ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 924 ประมุขปฐวี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“หลังจากกำหนดวันต่อสู้ได้แล้ว จักรพรรดิไร้จำกัดกับประมุขปฐวีก็พากันออกจากโลกซ้อนโลก จักรพรรดิแพรก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กลับยอดเขาอัศจรรย์บนเขาคุนหลุนเช่นกัน”

หลิวเซี่ยงถงว่า “แต่ว่าไม่นานมานี้ ดูเหมือนประมุขปฐวีจะกลับมาอีก เพื่อเป็นพยานในการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย”

พอได้ยินคำพูดของหลิวเซี่ยงถง จิตใจที่เป็นกังวลก่อนหน้านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันผ่อนคลายลง

นอกจากโลกซ้อนโลก ในมิติต่างแดนไร้สิ้นสุดก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นกัน

เป็นเรื่องใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือระดับสุดยอดจำนวนมากของโลกซ้อนโลก

เยี่ยนจ้าวเกอที่ทราบถึงการดำรงอยู่ของโถงเซียนและศาสนาพุทธแล้ว ทั้งยังเดาว่าสมควรมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้

ทวนพระอังคารอาจจะทราบถึงการดำรงอยู่ของโถงเซียนและศาสนาพุทธแล้วเช่นกัน

ในตอนนั้นถึงอย่างไรเขาก็สร้างโลกซ้อนโลกขึ้นมาพร้อมกับราชันพระอังคาร นับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดเต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์ อยู่ฝ่ายเดียวกับโลกซ้อนโลก

บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ เขาจึงยินดีเลื่อนเวลานัดสู้กับจักรพรรดิแพรออกไป

หลังจากกำหนดวันต่อสู้ได้ พวกจักรพรรดิแพรและจักรพรรดิไร้จำกัดก็รุดหน้าไปยังมิติต่างแดนทันที

สถานการณ์ของที่นั่นดูเหมือนค่อนข้างตึงเครียด จนจักรพรรดิแพรต้องเลื่อนการต่อสู้กับทวนพระอังคารออกไป และจัดการเรื่องราวทางนั้นก่อน

เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ากษัตริย์เร้นลับและจักรพรรดินีจะรั้งอยู่ เพื่อรักษาความมั่นคงทางโลกซ้อนโลก

ในสถานการณ์เช่นนี้ จักรพรรดินีที่เป็นห้าจักรพรรดิ ในเมื่อรั้งอยู่แล้ว เช่นนั้นจักรพรรดิเอกภพกำเนิดน่าจะไม่อยู่ แต่มุ่งหน้าไปยังมิติต่างแดน

กระนั้นก็ยังคงไม่อาจคลายความระวังได้อยู่ดี

จักรพรรดิแพรวันนี้มีเวลาว่าง สามารถกลับมาสู้กับทวนพระอังคารได้ แต่ผู้ใดจะทราบว่าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจะกลับโลกซ้อนโลกหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น ผลลัพธ์การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิแพรและทวนพระอังคารก็ยังไม่ปรากฏ

เยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิงสบตากัน พยักหน้าเล็กน้อย

ความเกี่ยวโยงที่สำคัญในนี้ ทั้งสองล้วนเข้าใจดี

ทว่าพอหลิวเซี่ยงถงเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา กลับทำให้ประมุขพรรคผู้นี้อดปั้นสีหน้าประหลาดพิกลขึ้นมาไม่ได้

ฟู่ถิงประสานมือคารวะหลิวเซี่ยงถง “วันนี้ข้าเพิ่งทราบถึงเรื่องนี้ ในเมื่อทราบแล้ว ย่อมไม่อาจพลาดไปได้ ไม่รู้ว่าประมุขพรรคหลิวบอกตำแหน่งได้หรือไม่”

หลิวเซี่ยงถงรีบสลัดความคิด ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ย่อมได้แน่นอน”

ครั้นพูดจบ เขาก็นำทางอยู่ด้านหน้า ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิงต่างติดตามไป

การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับจักรพรรดิในโลกซ้อนโลกหายากยิ่ง

ต่อให้ระหว่างห้าจักรพรรดิเกิดความขัดแย้ง ต้องการจะลงหมากวัดฝีมือกัน ก็มีช่วงที่ฉีกหน้าลงมือจริงๆ อยู่น้อยยิ่ง

ต่อให้มี ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าสามกษัตริย์จะลงมือไกล่เกลี่ยแทรกแซง

การต่อสู้ในวันนี้ ข้อแรก ดูเหมือนสามกษัตริย์จะติดภารกิจ ไม่มีเวลามาดูแล ข้อสอง ทวนพระอังคารเป็นข้อยกเว้น จึงสามารถกระทำได้

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนใจในเรื่องนี้มาก

แตว่าการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิทั้งสอง แม้จะเป็นเขาเองก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้

วันนี้มีแม้จะบอกว่ามีคนจำนวนมากมุ่งหน้าไปชมการต่อสู้ ทว่าความจริงล้วนไม่อาจเข้าใกล้ ได้แต่บอกว่าต้องการไปเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่หายากมากกว่า

หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว ถูกคลื่นหลงกวาดใส่จนเสียชีวิตก็ไม่มีที่ให้ไปหาสาเหตุ

“ถึงแม้จะมิกล้าเข้าใกล้ ได้แต่สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของการต่อสู้อันยิ่งใหญ่นั้นอยู่ไกลๆ แต่พวกเราก็ได้รับประโยชน์ไร้สิ้นสุด”

หลิวเซี่ยงถงถอนใจชมเชย “เพียงหวังให้จักรพรรดิแพรกับทวนพระอังคารอย่าเพิ่งจัดการพื้นที่ก่อน”

การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ บ้างไม่ถือที่คนอื่นคอยชมอยู่ใกล้ๆ บ้างอาจจะจัดการพื้นที่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนที่เกี่ยวข้อง

ฟู่ถิงไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ติดตามหลิวเซี่ยงถงอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าจิตใจของตนสั่นไหว ครั้นเพ่งสายตามองไป ก็เห็นว่าไกลออกไปมีกลุ่มแสงกลุ่มหนึ่งพาดขวางอยู่ในมิติอันมืดมิด

กลุ่มแสงกลุ่มนั้นไม่ได้สว่าง มองไปเป็นสีเหลืองเทามัวๆ

มันเป็นทรงรี ลักษณะเหมือนไข่ไก่

ด้านในมีจิตที่ยิ่งใหญ่หนักอึ้งลอยออกมา ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญกับฟ้าดินอันกว้างขวางไร้ขอบเขต รองรับฟ้าบรรจุสรรพสิ่งของโลกซ้อนโลก

เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกายเล็กน้อย “อ้อ อาศัยแค่การผนึกตัวจากญาณจริงแท้ของตัวเอง ก็เกือบสร้างโลกที่แท้จริงใบหนึ่งขึ้นมาได้แล้วหรือนี่”

ฟู่ถิงกับหลิวเซี่ยงถงต่างพยักหน้า “เป็นฝีมือของประมุขปฐวี”

ในประมุขทั้งสิบของโลกซ้อนโลก ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ ประมุขทักษิณจวงเซิน ทั้งสามล้วนเป็นผู้ปกครองทิศใดทิศหนึ่ง และดินแดนใดดินแดนหนึ่ง

ประมุขแห่งทิศเหนือใต้ออกตก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงเหนือ ล้วนเป็นเช่นนี้

ส่วนประมุขอีกสองคนที่เหลือ ล้วนอยู่ในเขตมหานภากลาง

เขตมหานภากลาง เป็นที่อยู่ของเขาคุนหลุน สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิต่างบุกเบิกที่อยู่ของตัวเองขึ้นที่นี่

แม้ว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดจะแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นประมุขในหมู่คน

ในเขตมหานภากลาง ย่อมไม่อาจใช้คำพูดได้ดุจประกาศิต ถือครองได้เพียงคนเดียวเหมือนกับเขตแดนที่เหลือ

กระนั้นสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิปกติจะไม่ได้อยู่ในโลกซ้อนโลก หรือว่าฝึกฝนเป็นเวลานาน

ดังนั้นเรื่องราวในเวลาปกติของเขตมหานภากลาง น้อยครั้งนักจะมียอดฝีมือระดับเซียนทั้งหลายถามถึง

ประมุขอีกคนหนึ่ง ปกติแล้วมีร่องรอยไม่แน่นอน ดังนั้นเรื่องราวน้อยใหญ่ในเขตมหานภากลาง ล้วนให้ประมุขปฐวีเป็นผู้จัดการ

ประมุขปฐวีเป็นลูกศิษย์ที่กษัตริย์ดินถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง ฉายาประมุขในตอนนี้ เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ดิน

ระหว่างประมุขด้วยกันเองก็มีน้อยครั้งที่จะมีการปะทะกันเช่นกัน

ทว่าในโลกซ้อนโลกมีคำพูดว่า ‘บนล่างเหนือกว่าแปดทิศ’ มานมนานแล้ว

สำนักและยอดฝีมือที่ยืนหยัดอยู่ในเขตมหานภากลางได้ ล้วนไม่ได้มีฝีมือธรรมดา

กระนั้นไม่ใช่แค่พวกเขาจะต้องยอมให้ประมุขปฐวีปกครองเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ที่เป็นลูกศิษย์ของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิเช่นฟู่ถิแห่งเขาคุนหลุน เมื่อพบเจอประมุขปฐวีก็ต้องให้เกียรติ

ในระดับหนึ่ง ประมุขปฐวีเป็นเจ้าผู้ปกครองเขตแดนหนึ่งเหมือนกับพวกเฉาเจี๋ยและหลิวเจิงกู่

ผู้ปกครองเขตมหานภากลาง

นอกจากสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ และประมุขอีกคนหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ เขาล้วนควบคุมได้

“ข้าจะไปพบประมุขปฐวี ทั้งสองท่านจะไปด้วยกันหรือไม่”

ประมุขปฐวีเป็นผู้อาวุโส และเป็นผู้รับรองการต่อสู้ในครั้งนี้ ฟู่ถิงย่อมต้องไปทักทาย แต่ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่

จักรพรรดิแพรท้าสู้กับคนอื่น เขาอัศจรรย์ที่เป็นสำนักของเขาย่อมต้องมีคนมา หลังจากฟู่ถิงเจอประมุขปฐวีแล้ว ก็จะไปรวมตัวกับสหายร่วมสำนัก

หลิวเซี่ยงถงอยู่ในเขตมหานภากลาง ที่แล้วมาพึ่งพายอดเขาอัศจรรย์ แต่หากสามารถผูกสัมพันธ์ ทำความรู้จักกับประมุขปฐวีได้ เขาย่อมยินดี ดังนั้นจึงเตรียมจะร่วมทางกับฟู่ถิง

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่คิดจะไปด้วย

เขตมหานภากลางกำลังตามจับเสวี่ยชูฉิง เหมือนกับเขตสุราลัยบูรพา

ในสถานการณ์ที่ไม่ทราบความเกี่ยวข้องกับคนทั้งสอง แม้กระทั่งยากจะเชื่อมโยงได้ว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกัน แต่ระวังไว้ก่อนก็ไม่มีใดเสียหาย

ความจริงเยี่ยนจ้าวเกอเคยคิดว่า ฟู่ถิงกับผู้สืบทอดในสำนักยอดเขาอัศจรรย์คนอื่น จะดูเบื้องหลังของเขาออกเหมือนกับหลิวเจิงกู่และเฉาเจี๋ยหรือไม่

บางทีพวกเขาอาจจะมองไม่ออก ถึงอย่างไรทั่วทั้งยอดเขาอัศจรรย์ก็ไม่ได้ตามหาเสวี่ยชูฉิง

แต่จักรพรรดิแพรเล่า?

ที่เชิญตนกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกไปเป็นแขกที่ที่สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาได้พิจารณาเรื่องนี้หรือไม่

แม้ว่าในใจจะมีการคาดเดาอยู่ แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็นิ่งสงบเหมือนปกติ ไม่ได้มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย

ฟู่ถิงเองก็ไม่ได้บังคับ “สหายในสำนักจากยอดเขาอัศจรรย์ของข้าก็สมควรใกล้มาถึงแล้ว ถ้าหากคุณชายเยี่ยนยินดี สามาถไปรวมตัวกับพวกเขาก่อนได้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ต้องรบกวนอีกแล้ว”

หลังจากใช้สายตาส่งพวกฟู่ถิงเข้าไปในกลุ่มแสง เยี่ยนจ้าวเกอก็หมุนกายมุ่งหน้าไปอีกทาง

ยอดฝีมือจากยอดเขาอัศจรรย์มาถึงที่นี่ ก็ต้องจับกลุ่มในมิติเหมือนกับประมุขปฐวี

ฟูถิงมอบยันต์หยกที่เหมือนทั้งบัวแดง เหมือนทั้งเปลวเพลิงให้ เพื่อช่วยนำทางให้เขาในระยะใกล้

หลังจากเดินทางได้อีกระยะหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ตาเป็นประกายอีกครั้ง

ไกลออกไป,uดอกบัวสีแดงขนาดยักษ์ดอกหนึ่ง เบ่งบานอยู่ในมิติอันมืดมิดอย่างไร้เสียง

สายเมฆสีม่วงมากมายลอยวนอยู่รอบๆ บัวแดง