การจับตัวหมิงฮ่วนมาเป็น ๆ คือแผนการที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ วางไว้ตั้งแต่ต้น
ตอนนี้ฉินเหยียนถูกคนของตระกูลหมิงจับตัวไปและไม่อาจทราบได้เลยว่าสถานการณ์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง แม้หมิงฮ่วนผู้นี้จะเป็นเพียงผู้อาวุโสที่มีสถานะต่ำ เขาก็คงจะทราบข้อมูลภายในพอสมควร หลังจากจับตัวเขาได้สำเร็จ ฉินอวี้โม่และทุกคนจะสามารถสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลหมิงได้มากยิ่งขึ้น
ทุกคนในตระกูลเยี่ยมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาที่เคารพนับถือมากขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่าความช่วยเหลือจากฉินอวี้โม่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้จับหมิงฮ่วนมาได้ในครานี้
ข่ายอาคมลวงตาอันทรงพลังเหล่านั้นสามารถรบกวนความคิดจิตใจของเป้าหมายและช่วยให้แผนการจับตัวหมิงฮ่วนสำเร็จลุล่วงไปอย่างง่ายดาย
มิเช่นนั้น ด้วยพลังในขอบเขตเทพสวรรค์สามดาราของเขา การที่เขาจะหลบหนีเอาตัวรอดไปก็คงจะไม่ยากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาจะหลบหนีไปไม่ได้ ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับ เขาก็อาจจะคิดระเบิดตัวเอง หากหมิงฮ่วนระเบิดตัวเองสำเร็จ ทั้งจวนตระกูลเยี่ยจะได้รับความเสียหายอย่างหนักและนั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดต้องการให้เกิดขึ้น
“พาตัวเขากลับไปก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับฉินเฟิงก่อนลากตัวหมิงฮ่วนตรงไปที่โถงหลักของตระกูลเยี่ย
“ท่านลุงหมิง ฝากท่านจัดการเรื่องที่นี่ด้วยขอรับ”
ฉินเฟิงกล่าวกับเยี่ยหมิงเพียงสั้น ๆ ก่อนตามฉินอวี้โม่ไปอย่างรวดเร็ว
“พี่หมิง ตั้งใจทำงานล่ะ !”
เยี่ยหลิงซีตบไหล่เยี่ยหมิงดังปุ ๆ ก่อนตามฉินเฟิงและฉินอวี้โม่เข้าไปเช่นกัน แน่นอนว่านางจะไม่พลาดเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างการไต่สวนสืบข้อมูลจากหมิงฮ่วน
เยี่ยหมิงทำได้เพียงมองตามอย่างจนปัญญา ข้าเองก็ไม่อยากพลาดเรื่องสนุก ๆ เช่นกัน…
ณ โถงหลักของจวนตระกูลเยี่ย ฉินอวี้โม่โยนร่างของหมิงฮ่วนผู้มีใบหน้าซีดเผือดลงบนพื้นอย่างรุนแรง
“เอาล่ะ บอกข้ามา เจ้าอยากตายหรืออยากมีชีวิตอยู่ต่อ ?”
นางกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยทว่าจิตสังหารปรากฏในแววตาอย่างไม่ปิดบัง
“เหอะ พวกเจ้าไม่กลัวการล้างแค้นจากตระกูลหมิงงั้นรึ ?!”
จุดตันเถียนของหมิงฮ่วนถูกปิดผนึกไปแล้วและลมหายใจของเขาก็อ่อนแอลงมาก อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยขณะกล่าววาจาข่มขู่ราวกับมั่นใจว่าฉินอวี้โม่และทุกคนจะไม่กล้าสังหารตน
“เหอะ การล้างแค้นจากตระกูลหมิงก็ฟังดูน่ากลัวไม่น้อย แต่เจ้าคิดว่าพวกข้าโง่รึอย่างไร ? ต่อให้ปล่อยเจ้าไป คิดว่าตระกูลหมิงจะไม่ทำอะไรพวกข้างั้นรึ ?”
พลั่ว !โครมมม !
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นชาและเหวี่ยงฝ่ามือฟาดอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไป
พรวดดด !
ผู้อาวุโสตระกูลหมิงกระอักเลือดออกมาคำโตและล้มลงกระแทกพื้นในสภาพที่น่าเวทนา เวลานี้ลมหายใจของเขาก็อ่อนแอลงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“หากคิดว่าฆ่าข้าได้ก็เชิญเลย !”
หมิงฮ่วนตะโกนเสียงดังและในหัวใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเต็มที
ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลหมิง เขาไม่เคยเผชิญกับความอัปยศอดสูมากเช่นนี้มาก่อน การที่ปราศจากพลังในการต่อสู้ทำให้หมิงฮ่วนรู้สึกเจ็บใจอย่างที่สุด เขาทำได้เพียงตะโกนเสียงดังออกไปแม้แท้จริงแล้วจะไม่ต้องการจบชีวิตอยู่ที่นี่ก็ตาม
“เหอะ คิดว่าพวกเราไม่กล้าฆ่าเจ้าจริง ๆ รึ ?”
ในเวลานี้ฉินเฟิงและเยี่ยหลิงซีก็เดินเข้ามาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน ก่อนเยี่ยหลิงซีจะเข้าไปหยุดตรงหน้าหมิงฮ่วนและออกแรงเตะอย่างแรงจนเขาร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ในเมื่อเขาอยากตายนักก็ช่วยสนองให้เขาเถอะ เพลิงของซิวน่าจะเพียงพอที่จะทำให้ร่างของเขาลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างช้า ๆ ข้าขอเสนอให้เริ่มจากขาทั้งสองข้างของเขาก่อนและปล่อยให้ร่างของเขาสลายไปทีละน้อย ๆ จนกระทั่งเหลือเพียงศีรษะเป็นส่วนสุดท้าย การที่เขาได้มองความตายของตนเองที่ใกล้เข้ามาเยือนทุกทีคงจะเป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย”
นางเดินเข้ามาหาฉินอวี้โม่พลางกล่าววาจาที่ฟังดูโหดร้ายน่าขนลุกซึ่งทำให้หมิงฮ่วนถึงกับสั่นสะท้านเล็กน้อย
“อย่าคิดทำร้ายข้าเด็ดขาด หากข้าเป็นอะไรไป ตระกูลหมิงไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
หมิงฮ่วนกล่าวเสียงดังขณะแสร้งแสดงสีหน้าเรียบเฉยเพื่อปิดบังความรู้สึกหวาดหวั่นในใจ
“เหอะ ต่อให้พวกเราจะไม่ฆ่าเจ้า ตระกูลหมิงก็ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปหรอก อย่าคิดว่าพวกข้าจะไม่ทราบถึงแผนการชั่วร้ายของพวกเจ้าตระกูลหมิง !”
เยี่ยหลิงซีตอบโต้ทันควันและไม่สนใจคำข่มขู่ของผู้อาวุโสตระกูลหมิงแม้แต่น้อย
“ซิว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณก่อนซิวจะปรากฏกายข้างหมิงฮ่วน ซิวในร่างบุรุษหนุ่มขยับมือเพียงเล็กน้อยและเพลิงร้อนระอุก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วมือของมัน
เมื่อเห็นเพลิงทรงพลังเกินหยั่งถึง หมิงฮ่วนก็ตกตะลึงอีกครั้ง เขาตระหนักดีว่าเพลิงดังกล่าวน่าหวาดหวั่นมากเพียงใด หากมันลุกลามขึ้นมาบนร่างกายของเขา ทั้งร่างของเขาจะเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านและไม่มีเหลือแม้กระทั่งกระดูกด้วยซ้ำ
“พวกเจ้าอยากรู้เรื่องใด ?”
เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อกโดยไม่กล้าข่มขู่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อีกต่อไป ทว่าเพียงเอ่ยถามเสียงเบา
“ฉินเหยียนอยู่ในมือของพวกเจ้าใช่รึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามในสิ่งที่กังวลมากที่สุดทันทีและนั่นคือที่ที่ฉินเหยียนถูกจับตัวไว้ในตอนนี้
พวกนางทราบเพียงว่าคนตระกูลหมิงจับตัวฉินเหยียน เยี่ยซาและคนอื่น ๆ ไป ทว่าไม่อาจทราบสถานการณ์ที่แน่ชัดได้ ในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูล หมิงฮ่วนก็คงจะทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย
“ถูกต้อง ฉินเหยียนอยู่ในมือของพวกเรา !”
หมิงฮ่วนไม่ปฏิเสธว่าพวกตนจับตัวฉินเหยียนไปจริง เห็นได้ชัดว่าฉินอวี้โม่และคนตระกูลเยี่ยสืบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปฏิเสธใด ๆ
“ตระกูลหมิงจับนางไปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ศิษย์พี่ของข้า เพราะฉะนั้นตอนนี้นางคงจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ข้าพูดถูกรึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามอีกครั้งและหมิงฮ่วนก็พยักศีรษะเช่นเดิม
“นางถูกขังไว้ในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลหมิงและมีผู้อาวุโสหลายคนคอยคุ้มกันอยู่ อย่าพยายามบุกเข้าไปช่วยนาง ข้าสามารถรับประกันได้ว่าพวกเจ้าไม่มีทางทำสำเร็จแน่ ! หากไม่เชื่อก็เชิญลองดูเถิด เมื่อถึงตอนนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ตนถูกทรมาน หมิงฮ่วนจึงเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่ทราบและสามารถเปิดเผยได้ ถึงอย่างไรสิ่งที่เขากล่าวออกไปก็เป็นความจริง เขาจึงไม่กังวลว่าฉินอวี้โม่และทุกคนจะสืบได้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับตน อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของเขาก็แอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้จะบุกไปที่ตระกูลหมิงด้วยตัวเอง เพราะหากพวกนางถูกบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลหมิงสังหารไปอย่างสิ้นซาก มันก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
“ถือว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ !”
ฉินอวี้โม่ไม่สงสัยในวาจาของหมิงฮ่วนแม้แต่น้อยและพยักศีรษะอย่างพึงพอใจ
“เหอะ หากพวกเจ้าต้องการทราบถึงความลับของตระกูลหมิง ข้าจะไม่ปริปากอย่างแน่นอน อีกอย่าง…แม้ข้าจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหมิง ข้าก็เป็นเพียงผู้อาวุโสที่มีสถานะต่ำเท่านั้น และไม่ทราบถึงความลับสำคัญมากนัก พวกเจ้าจับตัวข้าเพราะอยากทราบเรื่องของฉินเหยียนซึ่งข้าก็บอกไปแล้ว ตอนนี้หากเจ้ายังคิดจะกักขังข้าไว้ที่นี่อีกละก็ คนจากตระกูลหมิงจะมาที่นี่ในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าทุกคนจะต้องตาย !”
หมิงฮ่วนกล่าวต่อโดยไม่ได้ข่มขู่ทว่ากล่าวตามความจริงออกไป
สิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลเยี่ยครานี้จะทราบไปถึงหูของคนตระกูลหมิงในเวลาเพียงไม่นาน แม้เขาอาจถูกลงโทษเพราะผลงานที่ล้มเหลว แต่ตระกูลหมิงก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลหมิงจะมาที่นี่เพื่อรับตัวเขากลับไปอย่างแน่นอน จากนั้นพวกเขาจะสะสางความแค้นกับฉินอวี้โม่และทุกคนที่นี่
“เหอะ ต่อให้ปล่อยเจ้าไป ตระกูลหมิงก็ไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน ในความคิดของข้า ข้าว่าพวกเราควรจะฆ่าเขาเลยจะดีกว่า !”
ฉินเฟิงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนและกล่าวออกไปอย่างเย็นชา ทว่าวาจาของเขาก็ทำให้สีหน้าของหมิงฮ่วนเปลี่ยนไปอีกครั้ง
หากมีโอกาสรอดชีวิต ไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่อยากตาย และหมิงฮ่วนก็มิใช่ข้อยกเว้น
“หมิงฮ่วน ข้าจะให้โอกาสเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมจำนนต่อข้า ข้าจะไว้ชีวิตและปล่อยเจ้าไป ในภายภาคหน้า เจ้าจะยังคงเป็นผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติของตระกูลหมิงเช่นเดิมและอาจจะมีโอกาสก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
ฉินอวี้โม่มองหมิงฮ่วนอย่างเย็นชาและมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ
หากฉินอวี้โม่ต้องการไปที่จวนตระกูลหมิงในอนาคต ด้วยสถานะของหมิงฮ่วน มันจะช่วยให้พวกนางเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกขึ้นมาก หากควบคุมเขาไว้ได้ หลายสิ่งหลายอย่างก็จะราบรื่นมากยิ่งขึ้น
“ไม่มีทาง !”
หมิงฮ่วนปฏิเสธอย่างไม่ลังเล แม้ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาก การที่ต้องการให้เขายอมจำนนต่อคนทั้งสองและทรยศต่อตระกูลหมิงก็เป็นได้เพียงความเพ้อฝันของผู้ที่โง่เขลาเท่านั้น
ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลหมิง ไม่มีผู้ใดที่จะทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวของตระกูลหมิงมากไปกว่าเขาอีกแล้ว การที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับตระกูลหมิงจะนำไปสู่จุดจบเพียงอย่างเดียวเท่านั้นและนั่นก็คือความตาย
“อย่ารีบปฏิเสธไปนักเลย ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรบางอย่างก่อน”
ฉินอวี้โม่ไม่แสดงสีหน้าโกรธเคืองแต่อย่างใด ทว่าภายใต้ความคิดเพียงแวบเดียว นางก็ส่งหมิงฮ่วนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที