บทที่ 740

เซียวชูหรันก็ไม่ได้ฟังเลย โบกปัดไปแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว ฉันจะกลับไปสงบสติอารมณ์ตัวเองในห้องเสียหน่อย”

พูดจบ ตนเองก็เดินขึ้นบันไดไป

เย่เฉินเห็นเธอเดินหายไปจากมุมบันได ก็ถอนหายใจออกมา

ดูเหมือนว่า หม่าหลันคนนี้ จะจัดการยากจริงๆ

ฆ่าไม่ได้ ให้หายตัวไปก็ไม่ได้ รอเธอรับกรรมให้สาสม ก็คงต้องปล่อยตัวออกมา

แต่ว่า จะให้เธอกลับมาก็มีเรื่องเยอะ จะทำอย่างถึงจะให้เธอปิดปากเงียบดี?

ใช้การสะกดจิตงั้นหรือ?

ก็ไม่น่าได้!

เพราะว่าผลกระทบของการสะกดจิต ถ้าคนคนหนึ่งทำตามสิ่งที่สะกดจิตไว้ ก็จะสูญเสียความรับรู้

เหมือนกับอู๋ฉี ตนเองสะกดจิตเขาไปว่าให้กินข้าวทุกหนึ่งชั่วโมง ตอนที่กินข้าว ก็คือการทำตามสะกดจิตของตนเอง ตอนนั้น เขาก็จะลืมความเป็นตัวตนของตัวเอง ในหัวคิดแต่จะกิน กินยิ่งเยอะยิ่งดี

แต่ว่า พอกินอิ่ม การสะกดจิตก็จะสิ้นสุดลง เขาก็จะกลับมาเป็นสติของตนเอง ตอนนั้น เขาก็ยังเป็นตัวเขาเอง ยังเป็นอู๋ฉีคนเดิม

ดังนั้นก็เลยทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก ถ้าตนเองสะกดจิตให้หม่าหลันไม่พูดพล่าม งั้นการสะกดจิตมันก็จะต้องเกิดขึ้นตลอดเวลา

แบบนั้นล่ะก็ หม่าหลันก็จะไม่ใช่หม่าหลัน เธออาจจะกลายเป็นคนบ้าน หรือไม่ก็เป็นคนบ้าที่ไม่ได้สติ

ดังนั้นถ้าตนเองจะทำให้หม่าหลันหุบปากให้สนิท เรื่องที่เกี่ยวกับบัตรธนาคารของตนเอง แม้แต่คำเดียวก็ห้ามเอ่ยออกมา เทคนิคนี้จะต้องใช้ฝีมืออย่างมาก

พอเซียวชูหรันออกไป ในห้องโถงอันกว้างใหญ่ ก็เหลือเพียงเย่เฉิน และต่งรั่งหลิน

ต่งรั่งหลินก็รอโอกาสที่จะได้อยู่กับเย่เฉินสองต่อสอง ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึง ดังนั้นเธอก็เลยรีบพูขึ้นว่า “เย่เฉิน คุณก็อย่าโกรธชูหรันไปเลย เธอไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่คุณหรอก แต่เพราะคุณป้าหายตัวไป เธอก็เลยร้อนใจ………”

เย่เฉินพยักหน้า พูดว่า “ผมรู้ ผมก็ไม่โกรธเธอหรอก เพราะว่าเธอเป็นภรรยาของผม”

พอได้ยินดังนั้น ดวงตาต่งรั่งหลินก็เผยสายตาความอิจฉาด้านบวกออกมา

เธอไม่เข้าใจ เซียวชูหรันกับเย่เฉินก็แค่แต่งงานกันปลอมๆ เท่านั้น ทำไมเย่เฉินถึงได้รักเธอจริงๆ? หรือว่าเขาไม่รู้หรือว่า นี่มันเป็นแค่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น?

พอคิดถึงจุดนี้ ในใจเธอก็กลัดกลุ้ม

จะเทียบความสวย เธอก็รู้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียวชูหรันเท่าไรนัก

จะเทียบชาติตระกูล อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลต่งแห่งเย่นจิง ชาติตระกูลดีกว่าตระกูลเซียวเสียอีก

อีกอย่าง ตนเองก็ได้เผยความในใจไปนานแล้ว ตนเองรักเขาจริงๆ หวังว่าจะได้อยู่กับเขา แต่ทำไมเขายังปกป้องผู้หญิงที่ไม่รักเขาด้วย?

พอคิดถึงจุดนี้ เธอก็ถามเย่เฉินด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “เย่เฉิน คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันคิดอย่างไรนะ คุณไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉันแม้แต่น้อยเลยหรือ?”

พอเย่เฉินได้ยินเธอพูดดังนั้น ก็หัวเสียเล็กน้อย แล้วพูดว่า “รั่งหลินคุณเป็นเพื่อนสนิทของชูหรัน ชูหรันก็เป็นภรรยาผม ดังนั้นผมก็เหมือนกับชูหรัน ที่นับว่าคุณเป็นเพื่อน ในโลกนี้มีผู้ชายดีๆ มากมาย คุณไม่จำเป็นต้องมาฝากความหวังไว้ที่ผมคนเดียว ผมแต่งงานแล้ว”

ต่งรั่งหลินก็ตาแดง น้ำตาเม็ดเท่าถั่วเหลืองก็ร่วงหล่นลงมาจากดวงตา เธอปาดน้ำตาอย่างแข็งแกร่ง พูดว่า “ที่คุณแต่งงาน มันไม่ใช่การแต่งงานหรอก ละครฉากนี้มันแสดงมา3ปีแล้ว ช้าเร็วมันก็ต้องสิ้นสุดลง!พอถึงตอนนั้นคุณจะทำอย่างไร? หรือจะแสดงต่อบนเวทีคนเดียวงั้นหรือ?”

เย่เฉินมองเธอ แล้วยิ้มเบาๆ ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่สีหน้าก็ยังคงหนักแน่น แล้วพูดว่า “เชื่อผมเถอะ ละครฉากนี้มันจะไม่จบลงอย่างแน่นอน!”