ราชันเร้นลับ 1289 : ปั่นหัว

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

หลังจากกลับมายังบ้านของไบลส์ โดยไม่รอให้รอยและคนที่เหลือถามสิ่งใด ไคลน์ดึงเก้าอี้ออกมานั่งพร้อมกับขอพรตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้าปรารถนาให้พลังวิญญาณได้รับการฟื้นฟู”

ทันทีที่สิ้นเสียง ชายหนุ่มยกมือขวาดีดนิ้วเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตัวเอง ทันใดนั้น พลังวิญญาณของมันฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติ

ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เหยียดฝ่ามือข้างซ้ายออก เตรียมยุติภาพฉายของ ‘ม่าน’ และอัญเชิญผืนใหม่ออกมาปิดกั้นโลกวิญญาณรอบเมืองเบลดันต่อไป เพื่อป้องกันมิให้ลาร์เรี่ยน ราชาคณะของโบสถ์เทพสงครามหลบหนี

“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น พลาดครั้งนี้ก็ยังมีครั้งถัดไป” อาเรียนน่าส่ายศีรษะ เป็นนัยว่าไคลน์ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญภาพฉายของม่านที่มีต้นกำเนิดมาจากหมาป่าอสูรมทิฬอีกแล้ว

ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของพลังความปรารถนาก็คือ ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาเดิมจากผู้ขอพรคนเดิมได้ติดๆ กัน นั่นจึงหมายความว่า ไคลน์ต้องรออีกอย่างน้อยหนึ่งถึงสองชั่วโมงกว่าจะขอพรเติมพลังวิญญาณได้ใหม่

แน่นอน สำหรับเทวทูตเส้นทางนักทำนายที่มากประสบการณ์ ข้อจำกัดดังกล่าวยังพอจะมีวิธีหลบเลี่ยง ยกตัวอย่างเช่น มันสามารถบอกให้พาชา รอย ไบลส์ และอาเรียนน่าผลัดกันขอพรให้พลังวิญญาณของไคลน์·โมเร็ตติถูกฟื้นฟู จากนั้นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ก็จะเติมเต็มความปรารถนาดังกล่าว

แต่ปัญหาคือ แม้ว่าชายหนุ่มจะฟื้นฟูพลังวิญญาณได้หลายครั้ง แต่ทั้งหมดนั่นก็ไม่ช่วยให้คงสภาพ ‘ม่าน’ ซึ่งทัดเทียมลำดับ 1 ได้ต่อเนื่องนานถึงหนึ่งชั่วโมง ไม่ว่าอย่างไรม่านก็จะสลายไปก่อนที่ 0-02 จะล้างกฎและเขียนใหม่

ไตร่ตรองสักพัก ไคลน์พยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มตอบ

“ลองดูก่อนก็คงไม่เสียหาย เพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้พวกเราก็ว่างอยู่ ผมจะยอมแพ้ก่อนการขอพรเติมพลังวิญญาณครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโชคของราชาคณะด้วย… บางทีในระหว่างนี้ เขาอาจคลุ้มคลั่งเพราะความวิตกกังวล หงุดหงิด และเครียดก็ได้ ใครจะไปรู้”

ขณะกล่าว ไคลน์ยกเลิกม่านผืนเก่าและเหยียดมือซ้ายไปด้านหน้า จากนั้นก็ลากม่านผืนใหม่ออกมาและส่งมันไปปกคลุมโลกวิญญาณรอบเมืองเบลดัน

ท่ามกลางสีสันฉูดฉาดที่ซ้อนทับ ลาร์เรี่ยนซึ่งแต่งกายในชุดคลุมสีดำขอบขาวและหมวกทรงสี่เหลี่ยม สัมผัสได้ว่าข้อจำกัดโดยรอบเลือนหายไป แต่เมื่อมันเตรียมหลบหนี ม่านผืนใหม่กลับถูกโปรยลงมาอีกครั้งและตัดขาดบริเวณโดยรอบออกจากโลกภายนอก

รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้ามันพลันแข็งทื่อ

ฟู่ว… ไม่กี่วินาทีถัดมา ลาร์เรี่ยนถอนหายใจเชื่องช้าพร้อมกับควบคุมสติ รอคอยอย่างสงบต่อไป

หลายสิบนาทีถัดมา ราชาคณะแห่งโบสถ์เทพสงครามต้องเผชิญกับความคับแค้นใจหลายครั้ง โดยทุกครั้งความหวังจะปรากฏขึ้นตรงหน้าแต่สุดท้ายก็เลือนหายไป

มันพยายามค้นหาหลักการ ค้นหาช่วงเวลาที่แน่นอน เพื่อรอคว้าโอกาสเพียงเสี้ยววินาทีขณะม่านผืนเก่าหายไปและม่านใหม่ยังไม่ปรากฏ

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดมันก็พบว่าความห่างในแต่ละครั้งล้วนไม่มีกฎตายตัว บุคคลที่กีดขวางการหลบหนีของตนไม่ได้สลายม่านในตอนที่พลังวิญญาณใกล้หมดเสมอไป บ้างก็ลงมือก่อนเป็นเวลานาน

หากไม่ใช่เพราะชาวฟุซัคไม่ได้ถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนา และข่าวคราวการทรยศของลาร์เรี่ยนยังไม่แพร่กระจายออกไป เทวทูตแห่งเส้นทางคนยักษ์คงไม่มีทางคงสติมาได้นานขนาดนี้ อาจต้องกลายเป็นคลุ้มคลั่งอยู่ภายในโลกวิญญาณ

ผ่านไปอีกสักพัก ลาร์เรี่ยนสัมผัสถึงการสลายตัวของม่านผืนเก่า

แต่คราวนี้ไม่มีม่านผืนใหม่ถูกสร้างขึ้น

เจ้านั่นถึงขีดจำกัดแล้วสินะ… ลาร์เรี่ยนโล่งใจเป็นอย่างมาก มันไม่ลังเลอีกต่อไป รีบย้ายตัวเองออกจากอาณาจักรแห่งเทพเทียมที่เลือนหายไป

ในวินาทีถัดมา มันเห็นสตรีไร้หัวที่แต่งกายในเดรสสีเข้ม กำลังถือสี่หัวทองตาแดงไว้ในมือสองข้าง เห็นสิ่งมีชีวิตนิรนามที่ทั่วร่างพันด้วยผ้าพันแผลและมีของเหลวสีน้ำตาลอมเหลืองไหลออกมาจากทุกจุด เห็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังและแปลกประหลาดอีกมากมาย

ม่านที่ไคลน์อัญเชิญออกมาหลายครั้งล้วนเป็นภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่มีออร่าของปราสาทต้นกำเนิดปะปนอยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะดึงดูดสิ่งมีชีวิตซึ่งที่อ่อนไหวต่อปราสาทต้นกำเนิด หรือต่อให้ในกลุ่มนี้มีอามุนด์ร่วมอยู่ด้วยก็คงไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด!

รอยยิ้มเล็กๆ ของลาร์เรี่ยนพลันแข็งทื่ออีกครั้ง

เมืองเบลดัน ภายในห้องเช่าของไบลส์

ไคลน์แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนจะพึมพำ

“น่าทึ่งมาก…”

มันกลับไปเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งกระจกวิเศษฉายแสงวารีเพื่อเผยให้เห็นสถานะปัจจุบันของกระดานข่าวสาร

กฎและส่วนขยายบนกระดาษ ทยอยเลือนไปตามลำดับการปรากฏ เรียงจากหลังไปหน้า

หมายความว่า 0-02 เริ่มลบกฎที่มันเขียนขึ้นและเตรียมจะเริ่มต้นใหม่

ทันทีที่เคอร์ฟิวถูกยกเลิก ไคลน์ซึ่งกำลังจดจ่อมาสักพัก รีบใช้พลังกระโจนเพลิงเพื่อพามาดามอาเรียนน่าไปโผล่ที่ด้านนอกห้องสมุดเทศบาลซึ่งถูกย่อส่วน

ชายหนุ่มเพ่งมองและพบว่ากฎต่างๆ บนหน้าทองเหลืองกำลังถูกลบด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาก็เหลือเพียงประโยค ‘กฎหมายทั้งหมดหลังจากส่วนนี้ถือเป็นโมฆะ’ อยู่กึ่งกลางเล่มหนังสือ

ทันทีหลังจากนั้น ประโยคดังกล่าวเลือนหายไป กฎใหม่ถูกเขียนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีช่องว่าง

“หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์เป็นสิ่งที่ค้ำค่าที่สุด ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุชิ้นใดแตะต้องมันได้…”

ยังไม่ทันที่กฎดังกล่าวจะเขียนเสร็จ อาเรียนน่าหายตัวไปโผล่ด้านข้างโต๊ะสี่เหลี่ยม จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วสัมผัสลงบนหน้าหนังสือที่ทำจากทองเหลือง

ปึด! คอของผู้นำนักบวชรัตติกาลพลันถูกรัดแน่นด้วยสิ่งที่คล้ายกับเชือกล่องหน

แม้แต่เทวทูตอย่างเธอก็ยังกระดูกหักและหายใจลำบาก

ประหารโดยการแขวนคอ!

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ปลายนิ้วของอาเรียนน่าเริ่มขยับไปบนหน้าหนังสือ กฎข้อแรกที่เพิ่งปรากฏพลันถูก ‘ยางลบ’ ลบออกก่อนจะได้เรียงตัวจนเสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้เข้าสู่สภาวะ ‘ซ่อนเร้น’ ทันที

และต้องไม่ลืมว่า กฎทุกข้อที่ถูกกำหนดโดย 0-02 จะต้องถูกประกาศหรือแจ้งให้ทราบจึงจะมีผลบังคับใช้!

ฟ้าว! อาเรียนน่าคว้าหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์และโยนมาทางไคลน์ที่ยืนรอด้านนอกหน้าต่างสูงพื้นจรดเพดาน

ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ไคลน์ลองคาดเดาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดและปรึกษาหารือกับอาเรียนน่าอย่างละเอียด เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า ชายหนุ่มมิได้ตื่นตระหนกหรือประหม่า ขณะ 0-02 กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ไคลน์ดึงตัวเองที่สวมถุงมือหนังมนุษย์ออกจากความว่างเปล่า

จากนั้นก็คว้าหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์และบังคับให้ภาพฉายของตัวเองใช้พลังเทเลพอร์ตจากถุงมือ

เมื่อร่างชายหนุ่มเลือนหายไป อาเรียนน่าทรุดตัวลงกับพื้นทันทีจนเกิดเสียงดัง รอบคอมีรอยรัดลึกจนเห็นได้ชัด

ไม่กี่วินาทีถัดมา ไคลน์ที่ถือ 0-02 ปรากฏตัวบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส จากนั้นก็ใช้ ‘เนตรวิญญาณ’ ระดับเทวทูตค้นหาจนพบซากกำแพงวังที่พังทลาย ทรุดโทรม และรายล้อมด้วยสายหมอก

โดยปราศจากความลังเล ไคลน์ส่งหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ให้ภาพฉายของตัวเอง จากนั้นก็บังคับให้มัน ‘บลิงค์’ ไปยังทางเข้าหลักของวังและใช้มือกระแทกประตูเข้าไป

ฉากเบื้องหน้าคือห้องโถงที่มีศพจำนวนมากถูกแขวนไว้บนเพดาน แต่ละศพแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มีทั้งชายและหญิงแต่งกายในชุดที่หลากหลาย บ้างหรูหรา บ้างเรียบง่าย บ้างประณีต และบ้างก็เป็นกันเอง

ด้านหลังศพถูกแขวนมีหนวดรยางค์โปร่งใสและเรียบเนียนจำนวนมาก ผิวหนวดเต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อน หนวดทั้งหมดเหยียดออกมาจากเก้าอี้หินโบราณในส่วนลึกของห้องโถง

บนเก้าอี้หินยักษ์ หนอนโปร่งใสและดีดดิ้นกำลังกระจุกตัวเป็นก้อนกลม พวกมันชอนไชอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับเหยียดหนวดรยางค์พิสดารออกไปโดยรอบ

ไม่ใช่ใครนอกจากฮาล์ฟฟูลแห่งตระกูลอันทีโกนัสที่คลุ้มคลั่งและเสียสติ!

เมื่อสัมผัสได้ว่าภาพฉายของไคลน์เปิดประตูเข้ามา กลุ่มหนอนสีใสคลานออกจากเก้าอี้ทันที จากนั้นก็โบกสะบัดหนวดรยางค์ผิวเรียบจำนวนมากด้วยความบ้าคลั่ง หนวดทุกเส้นพุ่งไปทางประตูโดยพร้อมเพรียงประหนึ่งถูกดึงดูดโดยอิทธิพลที่มองไม่เห็น

ในทำนองเดียวกัน ที่ด้านล่างของเก้าอี้หิน ไพ่ทาโรต์ซึ่งมีใบหน้าของโรซายล์และถูกเขียนด้วยแสงสว่าง ถูกดีดลอยไปทางประตูหน้าทันที

ได้เห็นฉากตรงหน้า ภาพฉายของไคลน์พลันสติแตกในพริบตา โชคดีที่มันไม่มีปัญญาเป็นของตัวเอง และกำลังถูกควบคุมด้วยร่างต้นไคลน์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ห่างออกไป มันจึงไม่ได้ผลกระทบทางความคิดที่เกิดจากภาวะสติแตก ร่างกายมิได้หยุดนิ่งอย่างสิ้นสภาพ

ก่อนจะเลือนหายไป ภาพฉายทำการขว้างหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ในมือ ไปทางกลุ่มก้อนหนอนสีใสที่น่าสะพรึง

หนวดรยางค์โปร่งใสสัมผัสได้ถึงอันตรายทันที พวกมันตอบสนองตามสัญชาตญาณโดยไม่การไม่เข้าไปรัดพันรอบสมบัติปิดผนึก 0-02

อาศัยปัจจัยดังกล่าว รวมถึงอิทธิพลจาก ‘สายลมกระโชก’ ที่มองไม่เห็น ไพ่เดอะฟูลได้ลอยมาถึงหน้าประตูก่อนกลุ่มหนวดประหลาด

ภาพฉายไคลน์ที่ใกล้จะเลือนหายเต็มที เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า มันรีบยื่นแขนออกไปคว้าตามจิตใต้สำนึก จับไพ่เย้ยเทพโยนมาทางด้านหลัง

ในวินาทีถัดมา หนวดรยางค์ที่เริ่มได้สติรีบเหยียดยาวออกมาทางประตู แต่ทั้งหมดก็ถูกสายหมอกกีดขวางไว้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากกระหน่ำทุบบาเรียล่องหนอย่างบ้าคลั่ง

บานประตูปิดสนิทด้วยความบรรจง ตัดขาดภายในและภายนอกโดยสิ้นเชิง

ไคลน์ที่ซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจกำลังยินดีเจือผ่อนคลาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคลางแคลง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เรานำ 0-02 มาแลกกับไพ่เดอะฟูล? เทพธิดายังไม่ต้องการให้เราแวะไปที่เมืองกัลเดรอนเพื่อค้นหาเบาะแสของแม่น้ำอันธการนิรันดร์ตอนนี้? ไคลน์พึมพำเงียบ ก่อนจะเดินออกจากที่ซ่อนมายังหน้าวังโบราณซึ่งอยู่ไม่ไกลจากผืนดิน โน้มตัวลงและหยิบไพ่เย้ยเทพ

หน้าไพ่คือโรซายล์·กุสตาฟที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน สวมหมวกหรูหรา ถือไม้เท้าและย่ามสัมภาระ ดวงตาโหยหาอนาคต ด้านหลังมีลูกสุนัขหนึ่งตัว

ณ มุมซ้ายบนของไพ่ แสงดาวที่สว่างไสวเรียงเป็นคำ:

“ลำดับ 0: เดอะฟูล!”

ภายในวังโบราณ หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ตกลงบนพื้นและพลิกไปยังหน้าแรกของครึ่งหลัง

กฎใหม่ถูกเขียนขึ้น

“…หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์เป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด สิ่งมีชีวิตหรือวัตถุห้ามแตะต้องโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกตัดสินประหารชีวิต!”

“…สถานะของหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์คือสิ่งที่ห้ามเปลี่ยนแปลง ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกตัดสินประหารชีวิต!”

ขณะกฎสองข้อเพิ่งถูกเขียนเสร็จ โดยที่มันยังไม่ทันจะได้ ‘แจ้ง’ ให้เจ้าของสถานที่ทราบ ประโยคหนึ่งได้ปรากฏขึ้นระหว่างครึ่งแรกและครึ่งหลังของหนังสือ:

“กฎหมายทั้งหมดหลังจากส่วนนี้ถือเป็นโมฆะ”

ราวหนึ่งชั่วโมงถัดมา กฎสองข้อที่ถูกเขียนบนหน้าทองเหลืองทยอยเลือนหายไป และกฎใหม่ก็ถูกเขียนขึ้นมาแทนทันที แต่หลังจากผ่านไปได้แค่สองข้อ ประโยค ‘กฎหมายทั้งหมดหลังจากส่วนนี้ถือเป็นโมฆะ’ ก็ปรากฏขึ้นกลางเล่มอีกครั้ง – ลักษณะคล้ายกับ 0-02 ถูกเติมเต็มด้วยกฎครบทุกหน้าจนไม่สามารถเขียนเพิ่ม

ครั้งแล้วครั้งเล่า หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์เข้าสู่สภาวะวังวนอนันต์อย่างแท้จริง

………………………………