานแสนรัก ฉันคือแม่ของวาริช คือแบบนี้ พวกเราตระกูลโชคสกุล สิ่งสำคัญคือบ้านหลังใหม่ที่ใช้เป็นห้องหอยังตกแต่งไม่เสร็จ เป็นไปได้ว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน”
“……”
อีกหลายเดือน?
งั้นจะรอให้แสงดาวคลอดลูกออกมาก่อนเหรอ?
ความอดทนสุดท้ายของแสนรักได้ถูกกัดกร่อนไปหมดแล้ว
“จะต้องตกแต่งอะไรล่ะ? รีเกเบย์ แล้วแต่พวกเขาจะเลือกไปหนึ่งหลัง เพียงพอไหม?”
“หา?”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ที่ถือโทรศัพท์อยู่ได้ฟังแล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภเปล่งประกายขึ้นมาทันที
รีเกเบย์ นั่นเป็นหมู่บ้านที่ดีที่สุดในเมืองนี้ของพวกเขา บ้านที่อยู่ด้านใน หลังหนึ่งหลายสิบล้าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ได้ตกแต่งเสร็จเรียบร้อย เฟอร์นิเจอร์ต่างมีครบ
ในที่สุดเธอก็ปล่อยวางลงได้แล้ว:“พอค่ะพอ งั้นต้องขอบคุณประธานแสนรักมาก ฉันจะไปจัดการ เดี๋ยวนี้เลย”
ผู้หญิงคนนี้ถึงได้วางสายไปแล้ว หลังจากนั้นบอกกล่าวให้คนในบ้านไปจัดการเรื่องนี้แล้ว
พ่อของวาริชที่ยืนอยู่ข้างได้เห็นแล้ว อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้:“คุณทำแบบนี้เกินไปหรือเปล่า? เขาคือส่งพี่สาวมาแต่งงาน ไม่ได้มาขอ คุณไปเอาบ้านของเขามาตั้งหนึ่งหลังอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ ไม่กลัวขายหน้าหรือไง?”
“ฉันจะขายหน้าอะไร? พี่สาวของเขานั้นยังไม่ทันได้แต่งงานก็ท้องโตเสียแล้ว ยังจะแต่งมาที่ตระกูลโชคสกุลของพวกเรา เขายังไม่รู้สึกขายหน้า ฉันจะขายหน้าอะไร? ฉันจะเอาอะไรมาจากตระกูลหิรัญชาของพวกเขาต่างก็ไม่รู้สึกขายหน้า!”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้บ่นออกมา ก้าวเท้าเดินออกไปแล้ว
พ่อวาริช:“……”
ในขณะเดียวกัน ตึกหิรัญชากรุ๊ป
เส้นหมี่หลังจากที่ได้ยินสามีตัวเองโทรหาตระกูลโชคสกุลกับหูตัวเองแล้ว เธอเองก็ดีใจขึ้นมา
“พวกเขารับปากแล้ว? งั้นฉันจะรีบโทรหาพี่สาวนะ? ไม่ใช่สิ ตอนนี้เธอตั้งท้องแล้ว ฉันต้องไปหาเธอด้วยตัวเองสักครั้ง ฉันไปรับเธอที่เกาะแห่งนั้นดีกว่า”
เธอพูดจบแล้ว ทันใดนั้นก็ไปวางแผนการเดินทางจริงๆ
แสนรักโมโหจนยิ้มออกมาแล้ว
“คุณนี่มันว่างจริงๆใช่ไหม? เธอยู่ที่สถานที่กันดารแบบนั้น มีคนดูแลเอาใจใส่เรื่องการกินการอยู่ ต่อให้อยากจะกลับมา เขาก็คงจะส่งเธอกลับมา ยังต้องให้คุณไปรับกลับด้วยตัวเองเหรอ?”
“แต่ว่า……”
“เอาน่า ถ้าคุณว่างจนอยู่นิ่งไม่ได้ละก็ ก็ไปจัดการเรื่องโรงแรม แล้วก็ส่ิงต่างๆที่ใช้ในงานแต่งงาน คุณก็ไป……”
ผู้ชายคนนี้ เดิมทีอยากจะให้เธอไปเตรียมเรื่องงานแต่งงาน เพราะว่า ธนากรไม่อยู่แล้ว เธอเองก็เป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้แล้ว
แต่ว่า เขาพึ่งจะพูดไปได้ครึ่งเดียว ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่า เธอก็ไม่เคยทำสิ่งนี้ ไม่เพียงไม่เคยทำ แม้แต่งานแต่งงานของตัวเอง เธอก็ยังไม่เคยเข้าร่วม
ปีนั้น เพราะว่าเขาไม่ยินยอม งานแต่งงานของพวกเขาอันนั้น จึงเป็นการทานข้าวง่ายๆระหว่างตระกูลหิรัญชากับตระกูลวชิรนันท์ แล้วก็ยังมีเพื่อนที่สนิทสนมกันเท่านั้น
“ทำไมเหรอ? ยังมีอะไรต้องทำอีก?”
เส้นหมี่กลับยังไม่รู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ มองเห็นเขาหยุดลงในทันใด ยังพูดออกมาอย่างรีบร้อนหนึ่งประโยค
สายตาของชายหนุ่มขยับแล้ว
มีความเจ็บปวดสะท้อนออกมาผ่านขนตาที่ดำคลับเหมือนกับขนของอีกาของเขา เขามองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วพูดออกมาว่า:“ไม่มี คุณรับผิดชอบจองโรงแรมแล้วก็ติดต่อกับตระกูลโชคสกุลก็พอ อย่างอื่นผมจัดการเอง”