บทที่ 1114 กระบี่เพลิงโลกันตร์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,114 กระบี่เพลิงโลกันตร์

“จี๊ด?”

อากวงมีสีหน้างุนงง

หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่บ่อลาวาด้านล่าง

เจ้าหนูยักษ์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะพยักหน้า และนำขวดน้ำเต้าบรรจุสุราดาวแดงออกมาจากกระเป๋าที่อยู่บนแผ่นหลัง เมื่อเปิดฝาจุกออก มันก็กระดกขวดน้ำเต้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด หลังจากนั้นอากวงก็หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบหนึ่งมวนโดยใช้ประกายไฟจากกรงเล็บของมันเอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว สัตว์เลี้ยงของหลินเป่ยเฉินก็ดีดก้นบุหรี่ทิ้งลงไปในบ่อลาวาด้านล่าง

นี่มันอะไรกันครับเนี่ย?

หลินเป่ยเฉินปากอ้าตาค้างอยู่ตรงนั้น

อากวงไปหัดดื่มสุราสูบบุหรี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่?

ขวดน้ำเต้าสุราดาวแดงนี้เป็นของที่หลินเป่ยเฉินมอบให้แก่พ่อบ้านหวังจง

แล้วมันมาอยู่ในมือของอากวงได้อย่างไร?

เมื่อดูจากกิริยาท่าทางของเจ้าหนูอสูรหางกุดแล้ว นี่คงไม่ใช่พฤติกรรมที่มันเพิ่งเริ่มทำแน่ ๆ

อายุเพียงเท่านี้ คิดจะกินเหล้าสูบบุหรี่ได้อย่างไร?

หลินเป่ยเฉินหงุดหงิดใจจนอยากจะสั่งสอนสักชุดใหญ่

แต่ในพริบตานั้นเอง อากวงก็ปลดกระเป๋าสะพายลงจากแผ่นหลัง แล้วมันก็หมุนตัวตีลังกา 360 องศาข้ามขอบสะพานหินพุ่งตรงลงไปในบ่อลาวาร้อนเหลวด้านล่างโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

ไม่มีสะเก็ดไฟกระจายขึ้นมาสักนิด

หากนี่เป็นการแข่งขันกีฬากระโดดน้ำ อากวงต้องได้ตำแหน่งผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่เดี๋ยวก่อนสิ…

นี่เขาใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ?

หลินเป่ยเฉินมองอากวงจมหายลงไปใต้พื้นผิวลาวาก็ให้รู้สึกสะอึกใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขาเริ่มรู้สึกผิด

แต่ว่านับจากที่อากวงมาอยู่กับเขา มันก็ได้กินแต่ของดี ๆ มีอาวุธวิเศษให้ใช้งาน สามารถกลายพันธุ์เป็นหนูล่องหน ทุกวันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงกับมีลูกเลี้ยงเป็นเสือบินตัวหนึ่ง ไม่ว่ามองจากแง่มุมใด อากวงก็มีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ของมันหลายร้อยเท่า…

เอ่อ…

นั่นสินะ

หากคิดเช่นนี้ นี่ก็หมายความว่าอากวงตักตวงผลประโยชน์จากหลินเป่ยเฉินไปเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยแล้ว

ดังนั้นให้กระโดดลงไปในบ่อลาวาบ้างจะเป็นไรไป?

เฮอะ

นี่คือหน้าที่ที่อากวงสมควรทำอยู่แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็ไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป

เขาจ้องมองบ่อลาวาด้านล่างด้วยความพินิจพิเคราะห์

ปุด ปุด ปุด

พื้นผิวของบ่อลาวามีฟองอากาศผุดพราวขึ้นมาเหมือนกับหม้อไฟขนาดใหญ่ยักษ์

เมื่อนึกถึงหม้อไฟ ไม่รู้ทำไมจมูกของหลินเป่ยเฉินจึงได้กลิ่นเนื้อย่างชาบูหมูกระทะขึ้นมาจากบ่อลาวาด้านล่างโดยทันที

หรือว่าอากวงจะถูกต้มสุกไปแล้ว?

ในขณะที่หลินเป่ยเฉินกำลังจะกระโดดลงไปเพื่อช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงของตนเอง ‘หัวขนาดใหญ่’ ก็โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้พื้นผิวลาวาร้อนเหลว

ย่อมต้องเป็นหัวของอากวง

ขนสีเงินบนศีรษะของเจ้าหนูอสูรหงิกงอเป็นก้อนด้วยอานุภาพความร้อนของบ่อลาวา

“จี๊ด”

อากวงชูบางอย่างในมือของมันขึ้นสูง

มันพยายามแหวกว่ายผ่านบ่อลาวาอย่างยากลำบาก

แต่ในที่สุด อากวงก็สามารถกระโดดขึ้นมาจากบ่อลาวาได้สำเร็จ แม้จะทุลักทุเลมากก็ตาม

วูบ!

อากวงกระโดดกลับมายืนอยู่บนสะพานหิน

“จี๊ด”

มันประคองของที่อยู่ในมือออกมาข้างหน้าด้วยความนอบน้อม

เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง

เป็นกระบี่เล่มใหญ่ที่ให้ความรู้สึกร้อนแรงราวกับมีเปลวไฟลุกโชน

ตัวกระบี่มีความยาว 4 เซี๊ยะ กว้าง 14 ชุ่น คมกระบี่มีลักษณะเป็นฟันเลื่อย มองดูแล้วแทบไม่ต่างจากเปลวไฟที่กำลังลุกโชนสว่างไสว

ปลายกระบี่ไม่ได้แหลมตรง แต่มีลักษณะโค้งทำมุม 45 องศา

ด้ามจับกระบี่มีสีแดงเข้ม จับได้อย่างถนัดมือ และถูกแกะสลักเป็นลวดลายหางมังกรอย่างสวยงาม

นับเป็นสุดยอดกระบี่เล่มหนึ่งโดยไม่ต้องอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม

“ฮื่อ กระบี่เล่มนี้มีวาสนาต่อข้าอีกแล้ว”

หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ขึ้นสำรวจดูด้วยความพึงพอใจ

หลังจากนั้น เขาจึงได้ลองตวัดกระบี่

แล้วคุณชายหลินก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

ให้ตายเถอะ!

กระบี่เล่มนี้หนักมาก

เมื่อลองคำนวณน้ำหนักที่อยู่ในมือดูแล้ว หลินเป่ยเฉินเกรงว่ากระบี่ที่ได้ขึ้นมาจากบ่อลาวาเล่มนี้ น่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นชั่ง

เขารู้สึกไม่ต่างกับกำลังยกภูเขาทั้งลูก

มันมีน้ำหนักมากกว่ากระบี่เงินของผู้อาวุโสเฉินถึงสองเท่า

ถึงแม้หลินเป่ยเฉินจะฝึกฝนร่างกายจนแข็งแรงและมีพละกำลังมหาศาล แต่ขณะนี้ กล้ามเนื้อบนแขนของเขาก็ปูดโปนขึ้นมาแล้ว

เขารู้สึกเลยว่าสำหรับกระบี่เล่มนี้ ไม่ต้องใช้ฟันใช้แทงหรอก แค่ใช้ทุบคู่ต่อสู้ก็ตายแล้ว

“กระบี่เล่มนี้หนักมากเกินไป หากไม่ใช่ผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสาม อย่าว่าแต่ใช้มันเป็นอาวุธเลย ต่อให้ยกก็ยังยกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ…”

หลินเป่ยเฉินเริ่มคำนวณน้ำหนักของกระบี่เล่มใหม่ในมือด้วยความจริงจังอีกครั้ง

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงมวลความร้อนที่แผ่ออกมาจากด้ามจับกระบี่

หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าสามารถจับกระบี่ได้อย่างสบายมากขึ้น

มวลความร้อนที่แผ่ขึ้นมาจากด้ามจับกระบี่นั้น ช่วยให้เด็กหนุ่มสามารถจับกระบี่ได้อย่างมั่นคง

หากกระบี่เล่มนี้มีพลังวิญญาณบรรจุอยู่ในตัวจริง ๆ ก็เป็นไปได้ที่มันอาจจะสัมผัสได้ถึงพลังปราณธาตุไฟที่อยู่ในตัวของหลินเป่ยเฉิน

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็รีบโคจรพลังปราณธาตุไฟลงไปที่ตัวกระบี่

ฟู่!

ในพริบตานั้น กระบี่ในมือก็มีเปลวไฟลุกโชน

และเปลวไฟเหล่านั้นก็กลืนกินไปทั้งร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

“จี๊ด!”

อากวงร้องอุทานออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่มากระทบผิวหน้า มันรีบหมุนตัวตีลังกาถอยกลับไปตั้งหลัก เพราะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถทนทานพลังงานความร้อนจากตัวของผู้เป็นเจ้านาย เนื่องจากเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของหลินเป่ยเฉินและกระบี่ของเขาในยามนี้ แม้แต่ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนก็ยังอาจรับอันตรายได้เช่นกัน

มุสิกยักษ์จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเคารพเลื่อมใสมากกว่าเดิม

นี่แหละนายท่านของมัน

นายท่านผู้แข็งแกร่ง!

“นับว่าเป็นกระบี่ที่ประเสริฐนัก”

หลินเป่ยเฉินยืนอยู่บนสะพานหิน ทันทีที่โคจรพลังปราณธาตุไฟลงไปในตัวกระบี่ น้ำหนักของมันก็เบามากกว่าเดิมหลายเท่า

จนแทบจะไม่ต่างไปจากน้ำหนักของกระบี่ทั่วไปที่หลินเป่ยเฉินใช้งานตามปกติ

วิเศษมาก

สำหรับกระบี่เล่มนี้ เมื่อโคจรพลังปราณธาตุไฟลงไป มันก็จะปรับเปลี่ยนน้ำหนักของตนเองใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับระดับพลังของผู้เป็นเจ้าของ

หลินเป่ยเฉินลองควงกระบี่ดูอีกครั้ง สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความสุขที่ไม่อาจปิดกั้น

เขาพินิจดูจากเปลวไฟที่ลุกโชนทั่วคมกระบี่ เมื่อโคจรพลังปราณธาตุไฟลงไปที่ตัวกระบี่แล้ว กระบี่เล่มนี้ก็จะมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงมากกว่าเดิมอย่างน้อยสี่เท่า

ควับ! ควับ! ควับ!

นี่สิ อาวุธขั้นเซียนของจริง

สามารถทนทานพลังปราณธาตุไฟของเขาได้อย่างไม่มีปัญหา

เสมือนว่ากระบี่เล่มนี้เกิดมาเพื่อหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าผู้ใดเคยครอบครองกระบี่เล่มนี้มาก่อน แต่น่าเสียดายเกินไปที่จะปล่อยทิ้งให้ของดีเช่นนี้ถูกหลอมละลายอยู่ในก้นบ่อลาวา

ในเมื่อเจ้าของคนเก่าไม่ต้องการมันแล้ว ถ้าอย่างนั้น…

กระบี่เล่มนี้ก็ต้องเป็นของเขา!

หลินเป่ยเฉินบอกกับตนเองอยู่ในใจโดยไม่ลังเลสักนิด

“เราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีนะ…”

“กระบี่หางมังกรไฟ? ฟังดูเชยไปหน่อย”

“หรือจะเรียกว่ากระบี่มังกรไฟเฉย ๆ ดีนะ? คนน่าจะชอบ”

“ตั้งชื่อเป็นกระบี่เพลิงโลกันตร์ดีกว่า”

เมื่อได้ชื่อที่ตนเองพอใจแล้ว หลินเป่ยเฉินก็สลายพลังปราณธาตุไฟและโยนกระบี่เพลิงโลกันตร์ไปให้กับอากวง

โชคดีที่มุสิกยักษ์มีร่างกายแข็งแรงมากกว่าสัตว์อสูรทั่วไป มันจึงไม่ถูกกระบี่ใหญ่เล่มนี้ทับตาย

หลังจากเก็บกระบี่เข้าไปในกระเป๋าบนแผ่นหลังเรียบร้อย อากวงก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นหิน ไม่ค่อยกล้าเงยหน้าสบตามองเด็กหนุ่มสักเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ มันดื่มสุราเพื่อเรียกความกล้าหาญในการกระโดดลงไปในบ่อลาวา เนื่องจากอากวงเตรียมตัวเตรียมใจแล้วว่าตนเองคงตายแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้ มันกลับอยู่รอดปลอดภัยเป็นปกติดี แล้วจะให้มันสู้หน้านายท่านได้อย่างไรอีก?

ทันใดนั้น อากวงก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มประจบประแจงให้แก่หลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินเงื้อฝ่ามือขึ้น

อากวงหลับตาลงย่นลำคอ เตรียมตัวรับแรงกระแทกจากฝ่ามือพิฆาต…

ตุบ!

แต่ปรากฏว่ามีห่อของห่อหนึ่งตกเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของมัน

อากวงรีบลืมตาขึ้นมอง

จี๊ด?

ปรากฏว่าเป็นห่อบรรจุบุหรี่กล่องหนึ่ง

นี่หมายความว่าอย่างไร?

มันเงยหน้ามองไปที่เจ้านายของตนเองอีกครั้ง

และอากวงก็ได้เห็นว่าหลินเป่ยเฉินกำลังนำขวดน้ำเต้าสุราดาวแดงออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์

“รับไปสิ”

เด็กหนุ่มยิ้มให้อย่างใจดี

“ข้าเคยควบคุมเจ้าให้อยู่ในกฎระเบียบ ห้ามไม่ให้เจ้าดื่มสุราสูบบุหรี่เพราะว่าเจ้ายังเด็กมากเกินไป และมันจะไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้า แต่ในเมื่อบัดนี้เจ้าเติบโตขึ้นแล้ว ข้าก็ควรเคารพในทางเลือกของเจ้า หากเจ้าอยากสูบจงสูบ หากเจ้าอยากดื่มจงดื่ม อย่างไรเสียระดับพลังของเจ้าก็สูงมากแล้ว ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูรทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกลัวผลเสียจากนิโคตินและแอลกอฮอล์ ในอนาคตข้างหน้า หากเจ้าต้องการสุราบุหรี่เหล่านี้อีกเมื่อไหร่ ก็สามารถมาซื้อหากับข้าได้ทุกเมื่อ”

หลินเป่ยเฉินเกือบจะหลุดปากพูดออกไปแล้วว่า “ก็สามารถมารับที่ข้าได้ทุกเมื่อ”

โชคดีที่เขาเปลี่ยนคำพูดได้ทันในลมหายใจสุดท้าย

มิเช่นนั้น คงได้ล้มละลายเพราะเจ้าหนูตัวนี้แน่ ๆ

แต่เพียงเท่านี้ อากวงก็ซาบซึ้งใจมากพอแล้ว

“จี๊ด”

มันมีน้ำตาคลอเต็มสองเบ้า

มันยกขาหน้าของตนเองขึ้นลูบเส้นขนบนศีรษะที่หงิกงอเป็นก้อนกลม ก่อนจะนำกระดานออกมาขีดเขียนข้อความว่า…

‘ข้าน้อยยินดีเผาไหม้ศีรษะของตนเองอีกร้อยครั้งพันครั้งเพื่อรับใช้นายท่านขอรับ’