บทที่ 1161 แต่ก็น่ารำคาญด้วยเช่นกัน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,161 แต่ก็น่ารำคาญด้วยเช่นกัน

สายตาทุกคู่จ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน

“ท่านเจ้าเมืองหลิน พวกเราขอแสดงความยินดีด้วย”

ให้ตายสิ

หลินเป่ยเฉินพลันพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

ท่านเจ้าเมืองคนเก่าตายยังไม่ทันไร เหตุไฉนถึงรีบร้อนแสดงความยินดีกับเขากันนักนะ?

ไม่มีมารยาทกันเลยหรือไง

“เอ่อ คือว่าข้าไม่สนใจตำแหน่งท่านเจ้าเมืองไป๋หยุนหรอกขอรับ เพราะบัดนี้ ข้าก็มีตำแหน่งเป็นท่านเจ้าเมืองนครเจาฮุยอยู่แล้ว และข้ายังเป็นหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวงอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือข้าครองตำแหน่งบุรุษหนุ่มรูปงามที่สุดในจักรวรรดิเป่ยไห่ การรับตำแหน่งเพิ่มเติมจึงไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง…”

หลินเป่ยเฉินผายมือออกกว้างและกล่าวต่อโดยเร็ว “แต่ในเมื่อท่านเจ้าเมืองฉู่อุตส่าห์สั่งเสียไว้ก่อนตายเช่นนี้ ข้าก็คงไม่สามารถปฏิเสธตำแหน่งได้อีกต่อไป”

ความจริง นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินเป่ยเฉินควรกระทำเลย

หลินเป่ยเฉินไม่ควรรับตำแหน่งท่านเจ้าเมืองไป๋หยุนเด็ดขาด

เพราะในขณะนี้ เมืองไป๋หยุนกำลังวุ่นวายโกลาหล

ผู้ใดยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นต้องพบเจอเรื่องเดือดร้อนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

แต่คำพูดไม่กี่คำก่อนที่ฉู่อวิ๋นซุนจะเสียชีวิตไปนั้น ได้กระแทกใจหลินเป่ยเฉินเข้าอย่างจัง

และตัวเขาเองก็เป็นประชาชนชาวเป่ยไห่ เมืองไป๋หยุนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของเทพีแห่งกระบี่และที่นี่ก็มีความทรงจำผูกพันกับอาจารย์ติงมาอย่างยาวนาน ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปกป้องเมืองแห่งนี้เอาไว้ให้ได้

ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงกลั้นใจรับตำแหน่งท่านเจ้าเมืองไป๋หยุน โดยปลอบใจตนเองว่าเขาก็แค่มีงานเพิ่มให้ทำอีกหนึ่งอย่างเท่านั้น

“แล้วพวกท่านคิดจะทำอย่างไรต่อไป?”

หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าเสี่ยวหราน ผู้เป็นเจ้าสำนักกระบี่เมฆาพลิ้ว

“พวกเราต้องรอให้การหลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นก่อน หลังจากนั้น คิดจะทำสิ่งใดค่อยว่ากันอีกที”

ยังไม่ทันที่เสี่ยวหรานจะได้พูดคำใดออกมา ลู่กวนไห่ก็กล่าวแทรกขึ้น

หลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์?

“หลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์อะไรหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินอดถามออกมาไม่ได้

ลู่กวนไห่ไม่ตอบคำถาม

หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “บัดนี้ ข้ามีสถานะเป็นท่านเจ้าเมืองคนใหม่ ยังมีตำแหน่งไม่สูงพอที่จะล่วงรู้ความลับเหล่านี้ได้อีกหรือ?”

ลู่กวนไห่หันไปมองทางเม่ยฮัวโส่วกับฮั่วเฟยฮัวที่อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส

ความหมายในสายตาของนางไม่มีอะไรซับซ้อน

หลินเป่ยเฉินรู้ได้ แต่คนนอกเหล่านี้รู้ไม่ได้

ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง…

แคว่ก!

ได้ยินเสียงคล้ายกระดาษถูกฉีกขาดดังขึ้นทางด้านหลัง

ฉับพลันนั้น ฮั่วเฟยฮัวเจ้าสำนักคฤหาสน์กำยาน เม่ยฮัวโส่วเจ้าสำนักกระบี่สายฟ้าวายุและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงขึ้นมาทันที

และสีหน้าตกตะลึงก็แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว

สิ่งใดกันนะที่จะทำให้ชนชั้นนำระดับเจ้าสำนักเช่นนี้แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาได้?

หลินเป่ยเฉินหันหน้ามองไปทางข้างหลังโดยไม่รู้ตัว

เขาจึงได้เห็นว่าเหนือสะพานหินในขณะนี้ วังน้ำวนสีทองคำได้ลอยตัวอยู่เหนือบ่อลาวา และวังน้ำวนนั้นก็กำลังขยายตัวใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ

ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะก้าวเดินออกมา

เป็นบุรุษหนุ่มหน้าหยกสวมใส่เสื้อคลุมสีดำขลิบทองเพียงหลวม ๆ ผู้หนึ่ง สายลมโบกสะบัดชายเสื้อคลุมของเขาปลิวไสว

บุรุษหนุ่มผู้นี้มีหน้าตาอ่อนวัย ดูอายุไม่น่าจะเกินสิบแปดสิบเก้าปีด้วยซ้ำ

เส้นผมสีขาว คิ้วสีดำเข้ม ผิวเนียนไร้ตำหนิ ดวงตาคมคาย บนหน้าผากห้อยไว้ด้วยอัญมณีสีม่วงรูปทรงสายฟ้า บนศีรษะสวมใส่มงกุฎทองคำ ไม่ว่ามองจากทิศทางใด บุรุษหนุ่มผู้นี้ก็เต็มไปด้วยสง่าราศีที่น่าเคารพอย่างยิ่ง

บุรุษหนุ่มผู้นี้มีความหล่อเหลาและสง่างามในชนิดที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบเคียง เขาแทบไม่ต่างจากเทพเจ้าที่ลงจากสวรรค์มาเยี่ยมชมโลกมนุษย์

“เชี่ย…”

หลินเป่ยเฉินถึงกับหลุดสบถคำหยาบออกมา

ไอ้หมอนี่มันจะหล่อเกินไปแล้ว

ความหล่อแทบจะใกล้เคียงกับหลินเป่ยเฉินคนนี้เลยทีเดียว

แต่ว่า…

หมอนี่ออกจะหน้าหวานเกินไปสักหน่อย หรือว่าจะเป็นหญิงสาวปลอมตัวเป็นบุรุษ?

และพลังปราณสีทองคำที่แผ่ออกมาจากกายบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็ดูคุ้น ๆ ชอบกล

“นี่ เจ้าเป็นใครน่ะ?”

หลินเป่ยเฉินสอบถาม “ข้าเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านเจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองไป๋หยุน เพราะฉะนั้น ข้าจะไม่เกรงใจเจ้า ได้โปรดตอบคำถามของข้าแต่โดยดีเถอะ”

อาคันตุกะผู้หล่อเหลายังคงไม่พูดคำใด

ดูเหมือนเขากำลังสัมผัสถึงร่องรอยการต่อสู้ที่เคยเกิดขึ้นในสุสานใต้ดินแห่งนี้

ใครคนหนึ่งใช้นิ้วสะกิดหลินเป่ยเฉินยิก ๆ

“ท่านทำอะไรของท่านเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินหันหน้ามองกลับไปที่เสี่ยวหราน

“วะ…เว่ยหมิงเฉิน”

เสี่ยวหรานพูดตัวสั่นเทา “เขานี่แหละ…”

หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักและเข้าใจทุกอย่างโดยทันที

ที่แท้ไอ้หน้าหล่อคนนี้ก็คือเว่ยหมิงเฉิน

และเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเสี่ยวหรานถึงตัวสั่น

ก็แค่ร่างแยกก่อนหน้านี้พวกเขาแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่บัดนี้ เมื่อร่างจริงของเว่ยหมิงเฉินปรากฏตัว พวกเขาจะรับมือได้อย่างไร?

“ผู้อาวุโสฉีอยู่ที่ใด?”

ในที่สุด สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดนามแม่นางหลินก็อดถามออกมาไม่ได้

แผนการในวันนี้ของพวกนางคือให้ผู้อาวุโสฉีคอยรับมือเว่ยหมิงเฉิน

ผู้นำปะทะผู้นำ

แม่ทัพใหญ่ปะทะแม่ทัพใหญ่

แต่กลับปรากฏว่าในขณะนี้ แม่ทัพใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามกลับปรากฏตัวออกมา โดยที่แม่ทัพใหญ่ของฝ่ายพวกนางไม่ทราบว่าหายไปอยู่แห่งหนใด?

หรือว่าจะตายภายใต้เงื้อมมือของเว่ยหมิงเฉินไปเรียบร้อยแล้ว?

เป็นไปไม่ได้

“เจ้าทำได้ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้จริง ๆ”

เว่ยหมิงเฉินมีสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ความรู้สึก เขาไม่สนใจคำถามของสตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาด แต่กลับหันมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “เจ้าเอาแต่ทำลายแผนการของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจะน่าประหลาดใจ แต่มันก็น่ารำคาญด้วยเช่นกัน… เพราะฉะนั้น เจ้าต้องตายซะ”

พูดจบ

เว่ยหมิงเฉินก็ยกมือขึ้นโบกสะบัด

รังสีกระบี่สีทองคำพุ่งผ่านอากาศ

ทันใดนั้น ขนบนตัวหลินเป่ยเฉินลุกชันด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เขาเหวี่ยงกระบี่เงินในมือของตนเองขึ้นปัดป้อง

นี่คือกระบวนท่าที่ปลิดชีพร่างสัตว์ประหลาดของเว่ยหมิงเฉินก่อนหน้านี้

แต่บัดนี้ เมื่อกระบี่ของเขาปะทะเข้ากับรังสีกระบี่ทองคำจากเว่ยหมิงเฉิน แขนของหลินเป่ยเฉินก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกมหาศาล เด็กหนุ่มได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังกร๊อบ แล้วกระบี่เงินก็หลุดลอยออกไปจากมือของเขา

พลั่ก!

ตัวของหลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังหินของสุสานใต้ดิน จนเกิดเป็นรูปร่างมนุษย์เด่นหราบนผนัง

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยหมิงเฉิน

เพราะการโจมตีครั้งนี้ของเขา สมควรสังหารหลินเป่ยเฉินได้แล้ว

แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ได้ร่างระเบิดกระจาย

นี่หมายความว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้มีพลังอยู่ในขั้นเซียนธรรมดา

แต่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนตอนปลาย

ถือว่าขอบเขตพลังเลื่อนขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด

วูบ!

รังสีกระบี่ทองคำอีกสายพุ่งซ้ำเข้าไปยังรูโหว่รูปร่างมนุษย์บนผนังหิน

นี่คือกระบี่พิฆาต

หลินเป่ยเฉินไม่สมควรรอดจากกระบี่นี้ได้อีกแล้ว

“หยุดนะ”

“ไม่นะ…”

ลู่กวนไห่และสตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดนามแม่นางหลินอุทานออกมาพร้อมกัน ก่อนที่พวกนางจะโผพุ่งเข้าไปสกัดขวางกั้นเว่ยหมิงเฉิน

แต่รังสีกระบี่ของเว่ยหมิงเฉินรุนแรงมากเกินไป

เพียงสัมผัสขอบเขตรอบนอกของมันเท่านั้น สตรีทั้งสองนางก็ลอยกระเด็นกลับออกมา

รังสีกระบี่ทองคำพุ่งทะลวงเข้าไปในรูโหว่บนผนังหิน

ตู้ม!

เกิดการระเบิดที่ทำให้ถ้ำใต้ดินสั่นสะเทือน

บ่อลาวาที่อยู่ด้านล่างสั่นไหว ราวกับกำลังจะเกิดการระเบิดตัวครั้งใหญ่

ตายแล้วหรือ?

หลินเป่ยเฉินจะมาตายเช่นนี้จริง ๆ หรือ?

หัวใจของทุกคนกระตุกวูบ

เด็กหนุ่มผู้เป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขาจะต้องมาตายเช่นนี้จริงหรือ?

ความตายมาถึงอย่างรวดเร็วมากเกินไป สำหรับกับกลุ่มคนที่เพิ่งจะเห็นความสำเร็จของหลินเป่ยเฉินต่อหน้าต่อตาเมื่อสักครู่นี้ นี่จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด

“ไม่นะ…”

สตรีผู้สวมใส่หน้ากากแปลกประหลาดรีบพุ่งตัวไปยังรูโหว่บนผนังหิน

ทันใดนั้น

วูบ!

ลำแสงกระบี่สีเงินถูกยิงออกมาจากก้อนหินใหญ่ด้านหลังเว่ยหมิงเฉิน

ย่อมเป็นการโจมตีจากหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มกุมด้ามจับกระบี่ด้วยสองมือ ตัวคนพุ่งเป็นลำแสงออกมาจากก้อนหินใหญ่และฟันกระบี่เข้าใส่เว่ยหมิงเฉินสุดแรงเกิด

“เป็นไปได้อย่างไร?”

นี่คือการอุทานครั้งที่สองของเว่ยหมิงเฉินนับตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัว

เมื่อบุรุษหนุ่มเหลียวหน้ามองไปข้างหลัง เขาก็พบเข้ากับประกายกระบี่สีเงินที่พุ่งวาบเข้ามา

เคร้ง!

เว่ยหมิงเฉินยกมือขึ้นตั้งรับ

ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับคมกระบี่

มวลพลังจากปลายนิ้วระเบิดออกและหลินเป่ยเฉินก็ลอยกระเด็นกลับออกไปทั้งคนทั้งกระบี่

หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังหินทางด้านหลัง

คราวนี้ เด็กหนุ่มจมหายเข้าไปในผนังหินไม่ต่างจากปลากระโดดลงสู่สระน้ำโดยไม่เกิดการสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย

“หลบหนี?”

เว่ยหมิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาก้มมองปลายนิ้วของตนเอง

บาดแผลบริเวณปลายนิ้วค่อย ๆ รักษาตนเองอย่างแช่มช้า หยดโลหิตสีทองคำไหลซึมออกมามีขนาดเท่ากับเมล็ดข้าวกำลังส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ

เว่ยหมิงเฉินพบว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ!!