ไคลน์เสริมขณะเห็นว่ามิสเมจิกเชี่ยนตอบสนองไม่ทัน
“คุณไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น แต่อัญเชิญภาพฉายของผมก็พอ”
“…ตกลง!” เมจิกเชี่ยนฟอร์สรีบพยักหน้ารับ
เมื่อเห็นว่าเกอร์มันสแปร์โรว์รับงานด้วยตัวเอง เอ็มลินผ่อนคลายลงหลายส่วน
มันทราบจากประสบการณ์ของตัวเองว่า โอกาสสำเร็จของภารกิจได้ก้าวกระโดดขึ้นหลายเท่าตัว
เดอะเวิร์ลจ้องมันและถามในวินาทีถัดมา
“จะจ่ายด้วยอะไร”
เอ็มลินเงียบไปสองวินาทีก่อนจะกลอกตาขึ้นพูด
“ถ้าได้เป็นราชาหมอผี ข้ารับปากว่าจะมอบความช่วยเหลือในสิ่งที่คล้ายกันโดยไม่คิดค่าตอบแทน…นอกจากนั้นข้ายังต้องการแค่ตะกอนพลังราชาหมอผี และโรงเรียนกุหลาบฝ่ายระงับก็ทำไปเพราะเหตุผลส่วนตัว ส่วนแบ่งที่เหลือจึงตกเป็นของเจ้า”
มิสเตอร์มูนรู้สึกผิดเล็กน้อยและค่อนข้างไม่มั่นใจ…ออเดรย์ได้ข้อสรุปจากอากัปกิริยาและคำพูด
สหายเอ็มลินรู้จักใช้เทคนิคการ ‘กู้ก่อนจ่ายทีหลัง’ กับเขาด้วยหรือ…ไคลน์ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบังคับเดอะเวิร์ลกล่าว
“ดูเหมือนว่านอกจากผม คุณคงไม่มีปัญญาจ้างครึ่งเทพคนอื่น”
ถ้ามิสเตอร์มูนมีอาหารเก็บไว้มาก บางทีเราอาจพิจารณารับข้อเสนอ…จัสติสออเดรย์พึมพำเงียบ
แต่เธอไม่ได้พูดออกไปเพราะทราบคำตอบของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ทำไมถึงคิดว่าผีดูดเลือดจะมีขนมสะสมไว้เต็มบ้าน?
อาหารหลักสำหรับผีดูดเลือดคือเลือดมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังวิญญาณ ขนมปังและเนื้อเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า
เอ็มลินถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเกอร์มันสแปร์โรว์ไม่ปฏิเสธข้อเสนอตน
“ให้ทางนี้ช่วยอำนวยความสะดวกด้านใดเป็นพิเศษไหม? ข้าจะสนับสนุนเท่าที่ทำได้”
เกอร์มันสแปร์โรว์กล่าวหลังจากไตร่ตรอง
“อยากได้สมบัติวิเศษหรือสมบัติปิดผนึกที่ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณของผู้ถืออย่างมากชั่วขณะหนึ่ง”
ไคลน์ต้องการสิ่งนี้ให้มิสเมจิกเชี่ยน เธอจะได้อัญเชิญภาพฉายของตนนานขึ้นอีกหลายนาที และมันไม่เคลือบแคลงเลยว่าเส้นทางจันทราจะต้องมีพลังในขอบเขตดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่นมงกุฎจันทร์ชาดซึ่งสามารถสร้างสภาวะพระจันทร์เต็มดวง ช่วยให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง
ฟู่ว…เดอะมูนเอ็มลินผงกศีรษะ
“ไม่มีปัญหา”
ฟอร์สยกมือขึ้นหลังจากเห็นว่าการเจรจาของหนึ่งคนหนึ่งแวมไพร์จบลง
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่พระจันทร์เต็มดวง”
เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เลิกคิดเรื่องการเพิ่มพูนพลังวิญญาณไปได้เลย ช่วยกันสวดภาวนาให้เธอไม่ตายคาที่กันก่อนดีกว่า เพราะยิ่งมีลำดับสูงขึ้นก็ยิ่งได้ยินเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตูชัดเจนขึ้น ตัวฟอร์สในปัจจุบันคือลำดับห้า นักท่องเที่ยว
เอ็มลินไม่มีคำถามเพราะมันเองก็ทราบเกี่ยวกับคำสาปพระจันทร์เต็มดวงของเมจิกเชี่ยน มันพยักหน้ารับเล็กน้อยเป็นนัยว่าจะช่วยดูให้
อัลเจอร์ที่นั่งฟังการค้าขายด้านข้างมาสักพักกล่าวขึ้น
“แม้ผู้วิเศษของโรงเรียนกุหลาบจะถูกใช้ประโยชน์จากอารมณ์และสัญชาตญาณได้ง่าย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าสมองของพวกมันกลวงเหมือนกับพวกซอมบี้ หรือต่อให้ไม่มีสมองจริง แต่พวกมันก็ยังมีผู้วิเศษในขอบเขตจันทราคอยให้ความช่วยเหลือ…ในเมื่อครึ่งเทพของพวกมันต้องออกหน้าในสงครามทวีปใต้ ไม่มีทางที่โรงเรียนกุหลาบจะไม่ระวังการฉกฉวยโอกาสจากผีดูดเลือดและฝ่ายระงับแรงปรารถนา ผมเชื่อว่ามีโอกาสสูงมากที่จะมีกับดักถูกเตรียมไว้”
“ผมเห็นด้วย” เลียวนาร์ดสนับสนุน “เอกสารสืบสวนหลายฉบับแจ้งตรงกันว่า แม้พวกโรงเรียนกุหลาบจะหลงใหลในเลือด ความรุนแรง และความกระหาย แต่พวกมันก็ยังวางแผนอย่างรอบคอบในทุกการกระทำ เรียกได้ว่าเป็นพวกชั่วที่เจ้าเล่ห์”
จัดจ์เมนต์ซิลชำเลืองเพื่อนสนิท
“เมื่อสองเดือนก่อน ฉันมีโอกาสได้อยู่ในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่พัวพันกับโรงเรียนกุหลาบ…เหยื่อถูกหลอกและติดกับดัก”
เดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์พ่นลมหายใจขณะฟัง จากนั้นก็พูดกับเดอะมูน
“ราชาหมอผีคนไหนที่เป็นเป้าหมายของคุณ”
เอ็มลินไม่ปิดบัง
“ราชาหมอผีที่นำชนพื้นเมืองจากแคว้นโอลิเต้เหนือของไบลัมตะวันออกเข้าล้อมเมืองอาณานิคมหลักของโลเอ็น”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจไคลน์หลังจากได้ยินคำอธิบาย
ดูเหมือนว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจะไม่ต้องการให้เทพธิดารัตติกาลได้ครอบครองเอกลักษณ์ของเส้นทางมรณา จึงนำชนพื้นเมืองเข้าโจมตีโบสถ์รัตติกาลในทวีปใต้เพื่อสั่นคลอนหลักยึดเหนี่ยวโดยใช้สงครามบังหน้า…
ท่ามกลางกระแสความคิด เดอะเวิร์ลจ้องหน้าเอ็มลิน
“ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายของผมจะเป็นคนอื่น…คุณก็ลงมือของคุณไป”
ไคลน์ไม่จำเป็นต้องอธิบายอย่างเถรตรง เอ็มลินและทุกคนก็เข้าใจแผนการในทันที
แผนไม่ซับซ้อน
เกอร์มันสแปร์โรว์จะล่าราชาหมอผีคนอื่นอย่างเปิดเผย เป็นการนำตัวเองเข้าไปสู่กับดักเพื่อดึงดูดความสนใจจากกองกำลังลับของโรงเรียนกุหลาบ เมื่อถึงตอนนั้น เอ็มลินกับหน่วยจู่โจมของโรงเรียนกุหลาบฝ่ายระงับจะลงมือโจมตีเป้าหมายที่แท้จริง
“ไม่ฟังดูอันตรายไปหน่อยหรือ” เอ็มลินถามตามความเคยชิน
อันตรายที่ว่าย่อมหมายถึงการเสี่ยงบุกเข้าใส่กับดักของเกอร์มันสแปร์โรว์
เดอะเวิร์ลตอบเสียงสุขุม
“นั่นเป็นเพียงภาพฉายทางประวัติศาสตร์”
ถ้าต้องตาย ก็ต้องตาย…
ได้ยินคำตอบดังกล่าว เอ็มลิน เลียวนาร์ด และสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่นต่างหมดคำจะกล่าวและตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก ไม่แน่ใจว่าพวกตนควรทึ่งในความแข็งแกร่งของครึ่งเทพลำดับสามหรือควรอิจฉาพลังพิเศษแสนสะดวกสบายของปราชญ์โบราณดี
ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลพูด
“ถ้าโรงเรียนกุหลาบยังคลางแคลงในการโจมตีของผมและไม่ส่งกำลังทั้งหมดมารับมือ หรือไม่ยอมใช้งานกับดักที่วางไว้ ผมจะเริ่มล่าราชาหมอผีคนดังกล่าวอย่างสุดฝีมือ เปลี่ยนเป้าลวงให้กลายเป็นเป้าหมายจริง…สิ่งที่คุณต้องการมีแค่ตะกอนพลังอยู่แล้ว เจ้าของจะเป็นใครก็ได้”
แผนการง่ายๆ แต่ได้ผลดี…กุญแจสำคัญคือ เกอร์มันสแปร์โรว์ต้องแข็งแกร่งเหนือจินตนาการถึงขั้นสามารถเผชิญหน้ากับเทวทูต…ออเดรย์วิเคราะห์ในใจหลังจากได้ฟังจนจบ
เอ็มลินหมดข้อสงสัย มันกล่าวหลังจากไตร่ตรองไม่กี่วินาที
“ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการ ข้าต้องไปปรึกษาหารือกับคนของโรงเรียนกุหลาบฝ่ายระงับเพื่อยืนยันรายละเอียดสุดท้าย”
เดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์พยักหน้ารับ
“นัดมาได้เลย”
จบประเด็นดังกล่าว ไคลน์ให้เดอะเวิร์ลเสกปึกกระดาษแจกจ่ายไปยังสมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคน
“ผมกับพวกพ้องกำลังเตรียมจู่โจมสัตว์ในตำนาน…อยากฟังความเห็นของทุกคน”
กระดาษปึกดังกล่าวเขียนเกี่ยวกับลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์ และยังเสริมด้วยบทวิเคราะห์จากมิสจัสติส
ไคลน์หวังจะได้รับแรงบันดาลใจหรือไอเดียใหม่จากประสบการณ์ของผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ
สัตว์ในตำนาน…มิสเตอร์เวิร์ลเริ่มเล็งล่าสัตว์ในตำนานแล้ว? อัลเจอร์ผู้สงบกว่าใคร อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่ง
แม้อัลเจอร์จะเตรียมใจไว้นานแล้วว่า คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเดอะเวิร์ลจะเรียกตัวเองว่าเทวทูตในเร็ววัน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่ออีกฝ่ายประกาศว่าจะล่าสัตว์ในตำนาน
เฮอร์มิทแคทลียาผงะไปเล็กน้อยเช่นกัน แต่จากนั้นก็นึกถึงอสรพิษแห่งชะตา กงสุลมรณะ และมารบรรพกาล
รายชื่อข้างต้นน่าจะเป็น ‘พวกพ้อง’ ที่เกอร์มันสแปร์โรว์หมายถึง
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเทวทูตสามตนกับครึ่งเทพลำดับสามอีกหนึ่งคนจะล่าสัตว์ในตำนาน!
พวกมันทยอยถอนสายตาจากสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวมาใส่ใจกับเอกสารเบื้องหน้า
ในวินาทีนี้ ทั้งที่ไม่ใช่การจ้างงานหรือการขายของ แต่สมาชิกชุมนุมทาโรต์กลับร่วมแรงร่วมใจโดยมีเป้าหมายเดียวกันได้ นั่นให้ทุกคนเริ่มมองการชุมนุมอันแสนผ่อนคลายแห่งนี้เป็นเหมือนกับ ‘องค์กร’ มากขึ้น
อัลเจอร์เป็นคนแรกที่พูดขึ้นหลังจากอ่านจบ
“พิจารณาจากบทวิเคราะห์ของมิสจัสติส คงไม่มีเหยื่อล่อใดสามารถดึงดูดสัตว์ในตำนานขี้ระแวงตัวนี้ได้ การวางกับดักรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายหนีไปไกลขึ้น…ภายใต้สถานการณ์ที่มันอาจถือครองตะกอนพลังลำดับหนึ่งไว้กับตัว เป้าหมายในชีวิตของมันไม่น่าจะเป็นการออกล่าใคร หากแต่เป็นการเพ่งสมาธิเพื่อเลื่อนลำดับ คุณต้องฉวยโอกาสจากข้อเท็จจริงดังกล่าวหากหวังจะล่ามัน”
หลังจากฟังจบ ซิลเสริมด้วยมุมมองมืออาชีพของเธอ
“แต่สัตว์ในตำนานตัวนี้รอบคอบมาก แทบไม่เหลือร่องรอยใดทิ้งไว้…และจากข้อมูลเพิ่มเติม สถานที่ประกอบพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับหนึ่งของมันอาจไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในสภาพแวดล้อมของดินแดนเทพทอดทิ้ง”
“ถูกต้อง นอกจากนั้นเจ้านั่นยังสามารถใช้สัตว์ประหลาดรอบตัวได้มากมาย” เดอร์ริคสนับสนุนสิ่งที่มิสจัดจ์เมนต์พูด
เลียวนาร์ดเปิดปากหลังจากความเงียบปกคลุมสักพัก
“เราใช้ประโยชน์จากกฎการดึงดูดระหว่างตะกอนพลังได้ไหม?”
มันมองไปทางไคลน์โมเร็ตติขณะกล่าว
“สัตว์ในตำนานตัวนั้นอยู่บนเส้นทางเดียวกับคุณใช่ไหม”
“ด้วยระดับในปัจจุบัน ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองปีหากพึ่งพาเพียงกฎการดึงดูด…นอกจากนั้นเป้าหมายยังเป็นถึงสัตว์ในตำนานร่างสมบูรณ์ มีพลังในการแทรกแซงกฎเกณฑ์ระดับหนึ่ง” ไคลน์ปัดตกข้อเสนอเลียวนาร์ด
แต่แน่นอน หากไคลน์อาบออร่าของปราสาทต้นกำเนิดไว้อย่างท่วมท้น การใช้ไม้เท้าดวงดาวเคลื่อนที่แบบสุ่มครั้งถัดไปจะมีโอกาสได้พบกับหมาป่าอสูรทมิฬโดยบังเอิญ แต่ปัญหาคือ ตนมีโอกาสพบอามุนด์โดยบังเอิญมากกว่า และนั่นจะมีค่าเท่ากับขุดหลุมฝังศพตัวเอง
เฮอร์มิทแคทลียาฟังข้อเสนอของทุกคนอย่างตั้งใจ เมื่อผนวกกับข้อห้ามของราชินี เธอลองเสนอแนะ
“เราสร้างการเชื่อมต่อกับสัตว์ในตำนานด้วยพระนามเต็มอันทรงเกียรติได้ไหม?”
นั่นคงทำได้หากหมาป่าอสูรทมิฬไม่เคยถูกอามุนด์ตามล่ามาก่อน…อามุนด์ก็น่าจะเคยลองทุกสิ่งที่เราคิดได้ไปหมดแล้ว และการที่หมาป่าอสูรทมิฬยังไม่ร่วงหล่นย่อมแปลว่ามันมีความรอบคอบในระดับน่าทึ่ง…เกอร์มันสแปร์โรว์ส่ายหน้า
“พิจารณาจากความขี้ระแวง เจ้านั่นคงไม่เปิดการตอบสนองอัตโนมัติ”
มันฉุกคิดบางสิ่งหลังจากพูดจบ
การไม่เปิดระบบตอบรับอัตโนมัติ ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่สนใจจุดแสงแห่งการวิงวอน!
………………..