บทที่ 1435 พบหน้า

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เมื่อเข้ามาภายในรูปปั้น ท่ามกลางความมืดมิดอันคุ้ยเคย หวังเป่าเล่อก็ได้ยินเสียงลมหายใจ

ดูเหมือนว่าบุคคลหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกของความมืดนี้กำลังหายใจช้าๆ สัมผัสรู้สึกอย่างเนิบช้า จากนั้นก็ปันความสนใจมาทางเขาทีละน้อย

หวังเป่าเล่อมองไปทางเสียงลมหายใจนั้นเงียบๆ

ตรงนั้นดูเหมือนอยู่ไกลมาก แต่ก็ดูเหมือนอยู่ใกล้มากเช่นกัน

ความผันผวนอันคุ้นเคย ปราณกังวานแห่งสายโลหิตทำให้ตัวตนของอีกฝ่ายไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

ความมืดที่ขวางกั้นพวกเขาราวกับเป็นพลังงานบางอย่างที่ปิดผนึกไว้ แม้หวังเป่าเล่อจะมองทะลุไปได้ แต่ก็คล้ายกับว่าไม่สามารถทำได้อยู่ดี

เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน เฝ้ามอง…ภาพความทรงจำส่วนที่หกของมหาเทพที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในความมืด

ในภาพ จักรพิภพเต๋าไพศาลหนึ่งแสนแห่งที่ัมาจากดวงจิตเทพหนึ่งแสนดวงของมหาเทพ ตอนนี้เหลืออยู่เพียงหนึ่งแห่งเท่านั้น ที่เหลือล้วนสำเร็จไปหมดแล้ว และเมื่อสำเร็จ…ก็หวนคืนเป็นผลไม้บนต้นไม้ยักษ์ หลังจากถูกมหาเทพดูดกลืน อาการบาดเจ็บของเขาก็ดูเหมือนจะดีขึ้น

แม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็ทำให้มหาเทพเข้าใจว่าแผนการของตนถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงเริ่มรอคอยอย่างอดทน รอคอย…การมาถึงของเศษวิญญาณส่วนสุดท้าย

แต่ว่า…เศษวิญญาณส่วนสุดท้ายนั้นกลับไม่เคยปรากฏขึ้นเลย นั่นทำให้มหาเทพเริ่มหมดความอดทน เขาเริ่มร้อนใจ เพราะในกาลเวลาอันเนิ่นนาน ร่างกายที่ใช้เร่งปฏิกิริยาของหายนะไม้สีดำก็เริ่มก่อเกิดปัญหาบางอย่าง

ปัญหาคืออะไรในความทรงจำไม่ได้เผยให้เห็น และหวังเป่าเล่อก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้ ราวกับว่าความทรงจำส่วนนี้ถูกลบออกไปอย่างจงใจ

อย่างไรก็ดี ปัญหานั้นก็เป็นผลทำให้มหาเทพอ่อนแอลงเรื่อยๆ และในตอนนั้นเองก็เกิดกลุ่มกบฏขึ้น

ภายในมิติเต๋าต้นกำเนิด อดีตผู้เยี่ยมยุทธ์ของมหาเทพเริ่มต่อต้าน สำหรับพวกเขาแล้วนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของมหาเทพได้

แต่พวกเขาก็ประเมินมหาเทพต่ำเกินไป…

แม้จะได้รับบาดเจ็บจากหายนะไม้สีดำและแม้ร่างกายจะเกิดปัญหา แต่ความแข็งแกร่งของมหาเทพก็ยังสยบการก่อกบฏครั้งนี้ได้

อีกทั้งการปราบกบฏครั้งนี้ มหาเทพที่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายก็ดูจะต่างไปจากในความทรงจำพวกเขาเล็กน้อย ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยปราณหมอกสีดำ วิธีการปราบกบฏก็โหดร้ายอย่างยิ่ง

ในภาพ หวังเป่าเล่อเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากถูกมหาเทพปราบลงไปในที่ฝังศพและสร้างวงแหวนปราณ ทำให้พวกเขาต้องอุทิศพลังชีวิตไปตลอดกาล

เป็นเสมือนแหล่งพลังงาน…

ทุกครั้งที่ถูกดึงพลังชีวิตไป สีหน้าเจ็บปวดจะกลืนกินพื้นที่ในภาพไปเกือบทั้งหมด…ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อก็ได้เห็นกระบวนการสยบเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาเช่นกัน

เขาเห็นคำสาปของเจ้าปรารถนารสหลังจากยอมจำนน เสียงเดือดปุดๆ ในหม้อขนาดใหญ่ดูน่าสะพรึงกลัว

เขายังได้เห็นความระทมทุกข์ของเจ้าปรารถนาเสียงที่ยอมก้มหัวเพื่อลูกศิษย์ของตน คำสาปบนร่างทำให้นางแผดเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

และยังมีร่างกายของเจ้าปรารถนาทัศน์…

ทุกอย่างปรากฏสู่สายตาหวังเป่าเล่อ มหาเทพในภาพเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความบ้าคลั่ง ปราณหมอกสีดำนั่นทำให้หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ

กระทั่งตอนท้ายที่สุดหลังจากกบฏถูกปราบจนสิ้นซาก มหาเทพก็ใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายเปลี่ยนมิติเต๋าต้นกำเนิดให้กลายเป็นโลกสามชั้น

โลกาชั้นที่สามก็คือหลุมฝังศพ ข้างในนั้นนอกจากผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ถูกลงโทษให้กลายเป็นแหล่งพลังงานแล้วยังมีผู้แข็งแกร่งระดับรองลงมาที่ยังคงหลับใหล

คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์อีกที

ส่วนโลกาชั้นที่สอง เหล่าผู้คนที่ยอมก้มหัวให้มหาเทพจนถูกทำให้กลายเป็นกฎแห่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาถูกจัดให้อยู่ชั้นนี้และกลายเป็นเจ้าปรารถนา

จากนั้นเขาก็ทำการรักษาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นไว้อย่างดีและกลายเป็นโลกาชั้นที่หนึ่ง อีกทั้งยังปิดตายระหว่างโลกาชั้นที่หนึ่งและสอง

เปรียบดั่งผนึกและการตัดขาด ทำให้ผู้ฝึกตนและเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในโลกาชั้นที่สองไม่สามารถเหยียบเข้าไปในโลกาชั้นแรกได้ตลอดชีวิต เวลาเดียวกันเสวียนเฉินในฐานะผู้แข็งแกร่งรองจากมหาเทพก็ถูกสยบและกลายเป็นผู้พิทักษ์

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น มหาเทพจึงเลือกกักตนอยู่ในโลกาชั้นที่หนึ่ง

นับแต่นั้นเมื่อเวลาไหลผ่านไป ตำนานเทพเจ้าที่หลับใหลก็แพร่กระจายไปในโลกาชั้นที่สอง…

ภาพเคลื่อนไหวมาถึงตรงนี้ก็หยุดลง

เมื่อดูทุกอย่างหมดแล้ว หวังเป่าเล่อก็เข้าใจความทรงจำของมหาเทพในชาตินี้เกือบทั้งหมด ความทรงจำหลังจากนี้เขาพอจะเดาได้แล้ว

ในหลุมฝังศพของโลกาชั้นที่สาม เมื่อเวลาผันผ่าน แม้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่กลายเป็นแหล่งพลังงานจะไม่มีวันตาย แต่สุดท้ายการดูดพลังชีวิตที่มากเกินขีดจำกัดก็ทำให้ไม่อาจอยู่รอดได้ ด้วยเหตุนี้จึงเกิด…การแห้งเหี่ยว

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าต้องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับมหาเทพแน่ เขาจำเป็นต้องใช้พลังชีวิตจำนวนมากเพื่อรักษา ส่งผลให้แหล่งพลังงานเหล่านั้นไม่มีเวลาฟื้นตัวและค่อยๆ ตายไป

ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสิบ

“บางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับข้า…” หวังเป่าเล่อคิดในใจ

ดูท่าว่าเหตุไม่คาดฝันทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่มหาเทพคาดไม่ถึงเช่นกัน บางทีตามแผนเดิมของเขา ยังไม่ทันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะก่อกบฏ เขาก็น่าจะเก็บดวงจิตเทพทั้งหมดกลับมาได้สำเร็จแล้ว หรือต่อให้เกิดการก่อกบฏแล้วเขาก็น่าจะทำให้ตัวเองสมบูรณ์ไปนานแล้ว และไม่ต้องรอจนพวกเขาตายไปทีละคน

แต่เห็นได้ชัดว่าเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้นำไปสู่ความจริงที่ว่าตอนนี้มหาเทพก็ยังคงไม่สมบูรณ์

ในความเงียบงัน หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงลมหายใจอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ระงับความสับสนในหัวใจและโบกมือไปยังภาพความทรงจำตรงหน้าเบาๆ

ภาพความทรงจำพลันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลายเป็นเศษชิ้นส่วนแวววาวมากมายราวกับผีเสื้อกระจายไปทั่วความมืดมิด แสงสว่างพลันเกิดขึ้น

ด้วยแสงสว่างนี้ หวังเป่าเล่อจึงเห็นว่ามีบันไดขนาดมหึมาอยู่ไกลๆ และที่ด้านบนสุดของบันไดถูกปกคลุมด้วยจักรวาลผืนหนึ่ง

แผนที่ดวงดาวไม่คุ้นเคย ไม่ได้อยู่ในมหาจักรวาล

ด้านล่างของแผนที่ดวงดาว ตรงปลายบันไดมีที่นั่งขนาดใหญ่ และบนนั้น…ก็มีร่างหนึ่งนั่งอยู่

มือข้างหนึ่งเท้าคางและวางอยู่บนเก้าอี้ราวกับกำลังหลับสนิท…มีเพียงเสียงหายใจดังก้องไปทั่วห้องโถงอันเงียบสงบแห่งนี้เท่านั้น

เมื่อเศษชิ้นส่วนกระจายไปทั่วพื้นที่ดั่งผีเสื้อ ที่นี่พลันสว่างไสวขึ้น ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็เห็นว่าร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สวมชุดคลุมยาวสีม่วง เส้นผมหงอกขาว แม้จะกำลังหลับตา แต่รูปร่างหน้าตาก็เหมือนกับตนอย่างกับแกะ ทำให้…ความสับสนในใจหวังเป่าเล่อแผ่ขยายไปทั่วร่าง

มหาเทพกับเขาคือร่างเดียวกัน พวกเขาคือ…สิ่งมีชีวิตใหม่ที่เกิดจากการหลอมรวมกายเนื้อของผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่งที่ตายไปแล้วกับไม้สีดำอันแปลกประหลาด

หวังเป่าเล่อจ้องมอง

ผ่านไปนานก็ถอนหายใจเบาๆ แต่กลับดังก้องไปทั่วห้องโถง เสียงนี้ทำให้ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ดวงตาคู่นั้น…สีดำสนิท!

……………………………………………