จวบจนกระทั่งตอนนี้ เฉินฉางเซิงยังคงไม่ทราบว่าที่เมืองไป๋ตี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น
เผ่าปีศาจเหตุใดจึงได้ร่วมมือกับเผ่ามาร คู่สามีภรรยาไป๋ตี้คิดการอันใดอยู่กันแน่
แต่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ขอเพียงสังหารราชามารเสีย เรื่องทุกอย่างล้วนจะคลี่คลายแน่
ลั่วลั่วคงไม่ต้องสมรสกับคนตายแล้วกระมัง
เหล่าผู้อาวุโสในเมืองเสวี่ยเหล่ากับเหล่าผู้นำเผ่ามารต้องโกรธจัดเป็นแน่
แต่ชายชุดดำที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหวั่นเกรงที่จะใช้ความชั่วร้ายสูงสุดประเมินสถานการณ์ จะคิดหรือไม่ว่านี่เป็นกับดักที่เขากับมู่ฮูหยินทำขึ้น
แน่นอน หากต้องการให้มู่ฮูหยินเปลี่ยนความคิดที่จะให้เขาสังหารราชามารนั้น นี่ถือเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
แต่ผู้ใดจะทราบเล่า อีกสักพักนี่อาจจะเป็นห้วงเวลาสำคัญก็เป็นได้ มู่ฮูหยินจู่ๆ อาจจะพบว่า การที่ราชามารสิ้นเสียแล้วอาจจะเป็นผลดีต่อนางและเผ่าปีศาจก็เป็นได้
นี่อาจะเป็นคำที่น่าสนใจคำหนึ่ง หมายถึงจุดจบอันเปิดเผย จินตนาการทุกอย่างก็ล้วนสามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสจริงได้ขึ้นมา
เมื่อเฉินฉางเซิงคิดถึงคำนี้ ราชามารก็กำลังคิดถึงคำนี้เช่นกัน
เขาพบว่าตนนั้นอาจจะพ่ายแพ้อยู่ใต้คมกระบี่ของเฉินฉางเซิง
แต่เขายังคงไม่รู้สึกว่าตนนั้นอาจจะสิ้นเสีย ณ ดินแดนที่อยู่ห่างไกลจากเมืองเสวี่ยเหล่า
และก็เหมือนกับที่เฉินฉางเซิงอยากให้เขาตาย เขาเองก็อยากให้เฉินฉางเซิงตายอย่างยิ่งเช่นกัน
หากเฉินฉางเซิงสิ้นเสียแล้วที่เมืองไป๋ตี้ ต่อให้คนที่ลงมือเป็นเขา แต่เผ่าปีศาจก็ยากที่จะสลัดความรับผิดชอบได้
ต่อให้มู่ฮูหยินวางแผนแยบคายเพียงใด ตั้งแต่ยามนั้นก็ไม่มีทางที่จะมาสังเกตแหล่งที่มาของลมได้ จึงต้องโน้มน้าวไปทางเผ่ามาร ไม่อย่างนั้นลำพังอำนาจของเผ่าปีศาจคงไม่มีทางต่อกรกับเผ่ามนุษย์ที่เกรี้ยวกราดหลังจากการสูญเสียใต้เท้าสังฆราชได้แน่
เมื่อคิดถึงภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จิตใจแน่วแน่ที่ราชามารอยากจะสังหารเฉินฉางเซิงก็มั่นคงขึ้นมาอีกครั้ง
หอทัศนะเป็นแท่นหินแกร่งที่โอ่อ่าและกว้างขวาง ซึ่งตั้งอยู่บนจุดที่สูงจุดหนึ่งบนเขตพระราชฐาน บริเวณรอบนอกมีอาณาเขตพันลี้ นอกจากต้นสาลี่ต้นนั้นที่อยู่ข้างรั้วแล้ว ก็ไม่มีบุปผาพฤกษาใดๆ อีก หลังจากหัวหน้าเผ่าเซี่ยงและบรรดาเหล่าผู้อาวุโสล่าถอยออกไปแล้ว พื้นที่ก็กว้างขึ้นทันที จนแทบเรียกได้ว่าเกิดความเงียบสงัดขึ้นในฉับพลัน
ฝั่งตรงข้ามนั้นคือมวลกระบี่ที่มากดั่งมรสุม เฉินฉางเซิงกับลั่วลั่วยืนอยู่ด้านในนั้น
อณูเย็นเยียบสายหนึ่งที่แผ่ออกมาจากร่างของราชามารกระจายตัวไปทั่วฟ้าดิน
ความหนาวนั้นเย็นถึงขั้นสุด บริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ แม้แต่ใบไม้ที่เป็นสีเขียวขจีก็ยังกลายเป็นใบใส ราวกับถูกแช่แข็งก็มิปาน
ไม่เพียงแต่หอทัศนะเท่านั้น ทั้งเขตพระราชฐานหรือแม้แต่เมืองไป๋ตี้เอง ก็เนื่องด้วยเพราะอากาศลดลงอย่างรวดเร็วจึงเกิดหมอกมากมายนับไม่ถ้วน
หมอกหนาเหล่านี้หนาแน่นจนกลายเป็นเมฆหมอก แต่เมฆหมอกนั้นมิใช่สีขาว แต่กลับเป็นสีดำ
ภาพเหล่านี้แปลกประหลาดยิ่งนัก น่ากลัวอย่างแปลกประหลาด
เหวลึกที่มีชื่อแห่งนั้น ราวกับถูกราชามารเคลื่อนย้ายมายังที่แห่งนี้
อณูเย็นนั้นคือไอพลังปราณของมารในตำนานหรือ
นี่มิใช่ข้อสงสัยของเฉินฉางเซิง
เขาเคยประมือกับราชามารทั้งสองรุ่น ณ สันเขาหิมะมาก่อนหน้านี้แล้ว รู้ดีว่านี่เป็นความสามารถที่แท้จริงของราชวงศ์ราชามาร และเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดเช่นกัน
ราชามารถือเป็นราชวงศ์เผ่ามารที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบัน
ไอพลังปราณมารของเขานั้นแน่นอนว่าต้องสิ่งที่น่ากลัวซึ่งบริสุทธิ์ที่สุดในแผ่นดินใหญ่เป็นแน่
หากต้องต่อกรกับผู้บำเพ็ญตนคนธรรมดาแล้วละก็ ราชามารอาศัยเพียงอุณหภูมิที่ต่ำมากของไอพลังปราณมาร ก็จักสามารถตรึงห้วงแห่งจิตของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดายแล้ว ทำให้เส้นลมปราณของอีกฝ่ายแข็งทื่อได้ สุดท้ายก็ทำลายกายหยาบของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงและถือดี
เมื่อมองจากบางมุม เคล็ดวิชาน้ำพุเหลืองที่ฉูซูพรรคฉางเซิงบำเพ็ญนั้นคล้ายคลึงกับวิชาของราชวงศ์เผ่ามารมากนัก
ครานั้นที่พบจุดนี้เข้า เฉินฉางเซิงถึงกับคิดว่ามีความเป็นไปได้ หลายร้อยปีมานี้พรรคฉางเซิงและเมืองเสวี่ยเหล่าต่างก็ลักลอบเป็นพันธมิตรกันมาตลอด ไม่แน่ว่าท่านหัวหน้าพรรครุ่นก่อนท่านนั้นอาจจะได้รับการชี้แนะจากราชามารตนก่อนเป็นได้ จึงได้บำเพ็ญอยู่บนหนทางอันชั่วร้ายของเคล็ดวิชาน้ำพุเหลืองนี้
ด้วยเพราะมังกรดำน้อย เฉินฉางเซิงจึงไม่หวั่นเกรงในเคล็ดวิชาน้ำพุเหลืองของฉูซูนัก แน่นอนว่าเขาก็มีกำลังต่อต้านกลอุบายของราชามารด้วยเช่นกัน
บุปผาเกล็ดน้ำค้างที่ตกลงจนเต็มนภาและเมฆาหนาวเหน็บที่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากเขตพระราชฐาน มิได้ส่งผลกระทบอันใดกับเขาเลย
สายตาของเขาทอดทะลุบุปผาน้ำค้างเหล่านั้น จดจ้องไปยังราชามารที่อยู่ใต้ต้นสาลี่
เมื่อมองตามสายตาเขาไป บนหอทัศนะก็บังเกิดเสียงกระบี่กระทบกันดังกึกก้อง
มีแสงกระบี่มากมายปรากฏขึ้น และหายไปอย่างรวดเร็ว มองไม่เห็นได้อีกต่อไป
ราชามารมิได้ขยับ มีเพียงสีหน้าที่วูบไหวเล็กน้อย เขาเริ่มลงมือแล้ว
เฉินฉางเซิงก็มิได้ขยับ มีเพียงสายตาที่ทอดลง เขาก็ออกกระบี่แล้วเช่นกัน
เมฆาหนาวเย็นปกคลุมไปทั้งแท่นหินแกร่ง บดบังร่างของเฉินฉางเซิงและราชามารเสียทั้งหมด
มองไม่เห็นบุปผาน้ำค้างเหล่านั้น ใบไม้น้ำแข็งเหล่านั้น และก็มองไม่เห็นกระบี่มีชื่อที่ลอยเคว้งในอากาศอีกต่อไป
ได้ยินเพียงเสียงของกระบี่ดังไพเราะ เสียงต่อสู้อันน่าอึดอัดและมืดครึ้มดุจเหวลึกก็ดังกึกก้องออกมาจากเมฆาหนาวเย็นก้อนนั้นตลอดเวลา
ในบางครั้งแสงดาบจะส่องสว่างที่มุมของเมฆาหนาวเย็นราวกับสายฟ้าฟาด สาดส่องไปยังชีพจรของบุปผาน้ำค้างเหล่านั้นอย่างชัดเจน สวยงามราวกับว่าไม่ใช่ของจริง ทั้งยังสาดส่องไปยังสองร่างที่อยู่ในนั้นอย่างชัดแจ้ง งดงามแปลกประหลาด ราวกับมิใช่เรื่องจริง
แสงดั่งสายฟ้าฟาดนั้น สว่างเสียจนสามารถสาดทะลุกระบี่อันหนาวเหน็บนั้นได้ แน่นอนว่านั่นต้องเป็นกระบี่ไร้ราคีที่เฉินฉางเซิงกุมไว้เป็นแน่ ไม่ว่าปราณมารในเมฆาหนาวเย็นจะน่าสะพรึงเพียงใด ยังคงไม่สามารถทิ้งร่องรอยใดไว้บนกระบี่ไร้ราคีได้ ถึงจะสู้รบมาจนถึงยามนี้ก็ตาม ยังคงสว่างไสวราวกับกระจกเงา
ทั้งเฉินฉางเซิงและราชามารล้วนใช้วิชาย่างก้าวหยั่งเทวา ย่างก้าวหยั่งเทวาของเขาแน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งไม่เท่าราชามาร แต่ภายใต้การชี้แนะของหนานเค่อในหลายวันมานี้ รวมถึงวิชาผนึกกระบี่ทั้งกายาที่เขาเคยฝึกยามอยู่ที่สันเขาหิมะ จึงพอจะสามารถทัดเทียมราชามารได้ในด้านความเร็ว
เช่นนั้นสิ่งที่สามารถตัดสินชัยชนะของสงครามนี้ได้จึงมิใช่ความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งเป็นเพียงคำที่ฟังดูแล้วง่ายดาย แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นความซับซ้อนที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่มาก มีเพียงผู้แข็งแกร่งอย่างเปี๋ยยั่งหงเท่านั้นจึงจะเข้าใจความหมายที่ถ่องแท้ได้ วันก่อนคำแนะนำของเขาที่มีต่อเซวียนหยวนผ้อยังถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเซวียนหยวนผ้อแจ้งชัดไปมากน้อยเท่าใด
ทั้งเฉินฉางเซิงและราชามารล้วนยังเยาว์นัก หากแต่ล้วนเก่งกาจเป็นที่ประจักษ์และไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ ต่างก็มีความเข้าใจในเรื่องนี้ในมุมมองของตน ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ยังคงถูกควบคุมให้อยู่ภายใต้เมฆาหนาวเหน็บอย่างเข้มงวด นั่นหมายความถึงไม่มีลมปราณใดที่จะหลงเหลือและลอยล่องออกมาได้
อย่างไรก็ตามสวนโจวอาจถูกบังคับให้เปิดออก และอาณาเขตดวงดาวไม่สามารถแยกขาดจากโลกได้อย่างแท้จริง ตราบใดที่ยังคงอาศัยอยู่ใต้แสงดาว ก็จักต้องมีความเชื่อมโยงกับโลกนี้อย่างแน่นอน การต่อสู้ที่ปกคลุมด้วยเมฆาหนาวเหน็บนี้ ในตอนท้ายยังคงเผยให้เห็นถึงศักดิ์ศรีที่แท้จริงโดยแท้
นั่นคือห้วงแห่งปราณมารที่ไร้รูปร่าง มหาสมุทรเจตจำนงกระบี่ที่ไร้เสียง แม้ว่าสิ่งที่หลั่งไหลออกมาจากเมฆาหนาวเหน็บนั้นมีเพียงควันหลงเท่านั้น แต่ยังคงเกิดผลกระทบอย่างมากต่อสภาพแวดล้อมรอบด้าน บนพื้นผิวของศิลาเขียวที่อยู่ภายนอกของเมฆาหนาวเหน็บปรากฏซึ่งรอยแตกร้าวลึกนับไม่ถ้วนออกมา มองดูแล้วเหมือนใยแมงมุมยิ่งนัก และยังแพร่กระจายสู่ภายนอกไม่หยุด หากไม่เพราะว่ามีการปกป้องอย่างเข้มงวด เกรงว่าแท่นหินแกร่งนี้คงแตกออกเป็นเสี่ยงตั้งนานแล้ว
การรบนี้ถือว่ามีผลต่อที่ไกลๆ มากทีเดียว
ลานด้านหน้าเขตพระราชฐานเกิดร่องรอยเล็กๆ ขึ้นมากมาย แม้จะสั้นแต่ว่าตรงแน่ว ดูแล้วเหมือนกับว่าถูกดาบตัดออกมา
มดจำนวนไม่น้อยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน หลังจากนั้นยังมิทันได้เดินไปไกลเท่าใดเลยก็ถูกลมปราณทำให้แข็งตัวเสียแล้ว ไม่นานก็สลายตัวอย่างรวดเร็ว
ขอบด้านนอกของแท่นจิงลั่วจู่ๆ ก็มีร่องรอยร้าวลึกปรากฏขึ้น
ภายใต้เสียง โครม ที่ดังสนั่น แท่นจิงลัวก็ถล่มลงมาทันที
ศิลายักษ์ก้อนหนึ่งกลิ้งลงมาเบื้องล่าง ยิ่งตกยิ่งเร็ว ตามมาด้วยเสียงหวีดลมในอากาศ มันชนเข้ากับฝูงชนที่ยืนหนาแน่นอยู่ด้านหน้าของเขตพระราชฐานเข้าเสียแล้ว