ณ เมืองราชวงศ์แห่งมณฑลกลางในดินแดนมหาเทพ
ในเมื่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว แน่นอนว่าพวกนางก็ต้องพักอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งประจวบเหมาะกับช่วงนี้ที่หลงเพ่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ในช่วงเก็บตัวบ่มเพาะพลัง เพราะเหตุนั้น พวกนางจึงได้เดินท่องไปรอบเมืองราชวงศ์ด้วยกัน
ในวันนี้ หลงอวี้เทียนก็เรียกพบฉินอวี้โม่ที่ลานประลองยุทธ์ของพระราชวัง
“เสี่ยวอวี้โม่ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของข้าติดอยู่ที่ขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราขั้นสูงสุดและไม่สามารถทะลวงพลังไปได้เลย ข้าเคยคิดว่าเป็นเพราะสภาวะพลังในดินแดนมหาเทพมีไม่เพียงพอ ทว่าข้าก็มาพบในภายหลังว่ามันมิใช่เหตุผลนั้น สภาวะพลังในดินแดนมหาเทพมากพอที่จะช่วยให้ข้าพัฒนาไปจนถึงขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราขั้นสูงสุดได้และข้อจำกัดของดินแดนมีผลสำหรับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าระดับนั้นขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ข้าเรียกเจ้ามาพบในวันนี้ก็เพราะต้องการดวลฝีมือกับเจ้าเพื่อลองทดสอบดูว่าข้าจะมีโอกาสในการทะลวงพลังหรือไม่”
หลงอวี้เทียนรู้สึกจนปัญญาไม่น้อย พลังของเขาติดอยู่ที่ขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราขั้นสูงสุดมานานหลายทศวรรษแล้ว ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาก็พยายามหาโอกาสในการทะลวงพลังอยู่ตลอด ทว่าไม่เคยพบโอกาสที่ว่านั้นเลย
การที่เขาเรียกฉินอวี้โม่มาพบก็เพราะต้องการประชันฝีมือกันอย่างเต็มที่และเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ของกันและกัน ซึ่งเขาก็หวังว่าจะพบเจอโอกาสในการทะลวงพลังในระหว่างการต่อสู้ได้
“อีกอย่าง…เจ้าช่วยจัดวางข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพด้วยเถอะ ข้าคิดว่าข่ายอาคมมังกรทลายพิภพของเจ้าลึกลับมากทีเดียวและการต่อสู้ภายใต้อำนาจของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพอาจจะช่วยให้ข้าทะลวงพลังไปได้”
เมื่อนึกถึงข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพอันทรงพลังของฉินอวี้โม่ เขาก็ขอให้นางจัดวางมันทันทีโดยที่เขาจะไม่เข้าไปขัดขวางกระบวนการ
ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะตอบรับและเริ่มร่ายมือเพื่อวางข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพบนสังเวียนประลองทันที
จากนั้นหลงอวี้เทียนก็ก้าวเข้าไปในวงล้อมของข่ายอาคมโดยตรงในขณะที่ฉินอวี้โม่ควบคุมให้มันเริ่มต้นกลไกการทำงาน
ในเวลานี้ หลงเพ่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ก็มาที่นี่เพื่อชมการประชันฝีมือด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
พวกนางสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของฉินอวี้โม่มาเสมอ ด้วยพลังอำนาจของจักรพรรดิหลงอวี้เทียนที่นับว่าแกร่งกล้ายิ่งนัก พวกนางต่างก็ต้องการทราบว่าบิดาของตนจะรับมือกับพลังของข่ายอาคมดังกล่าวได้นานเพียงใด
“ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพนี้มัน…”
เมื่อก้าวเข้าไปในวงล้อมของข่ายอาคม หลงอวี้เทียนก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติไป ข่ายอาคมรอบตัวเขาแตกต่างจากตอนที่ฉินอวี้โม่ใช้มันก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนและทรงพลังกว่ามาก ทันทีที่ก้าวเข้ามา เขาก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่ไร้ที่สิ้นสุดซึ่งทำให้เขาหายใจติดขัดไปเล็กน้อย
“ช่างเป็นข่ายอาคมที่ทรงพลังยิ่งนัก !”
เขาอดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพนี้ทรงพลังอย่างยิ่งและเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากนัก
อย่างไรก็ตาม หลงอวี้เทียนไม่มีท่าทีกังวลใจแต่อย่างใด เขาปลดปล่อยพลังมายาออกไปอย่างเต็มพิกัดเพื่อรับมือกับพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพนี้ทันที
เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่ก็ยับยั้งพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพไว้ในระดับหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าหลงอวี้เทียนจะรับรู้ถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ของมันได้เท่านั้น ทว่าตัวเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด
ยิ่งอยู่ท่ามกลางข่ายอาคมนานเพียงใด หลงอวี้เทียนก็รู้สึกหวั่นใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนที่ตกอยู่ในวงล้อมของข่ายอาคมนี้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง มันช่างเป็นข่ายอาคมที่น่าสะพรึงกลัวโดยแท้ !
จากนั้น สถานการณ์ก็ติดอยู่ในสภาวะชะงักงันนานหนึ่งชั่วยามก่อนที่คลื่นพลังรอบตัวของหลงอวี้เทียนจะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการทะลวงพลัง
“ดูนั่นเร็ว ท่านพ่อกำลังจะทะลวงพลังแล้ว !”
เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติของหลงอวี้เทียน หลงซินเอ๋อร์ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นทันที การพัฒนาพลังของหลงอวี้เทียนจะเป็นผลดีต่อพวกนางทุกคน ในฐานะผู้ปกครองสูงสุดของตระกูลราชวงศ์ หากเขาอ่อนแอเกินไปก็คงจะไม่มีผู้ใดที่นึกยำเกรง
ฟู่ชางผู้ซึ่งจับตาดูการดวลนี้อยู่ด้านนอกก็เหมือนจะเกิดความเข้าใจใหม่ขึ้นมาเมื่อได้เห็นการทะลวงพลังตรงหน้า เขานั่งหลับตาเพื่อทำสมาธิโดยตรง จากนั้นคลื่นพลังในร่างกายของเขาก็พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและกำลังจะทะลวงพลังไปในเวลาเดียวกัน
“ท่านลุงฟู่ชางก็กำลังจะทะลวงพลังเช่นกัน”
ทุกคนไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนัก ความแข็งแกร่งของหลงอวี้เทียนและฟู่ชางอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมาตลอด เป็นธรรมดาที่ทั้งสองจะมีโอกาสทะลวงพลังในเวลาไล่เลี่ยกัน
หลังจากเวลาผ่านไปสองก้านธูป ในที่สุดกระบวนการทะลวงพลังของทั้งสองก็เสร็จสมบูรณ์ พลังของพวกเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงระดับเดียวเท่านั้น ทว่าเป็นการพัฒนาที่ข้ามจากขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราโดยตรง
เมื่ออยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ดูดซับพลังงานไว้อย่างมหาศาลและรอเพียงโอกาสของการทะลวงพลังเท่านั้น ในตอนนี้เมื่อการทะลวงพลังเสร็จสมบูรณ์ พลังของพวกเขาจึงบรรลุถึงขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราโดยตรงซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แม้เข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราได้แล้ว พวกเขาก็ยังห่างไกลไปจากขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราขั้นสูงสุดอีกมากนัก หากต้องการจะทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราขั้นสูงสุด พวกเขาจะต้องทุ่มเทและหมั่นฝึกฝนมากยิ่งกว่าเดิม
ฉินอวี้โม่โบกมือเล็กน้อยเพื่อหยุดการทำงานของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพทันที เพราะถึงอย่างไรหลงอวี้เทียนก็ทะลวงพลังสำเร็จแล้วและนางไม่จำเป็นต้องใช้ข่ายอาคมดังกล่าวอีกต่อไป
“สหายฟู่ เหตุใดเราไม่มาดวลกันสักหน่อยล่ะ ?”
เมื่อเห็นว่าฟู่ชางทะลวงพลังได้สำเร็จเช่นกัน แววตาของหลงอวี้เทียนก็แสดงถึงจิตวิญญาณนักสู้และกล่าวเชื้อเชิญทันที
“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการเช่นกัน !”
ฟู่ชางไม่รอช้าและก้าวขึ้นบนสังเวียนก่อนทั้งสองเริ่มการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
กระบวนท่าที่ฟู่ชางและหลงอวี้เทียนนำมาใช้ในครานี้มีความคล้ายคลึงกันซึ่งเป็นทักษะยุทธ์ที่มุ่งเน้นในการรุกโจมตีคู่ต่อสู้ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาทรงพลังและทำให้เกิดการผันผวนที่รุนแรง
ภายในพริบตา ทั้งสองก็ปลดปล่อยการโจมตีออกไปหลายสิบกระบวนท่าโดยที่อยู่ในสถานการณ์ที่สูสีเท่าเทียมกัน
“ฮ่า ๆ ๆ พลังในขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราแกร่งกล้ากว่าหกดาราขั้นสูงสุดมากนัก หากทะลวงพลังได้ก่อนหน้านี้ สถานการณ์ของเรากับจอมยุทธ์ปีศาจคงจะไม่ย่ำแย่เช่นนั้นแน่ !”
หลงอวี้เทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเกือบเพลี่ยงพล้ำในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจ เขาก็อดรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
“ตอนนี้พลังของเราบรรลุถึงขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราแล้ว เราสามารถพัฒนาต่อไปได้ตราบใดที่มีเวลามากพอ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตเทพยุทธ์และขอบเขตเทพสวรรค์ยังห่างไกลกันอีกหลายขุมนัก เรายังต้องทุ่มเทพยายามกันอีกมาก”
ในเวลานี้ทั้งสองก็หยุดการโจมตีอย่างพร้อมเพรียงกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ต่อให้จะใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีก็ยากที่จะตัดสินผู้ชนะในเวลาสั้น ๆ ได้และการดวลฝีมือกันต่อไปก็มีแต่จะไร้ความหมาย
“เป็นจริงอย่างที่ว่า”
หลงอวี้เทียนพยักศีรษะก่อนสายตาเลื่อนไปหยุดลงที่ฉินอวี้โม่อีกครั้ง
“เสี่ยวอวี้โม่ ความแข็งแกร่งของเจ้าคงจะมากพอที่จะต่อสู้กับผู้ที่มีพลังในขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราขั้นสูงสุดได้สินะ ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเราไม่มาประมือด้วยกันล่ะ ? ให้ข้าได้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้า”
ต้องกล่าวเลยว่าหลงอวี้เทียนต้องการที่จะดวลฝีมือกับฉินอวี้โม่มาโดยตลอด ทว่าก่อนหน้านี้หากต้องประชันฝีมือกันโดยที่ไม่แสดงไพ่ตายออกมา ฉินอวี้โม่ก็มิใช่คู่มือของเขาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตัวเขามีความแข็งแกร่งในขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราในขณะที่ฉินอวี้โม่เป็นจอมยุทธ์ในขอบเขตเทพยุทธ์หกดาราขั้นสูงสุดซึ่งไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่แตกต่างกันมากนัก หลงอวี้เทียนจึงต้องการเห็นว่าตนจะด้อยกว่าฉินอวี้โม่มากเพียงใดหากไม่ใช้ไพ่ตายที่มี
“เจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะตอบรับและเหาะตรงไปที่สังเวียน ในขณะเดียวกันฟู่ชางก็ก้าวลงจากสังเวียนและปล่อยให้ลานประลองเป็นของคนทั้งสอง
“เจ้าคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ?”
หลงเพ่ยเอ๋อร์ซึ่งอยู่ท่ามกลางคนอื่น ๆ เริ่มคาดเดาแล้วว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะในการดวลครานี้
“ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าจะต้องเป็นพี่อวี้โม่อย่างแน่นอน ข้าเพียงหวังว่าท่านพ่อจะไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอับอายนัก”
หลงเฟยเอ๋อร์ไม่ไว้หน้าบิดาของตนแม้แต่น้อยและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทว่าก็เป็นสิ่งเดียวกับที่คนอื่น ๆ คิดไว้เช่นกัน
พลังของฉินอวี้โม่พัฒนาอย่างรวดเร็วจนเกินไปและความสามารถในการต่อสู้ของนางก็น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด ตอนนี้ต่อให้พวกนางร่วมมือกัน เกรงว่าคงไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะฉินอวี้โม่ได้ด้วยซ้ำ
สำหรับบิดาของนาง แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะบรรลุเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์เก้าดาราแล้ว เขาก็ยังไม่ทรงพลังมากพอที่จะเอาชนะฉินอวี้โม่ได้
นางเพียงไม่ทราบว่าหากปราศจากไพ่ตายที่มี บิดาของนางจะรับมือกับฉินอวี้โม่ได้กี่กระบวนท่า
ในขณะเดียวกันนั้น หลงอวี้เทียนและฉินอวี้โม่ก็ไม่กล่าวสิ่งใดขณะพุ่งโจมตีใส่กันทันที