บทที่ 754

ในใจเซียวฉางควนก็ร้องขอต่อสวรรค์ หวังว่าหม่าหลันไม่ต้องกลับมาอีกแล้ว เธอนั้นมาสร้างปัญหาให้กับตนเองมา20กว่าปีแล้ว ควรจะให้ตนเองได้อิสระได้แล้ว เพราะตนเองอดทนมา20กว่าปีแล้ว มันไม่ง่ายเลย

ถ้าหม่าหลันไม่กลับมาแล้ว เช่นนั้นตนเองก็มั่นใจ ว่าตนเองจะสามารถสืบต่อความรักกับหานเหม่ยฉิงได้แน่นอน

อีกอย่าง เขาก็รู้สึกว่าลูกชายของหานเหม่ยฉิงก็เป็นคนที่คุยง่าย เขาน่าจะยอมรับตนเองให้เป็นพ่อคนใหม่ได้

ส่วนเซียวชูหรัน ลูกสาวของตนเอง ก็เป็นผู้หญิงที่รู้กตัญญู

ถ้าหากแม่ของเธอหายตัวไปจริงๆ แล้วล่ะก็ ก็พนันได้เลยว่าเธอคงจะไม่ขัดขวางให้ตนเองตามหาความรักของตนเองแน่นอน เพราะถึงอย่างไร ตนเองก็ไม่สามารถใช้ชีวิตคนเดียว หลังจากหม่าหลันหายตัวไปแล้ว

ที่เขากังวลตอนนี้ก็คือ ก็คือหม่าหลันคนนี้ ว่าจะกลับมาอีกหรือไม่

ดังนั้น เขาก็ได้แต่ขอร้องต่อสวรรค์

แต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่า คนที่สามารถตัดสินทุกอย่างได้นั้น ไม่ใช่สวรรค์ที่ไหน แต่เป็นลูกเขยของตนเอง เย่เฉิน

……

หลังจากที่เย่เฉินขับรถมาถึงโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงแล้ว พนักงานของโรงแรมก็รีบเข้ามาเปิดประตูรถ

เขาก็เอารถให้พนักงานขับไปจอด แล้วก็พูดกับพ่อตาตนเอง แล้วสองแม่ลูกคนรักเก่าของพ่อตาว่า “โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง นับว่าเป็นโรงแรมที่ไม่เลว สำหรับเมืองจินหลิงนี้แล้วครับ อาหารท้องถิ่นทำได้อร่อยมาก ผมได้จองห้องอาหารไม่โอเคไว้แล้วครับ แต่ไม่ทราบว่ารสชาติอาหารจะถูกปากของทั้งสองทานหรือเปล่า”

หานเหม่ยฉิงรีบพูดว่า “ไอ้หยา เย่เฉิน คุณก็เกรงใจไปแล้ว จะกินอะไรก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรหรอก ฉันบอกตรงๆ เลยนะ จากเมืองจินหลิงไปหลายปี ฉันก็อยากจะลิ้มรสชาติอาหารเมืองจินหลิงเหมือนกัน!”

เย่เฉินก็ยิ้มพูดว่า “เช่นนั้นมาที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ก็ถือว่ามาถูกที่แล้วครับ”

พูดจบ เขาก็พูดกับพอลที่อยู่ข้างๆ ว่า “คุณพอลครับ ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับอาหารจีน? พอกินได้ไหมครับ? ”

พอลก็ยิ้มตอบว่า “คุณเย่ คุณอย่าลืมนะครับว่าเป็นมีสายเลือดชาวจีนอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วก็บอกตรงๆ เลย เมื่อเทียบกับพวกอาหารตะวันตกและพวกฟาสฟู้ดแล้วล่ะก็ ผมชอบอาหารจีนมากกว่า”

พูกจบ พอลก็รีบพูดอีกว่า “เอ่อ ผมจะบอกคุณให้นะครับ แม่ผมน่ะทำกับข้าวได้อร่อยมาก เธอเป็นเชฟที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ฝีมือสุดยอดมาก”

เย่เฉินก็พูดอย่างตกใจว่า “ไม่คิดเลยว่าคุณป้าหานสวยเช่นนี้ จิตใจก็ดีเช่นนี้ จะทำกับข้าวเป็นด้วย”

หานเหม่ยฉิงก็พูดถ่อมตัวว่า “คุณอย่าไปฟังเจ้าเด็กนี่พูดมั่ว เขาพูดอวยฉันมากเกินไป”

ตอนนี้เซียวฉางควนก็ชื่นชมอยู่ข้างๆ ว่า “เมื่อก่อนที่พวกเราเรียนด้วยกัน คุณมักจะบอกบ่อยๆ ว่าจะทำกับข้าวให้ผมกิน แต่ว่าตอนนั้นพวกเราอยู่ในมหาลัย ไม่มีโอกาสที่เหมาะสม นี่ก็ผ่านไป20กว่าปีแล้ว พูดตามตรง อาหารมื้อนั้น ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้กินมันเลย……”

หานเหม่ยฉิงก็ยิ้มเบาๆ แล้วตั้งใจพูดว่า “ถ้ามีโอกาสล่ะก็ ฉันจะทำอาหารให้คุณชิม แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันทำกับข้าวไม่ได้อร่อยอย่างที่พอลพูดนะ ถ้าตอนนั้นผิดหวังล่ะก็ อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”

เซียวฉางควนได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้นขึ้นมา แล้วถามไปว่า “จริงหรือ? แล้วคุณว่างตอนไหนล่ะ? ”

พูดจบ เซียวฉางควนก็พูดอย่างอดใจไม่ได้ว่า “ถ้ามีเวลาล่ะก็ เดี๋ยวผมนัดคุณมาที่บ้านผม!พอถึงตอนนั้นจะทำอาหารอะไร หรืออยากทำอะไร ก็บอกผมได้เลย เดี๋ยวผมจะได้ไปเตรียมวัตถุดิบไว้ก่อน เตรียมทุกอย่างให้พร้อม แล้วคุณกับพอลก็มาที่บ้านผม คุณทำกับข้าวอย่างเดียวพอ เดี๋ยวผมเป็นลูกมือช่วย ให้ลูกๆ คอยกินก็พอ”

หานเหม่ยฉิงก็พูดอย่างเกรงใจว่า “แบบนี้มันจะเหมาะหรือ? หม่าหลันคงไม่อยากเจอฉันหรอก? ”

ในสายโทรศัพท์เมื่อวาน เซียวฉางควนบอกกับหานเหม่ยฉิงว่า “เขากับหม่าหลันแตกหักกันแล้ว แยกกันอยู่แล้ว แต่เหตุผลคืออะไรไม่ได้บอก และไม่ได้บอกว่าตอนนี้หม่าหลันหายตัวไปแล้ว”

ดังนั้นหานเหม่ยฉิงก็นึกว่าทั้งสองคนเพียงแค่แยกห้องกันอยู่ แต่ยังอยู่ในบ้านเดียวกัน ดังนั้นเลยไม่อยากไปบ้านเขา กลัวว่าจะต้องเจอหน้าหม่าหลัน ยิ่งกว่านั้นเพื่อนเก่าคนนี้ยิ่งไม่ได้เป็นคนดีอะไร

ตอนนี้เซียวฉางควนก็โบกปัด แล้วก็พูดอย่างไม่สนใจว่า “คุณไม่ต้องกังวลกับเธอ ตอนนี้เธอไม่อยู่บ้าน และไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน คงจะไม่กลับมาในเร็วๆ นี้แน่”

พูดจบ เซียวฉางควนก็พูดต่อ “ผมว่านะ ไม่สู้เอาวันนี้เลยแล้วกัน!เดี๋ยวพอกินข้าวกลางวันที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงแล้ว จากนั้นคุณก็ไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน ตอนเย็นก็มาที่บ้านผม พวกเราจะได้ทำกับข้าวและกินข้าวด้วยกัน ผมจะได้แนะนำลูกสาวของผมให้คุณรู้จักด้วย!”