ดินแดนแห่งนี้คือดินแดนประหลาดที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายซึ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอัดอึดใจอย่างที่สุด
ในเวลานี้ กลุ่มชายฉกรรจ์สวมหน้ากากและอาภรณ์สีเทากำลังล้อมรอบหานโม่ฉือและคนจำนวนหนึ่งไว้อย่างแน่นหนา หน้ากากของพวกเขาบดบังทั้งใบหน้าและเผยให้เห็นเพียงแววตามุ่งร้ายเท่านั้น
กลิ่นอายที่แผ่มาจากคนเหล่านั้นก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง พวกเขาดูราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไร้จิตวิญญาณและดูหดหู่อย่างมาก
“นายท่าน พวกนี้คือองครักษ์ปีศาจที่ถูกฝึกมาโดยคนผู้นั้น !”
ในตอนนี้หานโม่ฉือก็มีผู้ติดตามอยู่จำนวนหนึ่งเช่นกันซึ่งมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและพลังภายนอกอยู่ในระดับที่เหนือกว่าหานโม่ฉือเสียอีก พวกเขามองหานโม่ฉือด้วยแววตายำเกรงอย่างเห็นได้ชัด คนเหล่านี้ก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นลูกน้องและผู้ติดตามของเขาในโลกปีศาจนับตั้งแต่ครั้งอดีตนั่นเอง
หลังจากเดินทางมาถึงโลกปีศาจ หานโม่ฉือก็เริ่มต้นจากการติดต่อและรวบรวมคนเหล่านี้เป็นอันดับแรก
พวกเขาตื่นเต้นและกระตือรือร้นทันทีที่ทราบว่าจ้าวแห่งปีศาจในอดีตกลับมา นอกเหนือจากคนจำนวนหนึ่งที่เปลี่ยนใจแปรพักตร์ไปแล้ว คนอื่น ๆ ที่เหลือก็เลือกที่จะติดตามหานโม่ฉืออย่างไม่ลังเล
วันนี้พวกเขาออกมาตามหาสิ่งที่หานโม่ฉือทิ้งเอาไว้ในอดีต ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาประจันหน้ากับกลุ่มองครักษ์ปีศาจอย่างไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม องครักษ์ปีศาจเหล่านี้ไม่ทราบว่าหานโม่ฉือคืออดีตจ้าวแห่งโลกปีศาจที่เคยหายตัวไป พวกเขาเพียงได้รับคำสั่งจาก ‘คนผู้นั้น’ ให้จับตาดูคนเหล่านี้และกำจัดให้สิ้นซาก
“จัดการเสีย !”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่มีท่าทีกังวลใด ๆ นับตั้งแต่เข้ามาในโลกปีศาจ พลังเดิมของเขาในอดีตก็ฟื้นฟูกลับคืนมากว่าห้าในสิบส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม โอกาสในการเอาชนะผู้นำโลกปีศาจในปัจจุบันซึ่งเป็นผู้ที่ใส่ร้ายป้ายสีเขาในอดีตก็ยังไม่มากนัก
เพราะเหตุนั้น เขาจึงยังไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวในตอนนี้ทว่าต้องการเตรียมความพร้อมอย่างเงียบ ๆ และพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากขึ้นเสียก่อน เมื่อความแข็งแกร่งเดิมกลับคืนมาถึงเจ็ดในสิบส่วน มันก็ถือว่ามากพอที่จะรับมือกับคนผู้นั้นได้
“ขอรับ นายท่าน !”
บรรดาผู้ติดตามรอบตัวของเขารับคำสั่งและมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนลงมือสังหารกลุ่มคนชุดเทาอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาเพียงชั่วครู่ กลุ่มคนชุดเทาที่สวมหน้ากากก็กลายเป็นเพียงซากศพที่ไร้การเคลื่อนไหว
หานโม่ฉือโบกมือเล็กน้อยและซากศพเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปในอากาศทันที ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาได้ถูกทำลายไปแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก
“ไปกันเถอะ เราต้องรีบแล้ว”
หานโม่ฉือและคณะมุ่งหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพักใหญ่ พวกเขาก็หยุดลงที่หน้าผาสูงแห่งหนึ่งซึ่งปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีดำทะมึน
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน”
หลังจากกล่าวกับผู้ติดตามของตน หานโม่ฉือก็กระโดดลงหน้าผาไปทันที
สิ่งที่อยู่ใต้หน้าผาแห่งนี้คือร่างจิตที่เขาทิ้งไว้ในอดีตซึ่งมีพลังหนึ่งในสิบส่วนจากความแข็งแกร่งเดิมของเขา หลังจากที่ดูดกลืนมันสำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาจะพัฒนาขึ้นมาอีกหนึ่งระดับทันที
ทันทีที่กระโดดลงไปท่ามกลางหมอกหนารอบตัว เนตรปีศาจก็ปรากฏตัวบนไหล่ของเขาและนำพาแสงสว่างมาสู่พื้นที่บริเวณโดยรอบเพื่อให้เขามองเห็นสภาพแวดล้อมทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ใต้หน้าผาสูงคือหุบเหวลึกซึ่งมีสระโลหิตที่กำลังเดือดระอุปรากฏอยู่ สระโลหิตนี้ได้ปล่อยหมอกไอน้ำออกมาอย่างต่อเนื่องและเสียงของน้ำที่คุกรุ่นก็ดังขึ้นมาอย่างชัดเจนเช่นกันซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าสยดสยองอยู่ไม่น้อย
ข้างสระโลหิตดังกล่าวคือโครงร่างหนึ่งที่มีรูปลักษณ์เหมือนหานโม่ฉือทุกประการซึ่งกำลังนั่งนิ่งไม่ไหวติง และมันคือร่างจิตที่เขาทิ้งไว้นั่นเอง
“เจ้าคงจะเหนื่อยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
หานโม่ฉือหยุดมองแผ่นหลังตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
ร่างจิตของเขามีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์และมีพลังดั้งเดิมของเขาอยู่ถึงหนึ่งในสิบส่วน การที่เขาส่งร่างจิตดังกล่าวมาประจำอยู่ที่นี่ก็เพื่อคุ้มกันบางสิ่งบางอย่างเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินเข้าไปใกล้ร่างจิตของตน จู่ ๆ หานโม่ฉือก็สังหรณ์ใจถึงวิกฤตที่อธิบายไม่ได้บางอย่าง เขาสร้างม่านป้องกันขึ้นมาโดยสัญชาตญาณทันทีและทำการเฝ้าระวังรอบด้าน
ตูมมม !
ด้วยเสียงที่ดังสนั่นขึ้น จู่ ๆ ร่างจิตที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ก็เปิดฉากเข้าโจมตีหานโม่ฉืออย่างฉับพลัน
การโจมตีอันทรงพลังนี้ก็ทำให้ร่างของหานโม่ฉือกระเด็นออกไปโดยตรง
“หืม ?!”
ม่านป้องกันตรงหน้าของเขาพังทลายในทันทีและหานโม่ฉือก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก ทว่าไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เขาเพียงมองร่างจิตตรงหน้าด้วยความแปลกใจและฉงนสนเท่ห์
ร่างจิตหันกลับมาประจันหน้ากับเขาและเผยให้เห็นใบหน้าที่เหมือนกับหานโม่ฉือทุกประการ อย่างไรก็ตาม สีหน้าของร่างนั้นกลับแสดงถึงความมุ่งร้ายอย่างที่สุดและดวงตาเป็นสีแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร่างจิตของหานโม่ฉือถูกควบคุมโดยพลังบางอย่างและไม่มีสติรับรู้เป็นของตนเองอีกต่อไป
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าปีศาจน้อยในสระโลหิต ถือว่ามีฝีมือใช้ได้ทีเดียว !”
จู่ ๆ หานโม่ฉือก็หัวเราะเสียงดัง เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่ผ่านเวลามาหลายปี สิ่งที่อยู่ในสระโลหิตจะกัดกร่อนร่างจิตที่เขาทิ้งไว้ได้สำเร็จ ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อครู่นี้เขาจะสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง ที่แท้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง
ร่างจิตของเขาสูญเสียความรู้สึกนึกคิดไปโดยสมบูรณ์และพุ่งจู่โจมหานโม่ฉือต่อไปอย่างเกรี้ยวกราด
เดิมทีร่างนี้มีพลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนของหานโม่ฉือในอดีต ทว่าหลังจากถูกปีศาจน้อยในสระโลหิตครอบงำ พลังของร่างจิตในตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว
หากมิใช่เพราะหานโม่ฉือฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้ถึงห้าในสิบส่วน เกรงว่าเขาคงรับมือกับคู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ได้
หลังจากต่อสู้กันนานกว่าสองก้านธูป หานโม่ฉือก็สยบเจ้าปีศาจน้อยนั้นได้สำเร็จ
ในเวลานี้ เขาก็ได้ยินเสียงร้องอันน่าขนลุกเบา ๆ ก่อนที่ร่างจิตจะจมหายเข้ามาในร่างกายของเขาและหลอมรวมเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ
จากการที่ได้ร่างจิตกลับคืนมา ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในสิบส่วนทันทีและกลิ่นอายจากร่างของเขาก็ล้ำลึกเกินหยั่งถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าทันใดนั้น น้ำสีแดงเลือดในสระโลหิตก็สลายกลายเป็นความว่างเปล่าไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าภาพทุกอย่างที่ปรากฏอยู่เมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
“คารวะนายท่าน...”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในโสตประสาทของหานโม่ฉือและมันคือเสียงของ ‘ปีศาจน้อย’ ในสระโลหิตก่อนหน้านี้นั่นเอง
“อืม”
หานโม่ฉือเพียงส่งเสียงตอบเบา ๆ ก่อนพุ่งตรงออกไปและเหาะกลับขึ้นบนหน้าผาอย่างรวดเร็ว
ณ ริมหน้าผาสูง บรรดาผู้ติดตามยังคงรออยู่ที่นี่อย่างใจจดใจจ่อ ทว่าเมื่อเห็นหานโม่ฉือกลับขึ้นมา ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่มาจากร่างของหานโม่ฉือในตอนนี้ สายตาของทุกคนก็เป็นประกายด้วยความสุขใจอย่างชัดเจน เพราะถึงอย่างไร ยิ่งหานโม่ฉือแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด พวกเขาก็จะมีโอกาสคว้าชัยชนะได้มากขึ้นเพียงนั้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดี
“ไปกันเถอะ”
หานโม่ฉือไม่อธิบายสิ่งใดให้มากความ เขาเพียงเดินนำออกไปและเหาะตรงไปยังที่พักชั่วคราวของตน คนอื่น ๆ ก็ตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ภายในเวลาครึ่งวัน ทุกคนก็ปรากฏตัวในคฤหาสน์หลังเล็กบนภูเขาซึ่งดูงดงามดุจสวรรค์บนดิน
ที่นี่คือที่พักชั่วคราวของหานโม่ฉือและเป็นอาณาเขตที่องครักษ์ปีศาจเหล่านั้นไม่อาจคาดเดาหรือย่างกรายเข้ามาได้
“นายท่าน เราจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ ?”
ทุกคนรวมตัวกันในห้องหนึ่งและสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หานโม่ฉือเพื่อรอฟังคำสั่งต่อไป
“เก็บตัวสงบเสงี่ยมต่อไปก่อน เราจะเริ่มเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อมั่นใจว่ามีโอกาสชนะมากพอสมควร คนพวกนั้นทราบแล้วว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่พวกเขาไม่มีทางคาดเดาได้ว่าข้ากลับมาที่โลกปีศาจแห่งนี้แล้ว”
หานโม่ฉือไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนอธิบายแผนการออกไป
ตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถรับมือกับคนเหล่านั้นอย่างซึ่ง ๆ หน้าได้ เพราะเหตุนั้นจึงทำได้เพียงเก็บตัวอย่างลับ ๆ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม หานโม่ฉือจะเปิดเผยตัวอย่างแน่นอนและชำระความแค้นกับคนเหล่านั้นเพื่อทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของเขา !
“ขอรับ”
ทุกคนพยักศีรษะตอบตกลงอย่างไม่ลังเล การปรากฏตัวของหานโม่ฉือทำให้พวกเขามีเสาหลักที่พึ่งพิงได้และไม่ต้องหวาดหวั่นใจเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไป พวกเขายินดีเฝ้ารออย่างใจเย็นจนถึงวันที่จะได้เอาคืนคนชั่วเหล่านั้นอย่างสาสม
“ข้าจะเก็บตัวบ่มเพาะสักระยะ ในระหว่างช่วงนี้ พวกเจ้าทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของลุงรองไปก่อน”
หานโม่ฉือกล่าวต่อและพยักศีรษะให้กับบุรุษที่ดูแก่ชราที่สุดในกลุ่ม
บุรุษชราก็เข้าใจความหมายของหานโม่ฉือได้เป็นอย่างดีและพยักศีรษะเบา ๆ ระหว่างช่วงการเก็บตัวของหานโม่ฉือ เขาจะจัดการดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างเอง…
ณ วิหารเมฆาโบยบิน ฉินอวี้โม่ก็เดินตามสตรีนามว่าเฟยโม่เพื่อท่องชมไปทั่วบริเวณ ทว่าขณะกำลังจะหาสถานที่สำหรับพักผ่อน พวกนางก็ถูกขวางไว้โดยใครบางคน