เมื่อหยิบไพ่เดอะฟูลมาถือ ไคลน์ดึงยุบพองหิวโหยออกจากความว่างเปล่า สวมไว้ที่มือซ้ายและเริ่มเทเลพอร์ต
หลังจากกลับมาที่ห้องสมุดเทศบาลซึ่งหดเล็กลง มันพูดกับบริวารอำพรางอาเรียนน่า
“ผมโยนเข้าไปในวังร้างบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส”
นั่นคือทางเข้าหมู่บ้านสายหมอก
สำหรับคำถามที่ว่า หลังจากนี้จะจัดการกับ 0-02 อย่างไร นั่นเป็นปัญหาของโบสถ์รัตติกาล
“ตกลง” อาเรียนน่าผงกศีรษะโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เธอเข้าสู่ภาวะซ่อนเร้นและหายตัวไปเหมือนกับภาพวาดที่ถูกลบ
เธอมิได้ขอบคุณชายหนุ่ม และไม่ได้เรียกร้องสิ่งตอบแทน เฉกเช่นทุกครั้งในอดีตที่ไคลน์ได้รับความช่วยเหลือจากเธอ
มาดามอาเรียนน่าทราบหรือไม่ว่าเราได้ไพ่เดอะฟูล? ไคลน์กวาดตาด้วยสีหน้าครุ่นคิด ตามด้วยถอนหายใจแผ่วเบาในความมืด
แม้เหตุการณ์เหนือธรรมชาติจะถูกแก้ไขภายในเวลาถึงสองชั่วโมง แต่ผู้คนจำนวนมากก็ยังล้มตายไปด้วย ‘กฏ’ ที่เข้มงวด
ชาวเมืองเบลดันที่นี่อาจเผลอทำผิดบ้างไม่มากก็น้อย แต่บทลงโทษที่พวกมันได้รับนั้นเกินกว่าความผิดไปมาก และเหยื่อที่น่าสงสารที่สุดคือเหล่านักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่แวะมายังเบลดัน หลายคนได้เผชิญกับฝันร้ายเพียงเพราะพวกมันไม่ใช่คนที่นี่
ไคลน์พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยปกป้องเหล่าคนนอก รวมไปถึงรอยและพวกพ้อง แต่เนื่องจากถูกตีกรอบด้วยกฎระเบียบ ทำให้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันทำไม่ได้ ประกอบกันการที่กฎของ 0-02 แทบไม่มีช่องโหว่น้อยให้ฉกฉวย ไคลน์จึงไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์อย่างการช่วยชีวิตทุกคน
หลังจากนี้คงต้องมุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้รอดชีวิต… ไคลน์ถอนสายตากลับและเตรียมเทเลพอร์ตไปยังบ้านไบลส์เพื่อสะสางอันตรายซ่อนเร้น
ทันใดนั้นเอง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ถือสี่หัวทองตาแดงไว้ในมือสองข้าง แต่งกายในเดรสยาวสีเข้ม เดินออกจากความว่างเปล่าในสภาพปากคาบเขาแพะสีดำหนึ่งกิ่ง
“เขาหนี…” “ไปใน…” “โลกวิญญาณ…” อีกสามหัวของมิสผู้ส่งสารกล่าวเรียงกัน
“สมแล้วที่เป็นอดีตราชาคณะ” ไคลน์ที่สัมผัสได้นานแล้ว ถอนหายใจอย่างไม่ตื่นตระหนก
จากนั้นก็ชี้ไปยังเขาแพะสีดำ
“ขอลาร์เรี่ยนหรือ”
เมื่อไคลน์รับช่วงต่อเขาแพะ ศีรษะของไรเน็ตต์ที่ไม่ได้พูดในตอนแรกกล่าวขึ้น
“ใช่”
แม้จะถูกคำสาปจำแลงกายของมิสผู้ส่งสารเล่นงาน หมอนั่นกลับยังตีฝ่าวงล้อมและหนีหายเข้าไปในโลกวิญญาณสำเร็จ แข็งแกร่งชะมัด… นี่น่ะหรือเทวทูตแห่งเส้นทางที่เก่งกาจด้านการประจันหน้าที่สุด? เพียงไคลน์สะบัดข้อมือ เขาแพะสีดำแตกออกเป็นละอองแสงทันที เศษเสี้ยวจิตใจที่ยังหลงเหลือพลันกระจัดกระจาย
อวัยวะที่ผู้วิเศษเหลือทิ้งไว้หลังจาก ‘จำแลงกาย’ จะมีตะกอนพลังแฝงอยู่ ซึ่งพวกมันจะไม่กลับคืนสู่ร่างกายเจ้าของ
หลังจากละอองแสงจัดระเบียบใหม่กลายเป็นตะกอนพลังลำดับ 9 8 7 และลำดับ 4 ไคลน์เลือกลำดับ 8 กลาดิเอเตอร์และส่งที่เหลือคืนให้มิสผู้ส่งสาร
“นี่เป็นรางวัลของคุณ ผมแค่คิดค่าข่าว”
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไม่มากพิธี เธอจับหนึ่งในหัวทองตาแดงเงยขึ้นและอ้าปาก ดูดกลืนตะกอนพลังลำดับ 9 7 และ 4 ของเส้นทางนักรบเข้าไป
หลังจากยืนมองมิสผู้ส่งสารหายตัวไปจากเบลดัน ไคลน์เทเลพอร์ตตัวเองไปยังบ้านของไบลส์และยิ้มให้ทุกคน
“ปัญหาถูกสะสางแล้ว พวกคุณไม่ใช่คนต่างถิ่นที่เป็นศัตรูกับชาวเมืองอีกต่อไป”
ขณะผู้วิเศษทั้งสี่เผยรอยยิ้มจากก้นบึ้งและเตรียมกล่าวคำขอบคุณ พวกมันเห็นมิสเตอร์นักมายากลดึงใครบางคนออกจากอากาศ
เป็นชายชราที่แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊ก ติดโบสีแดงเข้ม เสื้อนอกสุภาพ และกางเกงขายาวสีน้ำเงิน เส้นผมยังคงดกหนาแม้จะมีสีขาวโพลน บรรยากาศอ่อนโยนและสง่างาม
นี่คือหุ่นเชิดเฮอร์วิน·แรมบิสที่ไคลน์เคยครอบครอง ชายหนุ่มเตรียมจะใช้มันผนึกความทรงจำบางส่วนที่เกี่ยวกับ 0-02 ให้ไบลส์
การไม่ถูกกัดกร่อนด้วยแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดในเหตุการณ์ก่อนหน้า ไม่ได้หมายความว่าไบลส์จะปลอดภัยในตอนที่นึกถึงภายหลัง!
เนื่องจากไบลส์มีความทรงจำที่เกี่ยวข้องเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แถมยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับสมบัติปิดผนึกชิ้นนี้มากนัก วิธีผนึกความทรงจำนับว่าค่อนข้างง่าย ไคลน์จึงไม่ขอความช่วยเหลือจากมิสจัสติส และคิดจะทำเองผ่านอดีตหุ่นเชิด
“คุณยังไม่ได้เล่าสิ่งที่พบเจอในห้องสมุดเทศบาลให้พวกเขาฟังใช่ไหม?” ไคลน์บังคับให้เฮอร์วิน·แรมบิสเดินเข้าไปใกล้ขณะถามไบลส์
ไบลส์รีบส่ายหน้า
“ผมจำสิ่งที่คุณสั่งได้”
“ทำดีมาก หลังจากนี้ผมจะบำบัดจิตให้คุณ ช่วยให้คุณลืมข้อมูลเหล่านั้น หากไม่แล้ว คุณจะถูกเพ่งเล็งโดย 0-02 และมิอาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปจนตาย เชื่อผมเถอะ สมบัติปิดผนึกระดับนี้ทำได้แน่ แม้ว่ามันจะไม่อยู่แล้วก็ตาม” ไคลน์อธิบายจุดประสงค์อย่างเถรตรง
ริมฝีปากไบลส์สั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะพูด
“ตกลงครับ”
มันเลือกจะเชื่อและทำตาม
หลังจากขอให้รอย พาชา และฟิลออกไปรอด้านนอกห้องเช่า ไคลน์บังคับให้เฮอร์วิน·แรมบิสจัดการกับสภาพจิตใจ ช่วยให้ไบลส์ลืมเรื่องเกี่ยวกับหนังสือทองเหลืองและเนื้อหาด้านใน
จัดการเสร็จ ไคลน์บรรจงหยิบกระจกวิเศษออกมา เฝ้ามองมันสักพักและกล่าว
“อาโรเดส ยังมีภัยอันตรายซ่อนเร้นหลงเหลืออยู่อีกไหม”
บนผิวกระจกเงินโบราณ คลื่นวารีกระเพื่อมพร้อมกับการเรียงตัวของอักษรสีเงิน
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ในเบลดันไม่มีอันตรายซ่อนเร้นอีกแล้ว แต่สำหรับสถานที่อื่นๆ ภายในอาณาจักรโลเอ็นและฟุซัค ข้ามองเห็นได้ไม่ชัดเพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับพัน 0-02 โดยตรง… แต่หากเป็นท่าน เรื่องแค่นี้น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก”
“อา” ไคลน์พยักหน้ารับ หยิบเหรียญทองออกมาพร้อมกับพึมพำประโยคทำนายเสียงแผ่ว
กิ๊ง! เหรียญทองถูกดีดหมุนกลางอากาศ
ระหว่างนี้ ฉากต่างๆ ทยอยปรากฏขึ้นในความคิดไคลน์อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นภาพของปล่องไฟ ถนน และเมืองที่ดูธรรมดาจนยากจะระบุอย่างเฉพาะเจาะจง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย รวบรวมความคิดพลางยื่นมือออกไปรับเหรียญ
จากนั้นมันก็บอกให้พาชาและคนที่เหลือด้านนอกกลับเข้ามา ก่อนจะกล่าวกับรอย:
“ไม่อยากได้โอสถลำดับถัดไปหรือ? ลองขอพรสิ”
รอยเผยสีหน้าประหลาดใจทันที ก่อนจะถามด้วยเสียงประหม่า
“ผมยังขอพรได้อีกหรือ”
“ของขวัญน่ะ” ไคลน์ยิ้ม
หัวใจรอยพลันสั่นสะท้าน จากนั้นก็เลิกลังเล มันถือโอกาสนี้ขอพรเป็นโอสถลำดับถัดไป
ไคลน์โยนตะกอนพลังของโอสถลำดับ 8 กลาดิเอเตอร์ให้อีกฝ่าย
“โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งนี้มีค่าเทียบเท่าโอสถ แต่เพื่อความปลอดภัย ผมขอแนะนำให้คุณหาสูตรโอสถและรวบรวมวัตถุดิบเสริมมาปรุงดื่ม”
“มายากลของคุณช่างน่าทึ่ง” รอยขอบคุณด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
โอสถขวดแรกที่มันดื่มคือโอสถนักรบ แต่ในความเป็นจริง รอยกินตะกอนพลังนักรบเข้าไป แต่เนื่องจากวันสิ้นโลกใกล้เข้ามาทุกขณะ อีกทั้งยังเป็นโอสถในลำดับต่ำ รอยที่ค่อนข้างโชคดีจึงไม่เกิดภาวะคลุ้มคลั่ง ไม่มีแม้แต่อาการทางจิต
หลังจากนั้น เมื่อเข้าสู่โลกผู้วิเศษ มันมีโอกาสติดต่อกับผู้วิเศษคนอื่นมากขึ้น และได้ศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับในเชิงลึก ทำให้ทราบว่าพฤติกรรมก่อนหน้าของตนคือสิ่งที่อันตรายมาก จนไม่กล้าที่จะทำแบบเดิมอีกเลย
ได้ยินคำชมเชยจากรอย ไคลน์กวาดสายตาพลางยิ้ม
“หลังจากนี้ พวกคุณต้องตามผมออกจากเบลดัน ไม่ใช่เพราะที่นี่ยังมีอันตรายหลงเหลือ แต่เพราะผมต้องเติมเต็มความปรารถนาของพวกคุณ”
หนึ่งคือความปรารถนาของรอยที่ต้องการให้ไคลน์ช่วยพาออกจากเบลดัน และสองคือความปรารถนาของพาชาที่ขอให้ไคลน์ช่วยปกป้องพวกตนและพาออกจากเบลดันแบบยังมีชีวิต
แม้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การกระทำเช่นนี้จะไม่จำเป็นอีกแล้ว แต่สำหรับไคลน์ นี่เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจุดประสงค์ของชายหนุ่มคือการเติมเต็มความปรารถนาให้ผู้คน
ขอโทษนะ ฉันเป็นแค่ ‘เครื่องประทานพร’ ที่ไร้หัวใจ… ไคลน์รำพันจิกกัดตัวเองขณะยิ้มให้ไบลส์และคนที่เหลือ
พาชาและคนที่เหลือต่างหันมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าคัดค้านมิสเตอร์นักมายากล และเฉกเช่นทุกครั้ง พวกมันจับมือกันแน่น
จากนั้น ไคลน์พาทั้งสี่เทเลพอร์ตออกมายังด้านนอกเบลดัน
“การแสดงกลจบลงแล้ว คงถึงคราวต้องบอกลา” ไคลน์ถอนหมวกคำนับ พยายามทำตัวให้เหมือนนักมายากลพเนจรตัวจริง
มันสวมบทบาทจนติดเป็นนิสัย
ได้เห็นฉากตรงหน้า พาชารีบโพล่งขึ้น
“พวกเราขอทราบชื่อคุณได้ไหม”
ไคลน์ยิ้ม
“ผมมีชื่อมากมาย ต่างคนต่างเรียกผมในชื่อที่ต่างกัน คุณสามารถเรียกผมว่า ‘นักมายากลปาฏิหาริย์’ เมอร์ลิน·เฮอร์มิส”
“มิสเตอร์เฮอร์มิส คุณเป็นผู้เชื่อในเทพธิดาหรือ” รอยถามด้วยความลังเล
“…” ไคลน์ตอบไม่ถูกไปสักพัก มันต้องการตอบว่าเคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่
แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก ชายหนุ่มตัดสินใจสวมบทบาทเป็น ‘บริวารเร้นลับ’ ล่วงหน้า
มันหุบยิ้มพร้อมกับกล่าวเสียงขรึม
“สิ่งที่ผมเชื่อคือเดอะฟูล ราชันเร้นลับ ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ… หากคุณอยากมีความเชื่อแบบเดียวกับผม หรือต้องการศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ สามารถเดินทางไปยังหมู่เกาะรอสต์ในทะเลโซเนีย ที่นั่นมีผู้เผยแผ่คำสอนของพระองค์อยู่ ลอร์ดเดนิสผู้คอยเทศนาผู้คน”
นอกจากนั้น เมืองเงินพิสุทธิ์ยังมีสูตรโอสถเส้นทางนักรบจนถึงลำดับ 3… ไคลน์เสริมในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป
รอยพยักหน้าเล็กน้อย
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อของตัวตนผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ และปาฏิหาริย์ของคุณยิ่งทำให้พระองค์สง่างามและน่าเกรงขาม”
มันยังไม่ตกปากรับคำของมิสเตอร์เมอร์ลิน·เฮอร์มิสเพราะยังลังเลอยู่
พาชา ไบลส์ และฟิลก็เช่นกัน
ไคลน์ไม่กล่าวคำใด เพียงหันหลังและเดินจากผู้วิเศษทั้งสี่ ตรงไปยังเมืองเบลดันที่อยู่อีกฟากหนึ่ง
มันยังไม่ลืมจุดประสงค์ในการแวะมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้ และวางแผนที่จะเปิดห้องพักเพื่อศึกษาไพ่เดอะฟูลบนมิติหมอก
…
แคว้นเลียบทะเล ภายในห้องสมุดแห่งหนึ่ง
นักวิจัยกฎหมายหนุ่มคนหนึ่งดึงหนังสือออกจากชั้นวาง เดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่างและนั่งลง
หลังจากอ่านอย่างละเอียด มันพบกระดาษสีน้ำตาลอมเหลืองด้านในหนึ่งแผ่น
“นี่อะไร?” นักวิจัยกฎหมายหนุ่มพึมพำด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นก็ดึงกระดาษออกมา
หลังจากจำแนกได้ว่าเป็นภาษาฟุซัคโบราณ มันพยายามอ่านอย่างยากลำบาก
“…ในยุคสมัยที่สี่ มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า ‘หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์’ …”
…………………………