บทที่ 741

ต่งรั่งหลินก็สัมผัสกับความอบอุ่นที่เย่เฉินมาเช็ดน้ำตาให้ พร้อมกับฟังคำสารภาพรักอันหนักแน่นที่เขามีต่อเซียวชูหรัน ในใจก็เจ็บปวดอย่างมาก

เธอพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “เย่เฉิน ถ้าชูหรันรักคุณจริงล่ะก็ ฉันก็จะไม่มากวนใจคุณอีก แต่ว่าคุณก็รู้ดีว่าเธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ของเธอ ถึงได้มาอยู่กับคุณ คุณคิดว่าความรักแบบนี้ คุณหนักแน่นอยู่ฝ่ายเดียวมันคุ้มค่าหรือ? ทำไมไม่เลือกทางเดินให้ตัวเองล่ะ แล้วก็ให้ชูหรันเลือกทางเดินตนเองด้วย? ”

พูดจบ เธอก็สะอื้นไห้ออกมา แล้วถามเขาว่า “ฉันมีตรงไหนสู้ชูหรันไม่ได้? คุณบอกฉันมาสิ ฉันจะพยายามทำให้ได้เท่าเธอ คุณอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธฉันแบบนี้ ให้โอกาสฉันได้ไหม? ”

เย่เฉินลุกขึ้น แล้วส่ายหัวพูดว่า “รั่งหลิน ความคิดของผู้ชายนั้น บางครั้งคุณก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้หรอก ชูหรันมีบุญคุณกับผม ก็เหมือนกับที่คุณรู้สึกว่าผมมีบุญคุณต่อคุณนั่นแหละ แค่จุดนี้ ก็เพียงพอที่จะให้ผมอยู่ข้างกายเธอแล้ว ส่วนเธอจะรักผมหรือไม่นั้น เรื่องนี้ผมไม่อยากรีบคิดอะไรให้มันชัดเจน ผมยังมีเวลาอีกมาก สามารถค่อยๆ ทำความเข้าใจไป เพื่อค้นหาหรือเปลี่ยนแปลงมัน ก็เหมือนที่คุณทำกับผม ต่อให้ผมบอกคุณไปหลายครั้งแล้ว ว่าผมแต่งงานแล้ว และไม่สนใจผู้หญิงที่นอกเหนือจากชูหรัน คุณก็ยังมาสารภาพรักกับผมอีกไม่ใช่หรือ? ”

ต่งรั่งหลินก็เริ่มเข้าใจขึ้นได้

จริงๆ แล้ว ที่เย่เฉินรู้สึกกับเซียวชูหรัน ก็เหมือนกับที่ตนเองรู้สึกกับเย่เฉินนั่นเอง

ถ้าพูดแบบนี้ เธอก็กระจ่างขึ้นมาทันที

แต่ทว่า หลังจากที่กระจ่างใจแล้ว ในใจเธอก็เจ็บปวดเหมือนกัน

ไม่ว่าอย่างไรเย่เฉินก็ไม่ยอมปล่อยชูหรันไป และไม่ว่าอย่างไรต่งรั่งหลินก็ไม่ยอมปล่อยเย่เฉินไปเหมือนกัน

ดังนั้น เธอก็เลยเช็ดน้ำตา แล้วมองเย่เฉิน พร้อมกับพูดอย่างตั้งมั่นว่า “คุณไม่ยอมปล่อยชูหรัน ฉันก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปเหมือนกัน ในเมื่อคุณสามารถรอชูหรันได้ ฉันก็รอคุณได้เหมือนกัน!จะต้องรอนานเท่าไรก็ไม่เป็นไร ฉันจะรอต่อไป!”

เย่เฉินก็ถอนหายใจ “งั้นก็ได้ ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ผมก็จะเคารพการตัดสินใจของคุณ”

พูดจบ เย่เฉินก็ดูเวลา แล้วพูดว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”

ต่งรั่งหลินพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะนั่งอยู่ที่นี่สักหน่อย”

เย่เฉินก็ส่งเสียงตอบไป แล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไป

หลังจากเย่เฉินไปแล้ว ต่งรั่งหลินก็นั่งที่โซฟา ในใจก็หลากหลายความรู้สึก

มีทั้งรู้สึกน้อยใจ ไม่สบายใจ ปวดใจ หลงรัก หลากหลายความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในหัว ทำให้เธอสับสนวุ่นวายไม่สิ้น

ต่งรั่งหลินรู้สึกว่า เย่เฉินเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอรักได้หมดหัวใจเพียงคนเดียวในชีวิตนี้ ถ้าหากว่าสามารถใช้ชีวิตกับเขาได้ แบบนั้นล่ะก็ ตนเองก็จะไม่พบผู้ชายที่ทำให้ตนเองใจเต้นได้อีก

พอคิดถึงว่าตนเองอาจจะได้ชายที่ตนรักมากที่สุดมาครอบครอง เธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

หรือว่าตัวเองในชีวิตนี้ จะถูกฟ้าลิขิตให้ไม่มีวาสนากับเย่เฉินอย่างนั้นหรือ?

ไม่ ฉันไม่เชื่อ!

เธอเชื่อว่าสวรรค์ได้ส่งเย่เฉินมาอยู่ข้างกายเธอถึง2ครั้ง ให้เขามาช่วยตนเองให้รอดพ้นจากอันตราย คงจะไม่จัดการอะไรที่มันไม่มีบทสรุปแบบนี้หรอก

สวรรค์จะต้องสรรค์สร้างบทสรุปที่สวยงามมาให้กับตนเองแน่นอน ขอเพียงตนเองมีใจที่ตั้งมั่นอดทนต่อไป

อดทน อดทนต่อไป จนกว่าจะสำเร็จ!

……

ตอนที่เย่เฉินเปิดประตูห้องไปเบาๆ นั้น เซียวชูหรันก็กำลังยืนอยู่ที่ระเบียงชั้น2คนเดียว

สรีระอันสวยงามของเธอ อยู่ภายใต้แสงจันทร์ เผยให้เห็นเป็นเงาสลัวที่มีเสน่ห์ ทำให้เย่เฉินใจเต้นขึ้นมา

แน่นอนว่า เซียวชูหรันเป็นผู้หญิงที่กตัญญูแบบโง่ๆ แต่ก็ด้วยความโง่ของเธอนั้น ถึงทำให้เธอไม่ยอมที่หย่าร้างกับตนเอง

เธอนั้น กตัญญูต่อหม่าหลันแบบโง่ๆ ส่วนกับตนเองนั้น เธอซื่อสัตย์แบบโง่ๆ

ปีนั้น ทั้งสองเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน คุณท่านใหญ่เซียวก็จากไป

ตอนนั้น ทั้งตระกูลเซียวก็บอกให้เธอหย่ากับตนเองเสีย

เพราะถึงอย่างไรเสีย ที่เซียวชูหรันแต่งงานกับตนเองนั้น ก็เพราะเป็นคำสั่งของคุณท่านใหญ่ คนอื่นๆ ก็คัดค้านกันหมด

ดังนั้น คนพวกนั้นก็รอคอยให้เธอหย่ากับผม แล้วไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลใหญ่ๆ รวยๆ เพื่อมาเปลี่ยนชะตากรรมของตระกูลเซียว

แต่ว่า เธอรู้สึกว่า ในเมื่อแต่งงานกับตนเองไปแล้ว พอแต่งกับใคร ก็ต้องติดตามไปอยู่กับคนนั้น พอเพียงตนเองไม่หย่ากับเธอ เธอก็จะไม่หย่ากับตนเองแน่นอน นี่เป็นความซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่ของเธอ ซื่อสัตย์ต่อสามีตามกฎหมายของเธอ

———