ตอนที่ 1104 แสดงพลังอีกครั้ง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ซิวและซ่งหยางขัดขวางคนของตระกูลเยี่ยไว้โดยที่ใช้กลยุทธ์อย่างชาญฉลาด ทั้งสองเลือกที่จะใช้กระบวนท่าป้องกันหลากหลายประเภทและไม่คิดที่จะโจมตีโต้กลับ

ฉินอวี้โม่ก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังทั้งสองขณะเริ่มจัดวางข่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงครู่เดียว ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

คนของตระกูลเยี่ยไม่ตระหนักเลยว่าฉินอวี้โม่กำลังจัดวางข่ายอาคมอยู่ พวกเขาคิดเพียงว่าทั้งสามต้องการถ่วงเวลาและความเย้ยหยันในแววตาปรากฏอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

“หยุดดิ้นรนเสียทีเถอะ ส่งผลึกวิญญาณมาเดี๋ยวนี้และเราจะพิจารณาปล่อยพวกเจ้าไป”

บุรุษผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่ลงมือทำสิ่งใดขณะยืนกอดอกอย่างวางท่าและมองกลุ่มของฉินอวี้โม่ด้วยแววตาราวกับเห็นใจ

“ถ้าเช่นนั้น เราก็ต้องขอบคุณสำหรับความหวังดีของเจ้า”

มือเรียวของฉินอวี้โม่ยังคงขยับไปมาขณะรอยยิ้มเล็ก ๆ ยกขึ้นที่มุมปากและนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง

“มันก็ไม่แน่เสมอไป ทว่าหากพวกเจ้าอ้อนวอนข้าจนข้ารู้สึกพอใจ ข้าอาจจะช่วยพูดกับนายน้อยให้พวกเจ้าได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าตระกูลเยี่ยของเราจะจัดการกับพวกเจ้าอีก”

บุรุษผู้นั้นใช้ความคิดครู่หนึ่งและกล่าวเสริมขึ้นมา ราวกับมั่นใจว่าฉินอวี้โม่จะยอมตกลงอย่างแน่นอน

“โอ้ ขอบคุณมากจริง ๆ เจ้าเป็นคนดียิ่งนัก”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างประชดประชันขณะขยับมืออย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

“เจ้ากำลังหมายความว่าอย่างไรกัน ?!

อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงเสียดสีของฉินอวี้โม่และสีหน้ากลายเป็นเหยเกขึ้นทันใด เขาจ้องนางตาเขม็งและแผ่แรงกดดันออกไปทันที

“เจ้าโง่เอ๋ย !”

ฉินอวี้โม่ไม่สนใจวาจาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อยและเวลานี้ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของนางใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มที

ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเป็นข่ายอาคมมายาที่วิเศษอย่างยิ่ง ตราบใดที่ผู้ใช้ข่ายอาคมมีฝีมือและความชำนาญมากพอ การที่จะจัดวางมันขึ้นมาก็มิใช่เรื่องยากและไม่ต้องใช้พลังมายาที่มากจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม พลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเหนือยิ่งกว่าข่ายอาคมมายาทั่วไปหลายเท่าตัวนัก

“รนหาที่ตายเสียแล้ว !”

หัวหน้าคนตระกูลเยี่ยตะโกนกร้าวอีกครั้งและสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างที่สุด เขาไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งใดกันที่ทำให้ฉินอวี้โม่มั่นอกมั่นใจและกล้าประจันหน้ากับพวกตนอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ เวลานี้แววตาของเขาก็แสดงถึงจิตสังหารอย่างชัดเจนและเตรียมปล่อยการโจมตีเข้าใส่ฉินอวี้โม่

“ซิว ซ่งหยาง ถอยไปก่อน !”

ฉินอวี้โม่ตะโกนบอกซิวและซ่งหยางก่อนโบกมือเล็กน้อยเพื่อเปิดใช้งานข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของตน

ซิวและซ่งหยางก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและถอยกลับไปอยู่ข้างกายของฉินอวี้โม่ภายในชั่วพริบตา

ฟึ่บ !

เสียงประหลาดดังขึ้นและข่ายอาคมอันทรงพลังก็เข้าล้อมรอบคนตระกูลเยี่ยทั้งกลุ่มก่อนที่มังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้าจะปรากฏกายและโจมตีคนเหล่านั้นทันที

“แม่เจ้า นี่มันอะไรกัน ?!”

สีหน้าของคนตระกูลเยี่ยเปลี่ยนไปและข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพนี้ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอย่างที่สุด ต่อให้มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าขอบเขตเทพยุทธ์สามดารา พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าอาจถูกพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวจากข่ายอาคมรอบตัวกลืนกินในไม่ช้า

“ที่แท้นางก็เป็นผู้ใช้ข่ายอาคมนี่เอง !”

ซ่งหยางตกตะลึงเล็กน้อยและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสตรีผู้นี้จะเป็นผู้ใช้ข่ายอาคมที่ทรงพลัง

ผู้ใช้ข่ายอาคมเป็นสาขาความเชี่ยวชาญที่พบเห็นได้ยากแม้ในโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังก็ตาม ผู้ใช้ข่ายอาคมส่วนใหญ่ที่เคยปรากฏในดินแดนได้หายสาบสูญไปนานหลายพันปีแล้ว ในปัจจุบันนี้แม้จะมีผู้ใช้ข่ายอาคมปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง ทว่าคนเหล่านั้นก็ไม่แข็งแกร่งแม้แต่น้อย ผู้ใช้ข่ายอาคมที่ซ่งหยางเคยรู้จักนั้นไม่สามารถกักขังจอมยุทธ์ในขอบเขตเซียนได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการกักขังควบคุมจอมยุทธ์ที่มีพลังเหนือกว่าขอบเขตเทพยุทธ์เจ็ดถึงแปดคนเช่นนี้

“ขอให้สนุกล่ะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวออกไป ในเวลานี้นางเพียงต้องการกักขังควบคุมคนเหล่านี้ไว้เท่านั้น มิใช่สังหารพวกเขาไปโดยตรง

ตูม ! ตูม ! ตูมมม !

มังกรเก้าตัวยังคงโจมตีคนตระกูลเยี่ยต่อไปและทุกการโจมตีอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล ภายในเวลาเพียงไม่นาน ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ล้วนบาดเจ็บและประสิทธิภาพในการต่อสู้ก็ลดน้อยลงมาก

“พลังของข่ายอาคมชนิดนี้แกร่งกล้ายิ่งนัก !”

หนึ่งในผู้ที่ชมเหตุการณ์อยู่รอบ ๆ อดกล่าวพร้อมถอนหายใจไม่ได้ เดิมทีเขาคิดว่าข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเป็นเพียงข่ายอาคมที่ดูฉูดฉาดโดยที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีพลังที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้

“ไม่แปลกใจเลยที่นางจะไม่เกรงกลัวคนตระกูลเยี่ยแม้แต่น้อย สำหรับผู้ที่จัดวางข่ายอาคมที่ทรงพลังมากเพียงนี้ได้ สถานะของนางจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บางทีนางอาจจะเป็นศิษย์ของจอมยุทธ์ลับซึ่งออกมาสั่งสมประสบการณ์ก็เป็นได้ เกรงว่าครานี้ตระกูลเยี่ยเจอตอแข็งเข้าแล้ว”

จอมยุทธ์คนหนึ่งถอนหายใจและตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่

ในตอนนี้ สมาชิกตระกูลเยี่ยล้วนกังวลกันไม่น้อย พลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพแกร่งกล้าเกินไปจนพวกเขาตระหนักว่าต่อให้รวมพลังกันก็ไม่อาจต้านทานมันได้

มังกรขนาดใหญ่ที่ก่อตัวจากพลังมายาทั้งเก้าตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่อมตะ หลังจากพยายามตอบโต้มาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ทำลายมังกรสองตัวได้สำเร็จ ทว่าภายในชั่วพริบตาพวกมันก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้งและพลังของข่ายอาคมก็ไม่อ่อนแอลงแม้แต่น้อย

“เราจะทำอย่างไรกันดี ?!”

คนตระกูลเยี่ยตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดและแม้แต่จอมยุทธ์ขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราผู้ซึ่งทรงพลังที่สุดในกลุ่มก็ไม่มีหนทางรับมือกับสถานการณ์นี้ได้เลย

ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพไม่อ่อนกำลังลงแม้แต่น้อยและพวกเขามิอาจฝ่าทะลวงออกมาได้ หากถูกกักขังอยู่ข้างในนี้ต่อไป พวกเขาจะไม่มีโอกาสหลบหนีและจะต้องตายอย่างแน่นอน

“เราไม่ต้องการผลึกวิญญาณของเจ้าอีกแล้ว รีบปล่อยพวกเราไปเดี๋ยวนี้และเราจะลืมเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา”

หัวหน้ากลุ่มมองตรงไปที่ฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังเจอด้วยคำข่มขู่เล็กน้อย

“ฮ่า ๆ ๆ วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของตนเองก่อนเถอะ ตอนนี้พวกเจ้าจะต้องอ้อนวอนข้า มิใช่เจรจาต่อรองอะไรกับข้า”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างเย้ยหยัน น่าขันเสียจริงที่ในตอนนี้คนตระกูลเยี่ยยังมีความคิดที่จะข่มขู่นางอีก

“อย่าเพิ่งได้ใจไปหน่อยเลย หากนายน้อยของเรามาที่นี่ เขาจะต้องฆ่าเจ้าแน่ !”

บุรุษผู้นั้นกล่าวลอดผ่านฟันที่กัดแน่น ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา มังกรตัวหนึ่งก็โจมตีเขาอย่างแรงจนกระเด็นออกไป

“หากเขากล้ามาที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ทว่าอย่างน้อยที่สุด ข้าก็ฆ่าพวกเจ้าได้ก่อนที่เขาจะมาถึง”

ฉินอวี้โม่ไม่แยแสคำข่มขู่ของอีกฝ่ายและปล่อยพลังมายาออกไปจากมือเพื่อเสริมพลังให้กับข่ายอาคมต่อไป

“ท่านจอมยุทธ์ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด ท่านจอมยุทธ์ไว้ชีวิตพวกเราเถิด เราเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น !”

หลายคนอดวิงวอนร้องขอความเมตตาไม่ได้ พวกเขายังไม่อยากตายและสิ่งที่กล่าวออกไปก็เป็นความจริง พวกเขาเหล่านี้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับและไม่ได้คิดที่จะหมายหัวฉินอวี้โม่ด้วยตัวเอง

“หุบปากซะ !”

หัวหน้าของคนเหล่านั้นตะโกนกร้าวและขัดจังหวะการร้องขอความเมตตาของพวกเขาทันที

“หากเจ้าปล่อยพวกเราไป ข้ารับประกันได้เลยว่าข้าจะช่วยอธิบายกับนายน้อยให้เจ้าและในอนาคตพวกเราตระกูลเยี่ยจะไม่มาหาเรื่องกวนใจพวกเจ้าอีกต่อไป”

เขากล่าวข้อเสนอกับฉินอวี้โม่และคาดหวังว่านางจะไม่ปฏิเสธ

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่ถือสากับการที่ต้องตกเป็นเป้าหมายของตระกูลเยี่ยเลยสักนิด อีกอย่าง…นายน้อยของพวกเจ้าเป็นเพียงบุตรชายของผู้อาวุโสคนหนึ่งเท่านั้น เขาจะเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลเยี่ยได้อย่างไรกัน การที่เจ้ากล่าวมาเช่นนี้ คิดว่าข้าโง่รึไง !”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากขณะเดินเข้าไปใกล้คนเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

สีหน้าของบุรุษผู้นั้นถอดสีทันทีและเห็นได้ชัดว่าฉินอวี้โม่กล่าวถูกต้องทุกประการ เยี่ยซีไม่สามารถเป็นตัวแทนความคิดของคนทั้งตระกูลเยี่ยได้

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสถานการณ์ของตระกูลเยี่ยในปัจจุบัน หากทราบเกี่ยวกับพรสวรรค์อันน่าทึ่งของฉินอวี้โม่ ใครบางคนก็อาจจะพยายามผูกมิตรกับนางแทนที่จะคิดร้ายหรือสะสางความบาดหมางนี้

“เอาล่ะ ถึงอย่างไรการที่จะปล่อยพวกเจ้าไปก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

ฉินอวี้โม่เดินเข้าไปข้างในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก่อนที่มังกรทั้งเก้าจะหยุดการเคลื่อนไหวและหยุดการโจมตีทั้งหมด

นางโบกมือเล็กน้อยเพื่อสร้างม่านป้องกันขวางกั้นจากโลกภายนอกส่งผลให้ทุกคนที่อยู่นอกข่ายอาคมไม่มีทางได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นภายใน

“ข้าจะถามพวกเจ้าสักสองสามคำถาม หากคำตอบเป็นที่น่าพอใจ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้ถือว่าเป็นเวลาเหมาะสมที่นางจะสอบถามคนเหล่านี้เกี่ยวกับฉินเฟิงและฉินเหยียน