เมื่อเห็นว่าไคลน์นิ่งเงียบไป ลาร์เรี่ยน ราชาคณะแห่งโบสถ์เทพสงครามเผยสีหน้าเคร่งขรึม
“นอกจากนั้น การร่วงหล่นของพระองค์จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ในท้ายที่สุด พระองค์จะกลับมายืนชีพภายในตัวข้า”
“…” ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยิน มันไม่ทราบว่าเทวทูตฝั่งตรงข้ามถูกสั่นคลอนหลักยึดเหนี่ยวจนใกล้คลุ้มคลั่งไปแล้ว หรือเพราะถูกเทพสงครามล้างสมองอย่างหนักกันแน่ เพราะนั่นฟังดูไม่ต่างอะไรกับการเกิดมาเป็น ‘อะไหล่’ ของอีกฝ่าย
อย่าว่าแต่เทพแท้จริงลำดับ 0 เลย กระทั่งราชาเทวทูตหรือเทวทูตบางตนยังมีวิธีที่ทำให้ตัวเองไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์!
“เจ้าคงทราบดีว่าอีกเพียงสิบกว่าปีก็จะเกิดวันสิ้นโลก ข้าเกรงว่าเทพสงครามอาจฟื้นคืนชีพไม่ทัน” ไคลน์พยายามดึงสติอีกฝ่ายด้วยความจริงอันโหดร้าย
ลาร์เรี่ยนพ่นลมหายใจ
“พลังของเทพ คนเยี่ยงเจ้าคงไม่มีวันจินตนาการออก”
มันไม่เปิดโอกาสให้ไคลน์ปั่นประสาท เพียงยิ้มและชิงกล่าว
“สรุปโดยสั้น ข้าจะไม่เจรจากับเจ้า จงสวดวิงวอน… วิงวอนถึงรัตติกาล วิงวอนให้เทพที่เจ้าศรัทธาช่วยผนึก 0-02! ส่วนข้าก็แค่รออีกไม่เกินสี่สิบวินาทีก็จะได้ออกไปจากที่นี่”
ไคลน์ทำเพียงแหงนมองผืนม่านสีดำที่ห้อยลงมาจากมุมสูงโดยไม่กล่าวคำใด จากนั้นก็ปล่อยให้ร่างวิญญาณกลับไปยังห้องสมุดที่มีหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์วางอยู่
“คุณพอจะมีวิธีหรือยัง” ชายหนุ่มถามเสียงเร่งเร้า
อาเรียนน่าส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ลาร์เรี่ยนกล่าวเช่นไร”
“เจ้านั่นบอกให้เราสวดวิงวอนถึงทวยเทพเพื่อผนึก 0-02…” ไคลน์ชะงักระหว่างคำพูด
หากฟังผิวเผิน คำพูดของลาร์เรี่ยนไม่มีจุดใดเป็นปัญหา แต่ความจริงแล้วมันเผลอเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญมากโดยไม่ได้ตั้งใจ:
มันเชื่อว่าเทพแท้จริงสามารถผนึก 0-02 ได้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!
เช่นนั้นแล้ว เทพพึ่งพาสิ่งใดในการผนึก? กำราบด้วยระดับตัวตนของลำดับ 0? หรือใช้พลังมหาศาลที่สามารถทำลายล้างโลก? คำถามมากมายผุดขึ้นในใจไคลน์
ทันใดนั้นเอง หนังสือทองแดงทรันซอสต์พลิกเป็นหน้าเปล่าเพื่อเขียนอักษรสีเงินทีละคำ – ภาษาที่ใช้เป็นชนิดเดียวกับที่ปรากฏบนศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่ง คล้ายกับภาษารากของทุกภาษาซึ่งกำลังใช้กันในปัจจุบัน
เพียงพริบตา ตัวหนังสือสีปรอทเรียงตัวกลายเป็นประโยค:
“ห้องสมุดเทศบาลเบลดันเป็นสถานที่จัดเก็บหนังสือทองแดงทรันซอสต์ ถือเป็นเขตหวงห้ามสำคัญ ผู้ที่ใดเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์จะถูกลงโทษสถานหนัก”
เป็นการยกระดับความรุนแรงของบทลงโทษ ถ้าปล่อยไว้เราอาจได้รับโทษประหาร… รูม่านตาไคลน์ขยายออกเล็กน้อย
ทว่า มันมิได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ชายหนุ่มยิ้มด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเปี่ยมศรัทธา
“ความปรารถนาของข้าก็คือ ลดขนาดห้องสมุดเทศบาลเบลดันลง ให้ตำแหน่งปัจจุบันของข้ากับมาดามอาเรียนน่ากลายเป็นเส้นแบ่งเขต”
ทันทีที่สิ้นเสียง ชายหนุ่มยกมือขึ้นพร้อมกับดีดนิ้วเพื่อบันดาลให้ความปรารถนาของตนเป็นจริง
ท่ามกลางเสียงดีดนิ้วที่ดังกังวาน สนามหญ้าภายในเขตห้องสมุดเทศบาลเบลดันพลันอันตรธานหาย อาคารเริ่มหดตัว กำแพงขยับเข้ามา เพียงไม่นานก็มีขนาดเหลือแค่หนึ่งในสิบจากของเดิม
ไคลน์และอาเรียนนา ‘ออกมา’ ยังด้านนอกหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน สายตามองผ่านหน้าต่างเข้าไปยังหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ที่ยังคงอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยม
ระยะห่างจากพวกมันและเป้าหมายยังคงเท่าเดิม ยังคงอยู่ใกล้กันมาก แต่จะไม่ได้รับบทลงโทษร้ายแรงในข้อหาบุกรุกสถานที่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไคลน์และอาเรียนน่าทำการฝ่าฝืนกฎเคอร์ฟิวเป็นครั้งแรก ทั้งสองจึงถูกแส้ล่องหนเฆี่ยนอีกครั้ง
หลังจากสั่งสมความปรารถนาในการซ่อมแซมบ้านเรือนของผู้คนจนถึงจำนวนหนึ่ง ไคลน์สามารถสร้างปาฏิหาริย์ในระดับนี้ได้แล้ว!
ชายหนุ่มไม่ขอพรใดอีก สมองเปลี่ยนไปวิเคราะห์ความนัยที่แฝงมากับคำพูดของราชาคณะแห่งโบสถ์เทพสงคราม:
ลำพังระดับตัวตนของเทพคงผนึกสิ่งนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสัมผัสวิญญาณคงแจ้งเตือนเรานานแล้ว และอาจแนะนำให้ใช้ออร่าของปราสาทต้นกำเนิดเพื่อผนึกมัน…
จากความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับ นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะ 0-02 ต้องมีความเกี่ยวพันบางอย่างกับแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดบางชนิด ลำพังระดับตัวตนของลำดับ 0 คงไม่สูงพอที่จะผนึก…
ผนึกด้วยพลังอำนาจของทวยเทพโดยตรง? นั่นก็อาจทำได้ แต่คงไม่ใช่วิธีผนึกที่แท้จริง เพราะลาร์เรี่ยนเองก็ทราบวิธีผนึกโดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทพ…
เทพลำดับ 0 ยังมีความพิเศษใดอีก? แล้วตัวตนอย่างเทวทูตจะใช้วิธีใดในการอาศัยความพิเศษดังกล่าวเพื่อผนึก?
สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับเทพที่เรานึกออกในตอนนี้… ลำดับ 0 ทุกคนจะต้องมีเอกลักษณ์ของเส้นทางอยู่กับตัว และเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถอัญเชิญออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ได้ เพราะมันยึดถือคุณลักษณะของ ‘เอกลักษณ์’ ที่ต้องมีเพียงหนึ่งเดียว
แต่เทวทูตจะจำลอง ‘เอกลักษณ์’ ทางอ้อมได้ยังไง?
กระแสความคิดมากมายแล่นผ่านสองไคลน์จนเกิดประกายไฟนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เข้าไม่ถึงแก่นสำคัญของปัญหา
ทันใดนั้นเอง ตัวหนังสือสีเงินเริ่มก่อตัวบนหน้าหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์อีกครั้ง คล้ายกับต้องการสร้างประโยคใหม่ขึ้นมาจำแนกให้ไคลน์และอาเรียนน่ากลายเป็นกลุ่มที่ต้องถูกลงโทษ
หลังจากสังเกตมาสักพัก อาเรียนน่ากล่าวขึ้น
“ข้าจะทำการ ‘ซ่อน’ ดินใต้โต๊ะเพื่อทำให้ 0-02 ตกลงไปยังใจกลางโลก เจ้าเตรียมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันให้ดี”
ซ่อนดิน… ตกลงไปยังใจกลางโลก… สมองไคลน์ประมวลผลทันทีที่ได้ยิน จากนั้นก็พบว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจ
หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ห้ามแค่การ ‘สัมผัสตัว’ และ ‘เปลี่ยนสถานะ’ ของตัวมัน ดังนั้นการลงมือกับสภาพแวดล้อมจึงไม่ถือว่าละเมิดกฎ และกฎที่ห้ามไคลน์กับอาเรียนน่าเข้าไปในห้องสมุดเทศบาลก็ย่อมไม่เข้าข่าย เพราะกฎไม่ได้ห้ามการใช้พลังเข้าไปด้านใน
และเมื่อ 0-02 ที่สามารถผ่านเข้าออกเบลดันได้อย่างอิสระถูกส่งลงไปยังใจกลางโลก มันจะสูญเสียอิทธิพลที่กระทำต่อเมืองเบลดันทันทีเพราะอยู่ห่างเกินไป กฎทั้งหมดที่เคยกำหนดไว้ก็จะคลายออก เว้นแต่มันจะลืมตาตื่นขึ้นมากกว่าเดิมจนขอบเขตการประกาศกฎหมายขยายใหญ่ขึ้น
แต่เมื่อถึงตอนนั้น ไคลน์และอาเรียนน่าซึ่งไม่ถูกผูกมัดด้วยกฎ สามารถขอความช่วยเหลือจากเทพธิดารัตติกาลได้โดยตรง!
ทว่า ขณะอาเรียนน่าเตรียมลงมือ ข้อกฎหมายใหม่ได้ถูกบัญญัติเพิ่ม:
“ห้องสมุดเทศบาลเบลดันเป็นสถานที่จัดเก็บหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ ถือเป็นเขตหวงห้ามสำคัญ ห้ามมิให้สิ่งมีชีวิตหรือวัตถุใดสร้างความเสียหายกับมันในทุกแง่มุม”
0-02 ก็เล็งเห็นช่องโหว่นี้เหมือนกัน… ช่องโหว่… ขณะไคลน์ขมวดคิ้ว มันฉุกคิดถึงประเด็นหนึ่งในอดีต:
‘เอกลักษณ์’ ของเทพลำดับ 0 อาจเป็นกุญแจสำคัญในการผนึก 0-02 ก็จริง แต่วิธีใช้งานไม่น่าจะเป็นการยืมพลังจากมันโดยตรง
วิธีผนึกที่ถูกต้องอาจกระทำโดยการพึ่งพาคุณลักษณะของ ‘เอกลักษณ์’ เพื่อกระตุ้นให้ 0-02 สร้างกฎที่ขัดแย้งขึ้นมา จนกระทั่งมันตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งที่ไม่มีวันจบสิ้น!
ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าจะเทวทูต นักบุญ หรือแม้แต่คนธรรมดาก็สามารถผนึกได้ด้วยตัวเอง กุญแจสำคัญอยู่ที่การคิดหาความขัดแย้งและล่อลวงให้หนังสือกำหนดมันขึ้นมา
สำหรับวิธีผนึก 0-02 ก่อนที่มันจะสร้างกฎขึ้นมาแก้ไข ‘วังวนความขัดแย้งอนันต์’ ไคลน์ยังคิดไม่ตก จำเป็นต้องสังเกตพฤติกรรมเพื่อเก็บข้อมูลต่อไปอีกสักพัก
ก่อนอื่น เราจะสร้างความขัดแย้งได้ยังไง… ไคลน์นึกทบทวนกฎทั้งหมดที่ 0-02 เคยกำหนดไว้ รวมถึงจุดประสงค์ในการออกกฎ
ภายในไม่กี่วินาที ชายหนุ่มจับจุดที่อาจสร้างวังวนอนันต์ขึ้นมาได้ จึงรีบหันไปพูดกับอาเรียนน่า
“มาดาม เราจะไม่สร้างความเสียหายกับห้องสมุดเทศบาลโดยตรง แต่จะ ‘ซ่อน’ ดินในส่วนที่เหลือของเบลดันแทน ทำให้เมืองนี้ขาดการค้ำจุนและตกลงไปสู่ใจกลางโลก”
อาเรียนน่ายังไม่ลงมือ เพียงหันหน้ามาจ้องไคลน์ด้วยดวงตาลุ่มลึก
“นั่นจะทำให้พลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก”
“หากมีสองสิ่งที่อันตราย เราต้องเลือกสิ่งที่อันตรายน้อยกว่า” ไคลน์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
อาเรียนน่าไม่ตอบสิ่งใดอีก เพียงเงียบไปสักพักคล้ายกับความคิดภายในใจเกิดการต่อสู้กัน หรือไม่ก็กำลังเตรียมตัวลงมือ
ทันใดนั้นเอง บนหน้าหนังสือทองเหลืองซึ่งมีกฎถูกเขียนไว้แล้วสองข้อ เริ่มเขียนประโยคใหม่อีกครั้งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
“เบลดันเป็นเมืองที่มีหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์จัดเก็บอยู่ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยแท้จริง ห้ามมิให้สิ่งมีชีวิตหรือวัตถุใดสร้างความเสียหายกับมันได้ในทุกแง่มุม”
ได้เห็นข้อความดังกล่าว ไม่เพียงไคลน์จะไม่ผิดหวัง มันกลับอมยิ้ม
ชายหนุ่มดีดนิ้วเพื่อเสกเปลวไฟสีแดงลุกไหม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ เพียงไม่นานก็ลุกท่วมร่าง
ผ่านไปไม่กี่วินาที เปลวไฟลูกหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า ไคลน์กระโดดออกมาพร้อมกับใครบางคน
เป็นหนึ่งในสี่ผู้วิเศษที่มันเคยช่วยไว้ ไบลส์ผู้เป็นชาวเมืองเบลดัน!
“รีบเข้าไปข้างในและพลิกหน้าหนังสือ” ไคลน์ชี้ไปยัง 0-02 บนโต๊ะสี่เหลี่ยมพลางออกคำสั่งกับไบลส์
แม้ไบลส์จะไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันเชื่อใจมิสเตอร์นักมายากลที่เคยประทานพรสองข้อให้ตนโดยไม่เคลือบแคลง ภายในใจรู้สึกว่านี่คือวิธีนำพาเบลดันออกจากสถานการณ์อันเลวร้าย ดังนั้นหลังจากสูดลมหายใจยาว ไบลส์ก้าวเข้าไปในห้องสมุดเทศบาลขนาดย่อส่วนผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดอยู่
ระหว่างนั้น มันไม่ได้รับการลงโทษชนิดใดเลย ไม่แม้แต่จะถูกเฆี่ยน!
ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์ฉีกยิ้มกว้าง
0-02 เกิดวังวนความขัดแย้งอนันต์แล้ว!
เนื่องจากการดำรงอยู่ของอาโรเดส หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์จึงต้องสร้างข้อห้ามที่ครอบคลุมไว้เสมอ และล่าสุดมันห้ามมิให้ใครหรือวัตถุใดสร้างความเสียหายต่อเมืองเบลดันในทุกแง่มุม
และคำว่า ‘เมืองเบลดัน’ ย่อมไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะภูมิประเทศหรือสิ่งก่อสร้าง แต่ยังรวมถึงชาวเบลดันด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ หาก 0-02 ทำการลงโทษไบลส์ซึ่งเป็นพลเมืองของเบลดันจนเกิดความเสียหาย นั่นหมายความว่ามันจะละเมิดกฎที่ตัวเองตั้งไว้ แต่ถ้าไบลส์ไม่ถูกลงโทษ กฎห้ามบุกรุกห้องสมุดเทศบาลก็จะเสื่อมมนต์ขลังลง ดังนั้น สถานการณ์ปัจจุบันจึงส่งผลให้หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์กำลังตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งอนันต์!
แต่แน่นอน ไคลน์ทราบดีว่าวังวนอนันต์จะคลายออกถ้าหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ออกกฎข้อใหม่มาแก้ไข จึงได้แต่หวังให้ไบลส์ที่สามารถพลิกหน้าหนังสือ ค้นพบเบาะแสสำคัญในการผนึกมันโดยเร็ว!
“ถ้าหนังสือเขียนประโยคใหม่ใกล้เสร็จ ให้คุณรีบหนีออกมาทันที” ไคลน์จ้องไปยังไบลส์และ 0-02 ขณะออกคำสั่ง
…………………………