เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1707
เสียงสั่นสะเทือนอากาศเวิ้งว้าง ดุดันทรงพลัง
ลู่ฝานเบิกตาโตด้วยความโมโห ยืนตระหง่าน บาดแผลบนตัวไม่ได้ทำให้เขาดูน่าเวทนา กลับทำให้เขาดูดุดันขึ้นอีก
เสียงตวาดสะเทือนจนทำให้องครักษ์เทพจุติที่อยู่ใกล้ลู่ฝานที่สุด ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว
ไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร ไม่ว่าพวกเขารู้จักลู่ฝานหรือไม่ ตอนนี้พากันตกตะลึงกับพลานุภาพของลู่ฝาน
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรร้องห่มร้องไห้ในตัวลู่ฝาน
“เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นคำพูดที่ดุดันและน่าประทับใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา เจ้านายพูดชื่อฉันออกมาต่อหน้าทุกคน แม้พูดไม่ครบ แต่ฉันได้ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์แล้วแน่ๆ”
เวลาแบบนี้เจดีย์เสวียนเก้ามังกรยังพูดเป็นต่อยหอย ลู่ฝานหมดคำจะพูดกับมันจริงๆ
สายตาสุ่ยโม่หรานวูบไหวอย่างรุนแรง พูดอะไรไม่ออกสักคำ
หัวหน้าองครักษ์เทพจุติที่สวมเสื้อคลุมมังกรดำ พยักหน้าให้ลู่ฝานเบาๆ แล้วพูดว่า “ปราณในตัวถึงขั้นสุด ความโมโหดังก้องทั่วฟ้าดิน ห้าวหาญและฉลาดมาก ลู่ฝาน ฉันจะให้นายตายอย่างไม่ทรมาน ไปอย่างสงบเถอะ!”
พูดพลาง หัวหน้าองครักษ์เทพจุติง้างมือขึ้น องครักษ์เทพจุติรวมถึงผู้ฝึกชี่ที่อยู่รอบๆ มีวิชาลอยขึ้นมาบนตัว
กำลังรวบรวมพละกำลัง อากาศเวิ้งว้างกำลังพังทลาย
ผู้ฝึกชี่จำนวนมากลงมือพร้อมกันแบบนี้ ถึงเป็นอริยปราชญ์ก็ไม่กล้าพูดว่าต้านทานไหว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มีอริยปราชญ์ในบรรดาผู้ฝึกชี่ที่กำลังลงมือ
ลู่ฝานมองแสงเต็มท้องฟ้าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตายงั้นเหรอ เขาไม่เคยกลัว
แต่รู้สึกเสียใจนิดหน่อย เขาหลอกหลิงเหยา เขากลับไปไม่ได้แล้ว
ลู่ฝานพึมพำว่า “ถ้าชาติหน้ามีจริง ฉันยอมเคียงคู่กับเธอตลอดไป ขอโทษนะหลิงเหยา!”
ปราณชี่ทั้งตัวลู่ฝานสว่างขึ้น ตอนนี้พลังแห่งโลกในตัวเขาเริ่มรวมตัวทั่วร่างกายเขา
พลังแห่งโลกที่เดิมทีเขาไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้เหมือนมันเปิดโล่งอย่างกะทันหัน
กำลังยกระดับพลังของลู่ฝานอย่างบ้าคลั่ง!
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ “จักรพรรดิอู่ก็สัมผัสได้เหรอว่าครั้งนี้ต้องตาย เลยคิดช่วยฉันใช่ไหมล่ะ”
ความโหยหาของจักรพรรดิอู่ไม่ได้ตอบลู่ฝาน อาจเป็นเพราะถึงมันอยากตอบก็ตอบไม่ได้
พลังแห่งโลกทั้งตัวลู่ฝานทะลักออกมานอกตัว ตอนนี้ลู่ฝานสว่างเหมือนมวลแสง
ลู่ฝานเข้าใจแล้วว่ามวลแสงที่รวมตัวนอกร่างกายประมุขประเทศตันเซิ่งคืออะไร
ที่แท้คือพลังแห่งโลกของเขา!
ประมุขประเทศตันเซิ่งคงกำลังต้านทานกับฟ้าดินตลอดเวลา มิน่าล่ะเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้
ตัดสินใจยอมตาย ตอนนี้ลู่ฝานจิตใจปลอดโปร่ง ไม่สะทกสะท้าน
เห็นพลังรอบๆ รวมตัวกันรุนแรงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอากาศเวิ้งว้างกลายเป็นแสงสีขาว ลู่ฝานค่อยๆ หลับตาลง
นี่คือกระบี่สุดท้ายบนโลกนี้ของเขา ในหัวลู่ฝานมีอะไรแวบเข้ามาเยอะแยะไปหมด
ว่ากันว่าก่อนตาย คนจะเห็นอดีตที่ผ่านมา
เห็นสิ่งที่ตัวเองยึดติด เห็นความโหยหาของตัวเอง
แต่ตอนนี้ลู่ฝานไม่ได้เห็นอดีตของตัวเอง แต่เห็นเต๋าของฟ้าดิน
ใช่แล้ว ตอนนี้ลู่ฝานเห็นเต๋านับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่ในตัว
เขาเพิ่งเห็นว่าแท้จริงแล้ววิถีแห่งสวรรค์กับเส้นลมปราณและหลอดเลือดของมนุษย์คล้ายกันมาก
เคลื่อนไหวอย่างอิสระ งอกงามอย่างต่อเนื่อง
วิถีแห่งสวรรค์หมุนวน ที่แท้คือสัจธรรมนี้นี่เอง
วิถีแห่งสวรรค์ก็คือวิถีแห่งมนุษย์ ทุกสรรพสิ่งล้วนแฝงด้วยสัจธรรมนี้ แต่ละสัจธรรมเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงการรวมกันของเต๋านับไม่ถ้วน
แล้วถ้าทะลุผ่านเต๋าเหล่านี้ นอกโลกจะเป็นอย่างไร
จู่ๆ ลู่ฝานเห็นฉากล่องหนซ่อนอยู่นอกเต๋า เหมือนกำแพงกันทุกอย่างเอาไว้