ณ เมืองว่านฮว๋าในโลกแห่งเทพ เสี่ยวอ้ายโม่พักอยู่ในจวนเจ้าเมืองมานานกว่าสิบวันแล้ว
ตลอดช่วงสิบวันที่ผ่านมา นางเริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและผู้คนของที่นี่ รวมถึงได้เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกแห่งเทพเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
“เฮ้อ~ เสี่ยวอ้ายฉือจะออกมาตอนไหนกันนะ ?”
วันนี้เสี่ยวอ้ายโม่และเฟิงชิงหลิงกำลังนั่งเล่นกันอย่างเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือน
เสี่ยวอ้ายโม่นั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะหินด้วยท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
“คงจะอีกไม่นานหรอก ถึงอย่างไรน้องอ้ายฉือก็เก็บตัวทะลวงพลังมาเป็นเวลานานมากแล้ว ง่ำ ๆ~”
ในเวลานี้เฟิงชิงหลิงก็กล่าวขึ้นมาในขณะที่มีอาหารอยู่เต็มปากส่งผลให้วาจาของนางฟังดูอู้อี้เล็กน้อย เสี่ยวอ้ายฉือมาที่เมืองว่านฮว๋าเป็นเวลาพักใหญ่แล้วและเริ่มเก็บตัวบ่มเพาะพลังตั้งแต่นั้นมา นางจึงคาดเดาได้ว่าอีกไม่นานเขาก็คงจะทะลวงพลังได้สำเร็จ
“เอ๋ ?”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น จู่ ๆ เสี่ยวอ้ายโม่ก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่คุ้นเคยบางอย่าง นางจึงไม่รอช้าและพุ่งตรงไปในทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วสูงทันที
ทันทีที่เสี่ยวอ้ายฉือออกจากการเก็บตัว เขาเองก็รับรู้ถึงตำแหน่งของเสี่ยวอ้ายโม่ได้เช่นกัน แม้สีหน้าของเขาจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทว่าเขาก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวอ้ายโม่จะตามเขามาถึงที่นี่ เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าหลังจากที่ทะลวงพลังสำเร็จ เขาจะหาทางกลับไปที่ดินแดนมหาเทพเพื่อไปพบกับเสี่ยวอ้ายโม่และมารดา ไม่คิดเลยว่า ‘น้องสาวฝาแฝด’ จะตามเขามาที่นี่เสียก่อน
“ฉินอ้ายฉือ เจ้าทึ่ม ออกมาได้สักทีนะ !”
เมื่อเสี่ยวอ้ายโม่มองเห็นเสี่ยวอ้ายฉือได้จากระยะไกล นางก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทันที
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ?”
เสี่ยวอ้ายฉือถามกลับโดยไม่มีท่าทีหงุดหงิดแม้แต่น้อย
“ท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามากและข้าก็ไม่มีอะไรต้องทำในดินแดนมหาเทพ ท่านตาจึงพาข้ามาที่นี่ด้วย”
เสี่ยวอ้ายโม่เดินเข้าไปหาเสี่ยวอ้ายฉือและยื่นมือออกไปหมายจะหยิกแก้มอีกฝ่าย ทว่าถูกอีกฝ่ายปัดออกไปอย่างไม่ไยดี
“เฮอะ ! ไม่เห็นจะน่ารักเหมือนตอนเด็ก ๆ เลย”
เสี่ยวอ้ายโม่กลอกตาไปมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจในตัว ‘น้องชาย’ ของตน
“ท่านตาล่ะ ?”
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวอ้ายฉือเคยชินกับลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายแล้วจึงไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ทว่าเมื่อหันมองซ้ายมองขวาและไม่พบวี่แววของฉินเทียน เขาก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถามออกไป
“ท่านตาให้ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่ ส่วนเขาออกไปตามหาท่านยาย”
เสี่ยวอ้ายโม่อธิบายออกไป แม้ว่านางจะกังวลใจอยู่ไม่น้อย ทว่านางก็ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใดและปิดบังไว้ได้อย่างแนบเนียน
“น้องอ้ายฉือ ในที่สุดเจ้าก็ทะลวงพลังได้สำเร็จเสียที ข้าคิดถึงเจ้าจริง ๆ เลย”
ในที่สุดเฟิงชิงหลิงก็เคี้ยวขนมในปากจนหมดและกล่าววาจาได้ชัดทุกถ้อยคำ เมื่อเห็นเสี่ยวอ้ายฉือปรากฏตัว ดวงตาของนางก็เป็นประกายและปรี่ตรงเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวอ้ายฉือหลบหลีกออกไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้เฟิงชิงหลิงกระโดดตะครุบได้เพียงอากาศเท่านั้น
“เช็ดปากก่อนเถอะ”
เขาชำเลืองมองเฟิงชิงหลิงด้วยแววตาที่รังเกียจและเจือด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย
เสี่ยวอ้ายโม่เพียงคนเดียวก็ปวดหัวมากพอแล้ว ทว่าตอนนี้ยังมีเฟิงชิงหลิงที่มีลักษณะนิสัยที่คล้ายกันเพิ่มขึ้นมาอีกคน เพียงเท่านี้เด็กชายผู้สุขุมลุ่มลึกก็มองเห็นอนาคตอันโศกเศร้าของตนได้ไม่ยาก…
“ข้าจะไปหาท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุงเฟิงและท่านป้าก่อน”
เขากล่าวทิ้งท้ายและรีบหายไปตรงหน้าพวกนางอย่างรวดเร็ว ราวกับพยายามจะหลบหนีไปจากพวกนาง
“นี่เราน่ากลัวถึงเพียงนั้นเลยรึ…?”
ขณะมองตามไปยังทิศทางที่เสี่ยวอ้ายฉือวิ่งออกไป เสี่ยวอ้ายโม่และเฟิงชิงหลิงก็ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าพวกเราน่ารักน่าชังกันขนาดนี้ แล้วเราจะกลายเป็นอสูรร้ายในสายตาของอ้ายฉือได้อย่างไรกัน…
ณ เรือนหลักของจวนเจ้าเมือง ฉินหลิงเซียว เฟิงหย่า เฟิงหว่านหลี่และหลินหว่านหว่านกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ เมื่อเห็นเสี่ยวอ้ายฉือทะลวงพลังได้สำเร็จ รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาทันที
“ไปอาบน้ำอาบท่าและกินอะไรก่อนเถอะ”
ต้องกล่าวเลยว่าฉินหลิงเซียวรักและเอ็นดูเสี่ยวอ้ายฉืออย่างสุดหัวใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวอ้ายฉือเป็นเด็กผู้ชายซึ่งเขาควรจะเคร่งครัดและไม่ตามใจอีกฝ่ายจนเกินไป แตกต่างไปจากเสี่ยวอ้ายโม่และเฟิงชิงหลิงที่เป็นเด็กผู้หญิงซึ่งเหมาะกับการประคบประหงมเอาใจเป็นพิเศษ
“ขอรับ”
เสี่ยวอ้ายฉือพยักศีรษะเบา ๆ และแยกไปยังเรือนที่ตนพักอยู่ก่อนหน้านี้
เสี่ยวอ้ายโม่และเฟิงชิงหลิงก็รีบวิ่งเข้ามาเช่นกันก่อนเสี่ยวอ้ายโม่จะเดินเข้าไปหาเฟิงหย่าพร้อมเอ่ยถามเสียงหวาน “ท่านย่า เสี่ยวอ้ายฉือออกมาแล้ว เราจะไปจากที่นี่กันเลยหรือไม่เจ้าคะ ?”
“เอ๋…ท่านย่าจะกลับแล้วรึเจ้าคะ ?”
สีหน้าของเฟิงชิงหลิงแสดงความไม่เต็มใจอย่างชัดเจน นางไม่ต้องการแยกจากน้องสาวคนโปรดที่ได้ใช้เวลาร่วมกันและน้องเสี่ยวอ้ายฉือแม้แต่น้อย
“หลิงเอ๋อร์อยากไปอยู่กับย่าสักพักรึไม่ ?”
เฟิงหย่าลูบศีรษะเด็กสาวทั้งสองและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู
“ไปเจ้าค่ะ ข้าจะไปด้วย”
เฟิงชิงหลิงพยักหน้าหงึกหงักทันทีราวกับเกรงว่าหากพยักหน้าช้าเกินไป ท่านย่าของนางจะนึกเปลี่ยนใจและไม่พานางกลับไปด้วย
“เจ้าไม่ถามท่านลุงกับท่านป้าสักหน่อยรึว่าพวกท่านอนุญาตรึไม่ ?”
เสี่ยวอ้ายโม่หยิกมือนิ่มของเฟิงชิงหลิงและกล่าวย้ำเตือนเบา ๆ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไปอยู่กับท่านย่าจะได้รึไม่เจ้าคะ ?”
เฟิงชิงหลิงปรี่เข้าไปหามารดาทันทีและดึงแขนนางด้วยท่าทางของเด็กเอาแต่ใจ
“ไปเถอะ ไปเถอะ ไปอยู่กับท่านปู่ท่านย่าสักพัก เมื่อถึงเวลา พวกเราจะไปรับเจ้ากลับเอง”
หลินหว่านหว่านไม่อาจปฏิเสธบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนได้เลย เฟิงชิงหลิงในวัยแปดขวบช่างน่ารักน่าเอ็นดูเกินกว่าที่นางจะปฏิเสธได้ลงคอ
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ได้ติดตามเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเฟิงชิงหลิงเช่นกัน มันจะช่วยให้นางเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
“เยี่ยมไปเลย ! หลิงเอ๋อร์รักท่านแม่ที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
เฟิงชิงหลิงกระโดดหอมแก้มมารดาด้วยความดีใจก่อนวิ่งกลับไปกอดเสี่ยวอ้ายโม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง “น้องอ้ายโม่ เราจะได้อยู่ด้วยกันต่อไปและไม่ต้องแยกจากกันอีก”
อันที่จริง เสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือมีอายุน้อยกว่าเฟิงชิงหลิงเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ทว่านางกลับเรียกทั้งสองว่าน้องสาวน้องชายได้อย่างไม่กระดากปาก
เมื่อเห็นเด็กสาวทั้งสองที่เข้ากันได้ดี เฟิงหย่าและคนอื่น ๆ ก็อดหัวเราะอย่างพร้อมเพรียงไม่ได้
ฉินหลิงเซียวมองรอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงหย่าและแอบตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หลังจากที่ได้พบกับฉินอวี้โม่—มารดาของเด็กน้อยฝาแฝดทั้งสอง เขาจะต้องเสนอตัวเป็นบิดาอุปถัมภ์ให้ได้ มิเช่นนั้น ภรรยาของเขาคงจะกลับไปจมอยู่กับความเศร้าโศกเหมือนก่อนเป็นแน่
จากนั้นเขาก็สั่งให้คนเตรียมอาหารมื้อค่ำชุดใหญ่ และหลังจากที่เสี่ยวอ้ายฉืออาบน้ำและเตรียมความพร้อมเสร็จสิ้น ทุกคนก็นั่งรับประทานอาหารด้วยกันอย่างสบายใจ
“เราจะเดินทางกลับในอีกสามวัน หากท่านตาของพวกเจ้าต้องการมาหา เขาจะกลับมาที่เมืองว่านฮว๋าอย่างแน่นอน หลังจากที่เรากลับไปครานี้ พวกเจ้าเล่าเรื่องท่านยายของพวกเจ้าให้เราได้ทราบเสียหน่อย เราจะได้ส่งคนออกไปช่วยสืบหาเบาะแสอีกแรง ตราบใดที่นางอยู่ในโลกแห่งเทพ เราจะตามหานางจนพบได้อย่างแน่นอน !”
ฉินหลิงเซียวตั้งกำหนดเวลาเดินทางและกล่าวเสริมขึ้นมา
“ตกลงขอรับ/เจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายฉือและอีกสองคนก็ตอบตกลงทันที หากมีความช่วยเหลือจากฉินหลิงเซียวและเฟิงหย่า การตามหาอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็จะง่ายดายขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ตระหนักดีว่าหากสืบหาเบาะแสได้ง่าย ๆ บิดามารดาและท่านตาของพวกตนก็คงจะไม่ใช้เวลาสืบหานานหลายปีโดยที่ไม่ได้รับเบาะแสใด ๆ เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงไม่ตั้งความหวังที่สูงจนเกินไปแต่ก็จะพยายามให้ดีที่สุด
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น เด็กน้อยทั้งสามก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนในขณะที่เฟิงหย่าและอีกสามคนหารือกันในห้องโถงต่อไป
“ท่านป้า ท่านลุง ท่านทั้งสองจะไม่กลับไปที่นั่นจริง ๆ หรือ ?”
เฟิงหว่านหลี่กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังมากขึ้นเล็กน้อย
“ต่อให้ไปที่นั่นก็ไม่มีใครที่เราต้องพบหรอก คนพวกนั้นน่ารังเกียจเกินไป อีกอย่าง…ข้าก็กลัวว่าข้าจะยั้งมือไม่อยู่เมื่อพบหน้าคนเหล่านั้น”
ฉินหลิงเซียวส่ายศีรษะและความชิงชังฉายชัดในแววตาของเฟิงหย่า
แม้พวกเขาจะชำระแค้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วและคนชั่วเหล่านั้นก็ได้ชดใช้ต่อสิ่งที่ทำลงไป อย่างไรก็ตาม เพียงนึกถึงบุตรสาวของพวกตนที่ต้องตายเพราะเหตุการณ์ครานั้น ทั้งสองก็ยังโกรธแค้นและเจ็บปวดใจไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่อยากกลับไปเหยียบตระกูลนั้นแม้แต่น้อยและต้องการอยู่ห่างไกลจากคนเหล่านั้นให้มากที่สุด !