บทที่ 1163 การล่าได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,163 การล่าได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

คำพูดที่คุกคามและแฝงความหมายกระหายเลือดเช่นนี้… ช่างไม่เหมาะสมกับตัวตนของนักพรตหญิงชินแม้แต่น้อย

หรือนี่คือตัวตนที่แท้จริงของนักพรตหญิงชิน เพียงแต่นางไม่เคยเปิดเผยออกมา?

ว่าแต่หลังจากหายตัวไปเนิ่นนาน เหตุไฉนนักพรตหญิงชินถึงได้แข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้?

และดูเหมือนปีกกระบี่บนแผ่นหลังจะเพิ่มขึ้นด้วย

ทักษะการต่อสู้ของนางก็สูงขึ้น

แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น

นอกจากแข็งแกร่งขึ้นแล้ว นักพรตหญิงชินยังดูสวยงามขึ้นอีกด้วย

หลินเป่ยเฉินจำได้ดีว่าตอนที่เกิดการตรวจสอบวิหารเทพเจ้า นักพรตหญิงชินยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นนี้ และเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ

ตอนนั้น นางปิดบังฝีมือที่แท้จริงเอาไว้ใช่หรือไม่?

หรือว่าก่อนหน้านี้ นางไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่นักพรตหญิงชินได้อาศัยช่วงเวลาที่หายตัวไปฟื้นฟูพลังที่แท้จริงกลับคืนมาได้สำเร็จ?

หลินเป่ยเฉินเชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ

เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้นักพรตหญิงชินต้องซ่อนเร้นฝีมือที่แท้จริง เพราะมีนักบวชในวิหารประจำเมืองต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมากระหว่างการต่อสู้

นอกจากนี้ ยังมีตำนานที่เล่าขานว่านักพรตหญิงชินเคยสังหารเทพเจ้าอีกด้วย

ดังนั้น ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของนักพรตหญิงชิน นางก็สมควรเอาชนะเว่ยหมิงเฉินได้ใช่หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่ในใจ

แต่ในไม่ช้า เด็กหนุ่มก็พบว่าตนเองกังวลมากเกินไป

เพราะนักพรตหญิงชินมีความแข็งแกร่งมากเกินพอ

นางสามารถคุมสถานการณ์ได้เหนือกว่าเว่ยหมิงเฉิน

ด้วยการเคลื่อนไหวจากกระบี่ของนักพรตหญิงชิน ขนนกที่เป็นปีกกระบี่เก้าเส้นก็พุ่งตัวออกไปในอากาศ นอกจากจะสามารถสลายฝ่ามือทองคำของเว่ยหมิงเฉินได้แล้ว มันยังพุ่งเข้าไปทะลุหัวไหล่เว่ยหมิงเฉินได้อีกด้วย

บาดแผลกึ่งโปร่งแสงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเว่ยหมิงเฉิน

เขาก้มมองด้วยความสงสัยใจ

“ฟื้นคืนพลังได้แล้วหรือ?”

เว่ยหมิงเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยนไป เสียงที่สงบเยือกเย็นแฝงไว้ด้วยความสงสัยอยู่หลายส่วน “มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ ท่านถูกขับไล่ลงมาจากดินแดนทวยเทพ เป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นคืนพลัง ท่าน…”

วูบ!

ลําแสงจากปีกกระบี่ถูกระดมยิงใส่มาที่เขาอีกครั้ง

ครืน!

ร่างของเว่ยหมิงเฉินลอยกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับผนังหินเกิดเป็นรูโหว่รูปทรงมนุษย์ ก้อนหินบนผนังร่วงกราวลงสู่บ่อลาวาด้านล่าง…

“แข็งแกร่ง แต่ยังไม่ใช่ขั้นแข็งแกร่งที่สุดของท่าน”

เว่ยหมิงเฉินยังคงวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างสงบสุขุม

เปลวไฟสีทองคำที่ครอบคลุมร่างกายพวยพุ่งขึ้นสูง

ในพริบตานั้น รอบกายของชายหนุ่มพลันเต็มไปด้วยลำแสงกระบี่หลายร้อยเล่ม

และลมหายใจต่อมา เมื่อเว่ยหมิงเฉินกระแทกฝ่ามือออกมาข้างหน้า พลังต้องห้ามก็ถูกเปิดผนึก ลำแสงกระบี่ที่ลอยตัวอยู่ในอากาศพลันพุ่งตรงโจมตีใส่นักพรตหญิงชินเป็นจุดเดียว

เว่ยหมิงเฉินเอาจริงแล้ว

วูบ! วูบ! วูบ!

นักพรตหญิงชินซวนเซในอากาศ ขนนกที่เป็นโลหะจากปีกกระบี่บนแผ่นหลังยังคงถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกมันกลายเป็นพายุมีดสั้นกรีดฟ้าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…

“เชี่ย”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตและอุทานว่า “เก่งกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

พายุมีดสั้นปะทะกับลำแสงกระบี่สีทองคำกลางอากาศ เกิดเป็นการระเบิดตัวสว่างไสวราวกับเทศกาลดอกไม้ไฟ

ท่ามกลางเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่องนี้ ชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้ถูกตัดสินออกมาแล้ว

พายุมีดสั้นสีเงินของนักพรตหญิงชินมีอานุภาพในการทำลายล้างรุนแรงมากกว่าลำแสงกระบี่ทองคำของเว่ยหมิงเฉิน…

ในที่สุด เว่ยหมิงเฉินก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากนักพรตหญิงชินได้อีกต่อไป

สวบ! สวบ! สวบ!

มีดสั้นจำนวนมากปักเข้าใส่ร่างกายเว่ยหมิงเฉิน

เว่ยหมิงเฉินพยายามอย่างดีที่สุดในการโคจรพลังลมปราณขึ้นมาสร้างเป็นชุดเกราะห่อหุ้มร่างกาย และเมื่อถูกพายุมีดสั้นโจมตีอย่างต่อเนื่อง ร่างของเขาก็เริ่มถอยร่นไปเรื่อย ๆ

พลั่ก!

จนกระทั่ง เว่ยหมิงเฉินไถลไปชนกับกำแพงหินทางด้านหลัง

เกิดเป็นรูโหว่รูปทรงมนุษย์จมลึกเข้าไปในเนื้อหินอีกครั้ง

“มีความแข็งแกร่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นเทพเจ้า น่าสนใจดีนี่นา…”

เสียงที่เย็นชาของเว่ยหมิงเฉินดังออกมาจากรูลึกในผนังหิน

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความสงสัย

ไอ้หมอนี่มีความรู้สึกเจ็บปวดบ้างไหมเนี่ย? โดนอัดเข้าไปขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ร้องออกมาบ้างเลยนะ?

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ขนนกโลหะจากปีกกระบี่ยังคงรัวยิงเข้าใส่ช่องว่างในผนังหิน

คลื่นพลังที่หนักหน่วงรุนแรงแผ่กระจายไปรอบทิศทางทำให้ผิวน้ำในบ่อลาวาสั่นไหวอย่างน่ากลัว

“ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว”

เสี่ยวหรานและคนอื่น ๆ เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว

แม้แต่ม่านพลังสีเงินที่ครอบทับสุสานใต้ดินก็ทนแรงกดดันจากพายุมีดสั้นไม่ไหว รอยแตกร้าวเริ่มปรากฏให้เห็นในสายตา ชัดเจนว่าสุสานใต้ดินกำลังจะถล่มลงมาในไม่ช้า

มหันตภัยกำลังจะเกิดขึ้น

เห็นดังนั้น นักพรตหญิงชินก็หยุดมือทันที

หมอกควันสีขาวลอยตลบอบอวลออกมาจากช่องโหว่ในผนังหิน

หมอกควันลอยตลบฟุ้งในอากาศ

ตุบ!

ร่างที่ยับเยินร่างหนึ่งร่วงหลุดออกมาจากช่องโหว่ในผนัง

ย่อมต้องเป็นร่างของเว่ยหมิงเฉิน

บุรุษหนุ่มแสดงสีหน้าตื่นตระหนก เสื้อคลุมสีดำขลิบทองของเขาขาดรุ่งริ่ง แขนหักผิดรูป ผมสีขาวราวหิมะยุ่งเหยิง ใบหน้าที่หล่อเหลาปกคลุมด้วยเศษดิน เศษฝุ่นและโลหิตสีทองคำ…

“พลังสูงส่งเช่นนี้”

เว่ยหมิงเฉินยังคงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ท่านคงปลดผนึกได้แล้วสินะ แต่ยังฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นท่านจึงไม่ควรปรากฏตัวออกมาเพื่อช่วยเหลือเจ้าเด็กคนนี้เลย นับจากนี้ไป ท่านจะเผชิญหน้าการไล่ล่าจากวิหารเทพพงไพร และท่านจะไม่รอดชีวิตอีกแล้ว”

นักพรตหญิงชินไม่พูดคำใดออกมา

คำตอบของนางคือพายุมีดสั้นที่ระดมยิงเข้าใส่ร่างกายอันบอบช้ำของเว่ยหมิงเฉินระลอกใหม่

“ไร้ประโยชน์”

“ถึงท่านสังหารข้า ท่านก็ลบเลือนความทรงจำไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีทางปิดบังทุกคนได้เด็ดขาด…”

“ในเมื่อท่านปลดผนึกพลังต้องห้ามสำเร็จแล้ว ก็ถือว่าข้อตกลงของเราเป็นอันโมฆะ นักพรตหญิงชิน ข้าขอแนะนำให้ท่านรีบหลบหนีไป”

เว่ยหมิงเฉินไม่ได้หลบหลีกพายุมีดสั้น

เขาปล่อยให้มีดสั้นเหล่านั้นแทงทะลวงร่างกายของตนเอง

ในไม่ช้า ร่างของเว่ยหมิงเฉินก็ถูกปกคลุมด้วยฝูงมีดสั้นสีเงิน

จังหวะนั้น เขาหันหน้ามาชำเลืองมองที่หลินเป่ยเฉิน

“ส่วนเจ้า หลังจากที่เห็นเจ้าเจริญเติบโตมาถึงขั้นนี้ ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้เจ้าเติบโตไปมากกว่านี้อีกไม่ได้ ข้าเองก็ขอแนะนำให้เจ้าจงรีบหลบหนีไปเช่นกัน”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว

เว่ยหมิงเฉินกำลังจะถูกนักพรตหญิงชินฆ่าตายอยู่รอมร่อ ทำไมถึงยังปากเก่งได้อีกนะ

หรือว่า…

ความคิดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวสมองของหลินเป่ยเฉิน

“การล่าได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”

เมื่อจบคำพูดสุดท้ายของเว่ยหมิงเฉิน พลังปราณน้ำแข็งก็เกาะเต็มใบหน้าอันหล่อเหลานั้น และร่างกายของชายหนุ่มก็ระเบิดกระจายไปด้วยพายุมีดสั้นของนักพรตหญิงชิน

นักบวชสาวยุติการโจมตีของตนเอง

ปีกกระบี่ของนางค่อย ๆ หุบลงและเลือนหายไป

นักพรตหญิงชินทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนสะพานหิน

“ขะ ขะ เขา… เว่ยหมิงเฉินตายแล้วใช่หรือไม่?”

เม่ยฮัวโส่วซึ่งอยู่ในการประคองของเม่ยหลินอดถามออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือไม่ได้

เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาทุ่มเทออกมาทุกสิ่งทุกอย่าง

อย่าว่าแต่จะเป็นสำนักกระบี่สายฟ้าวายุหรือหลานชายของเขาอย่างเม่ยหลินเลย หากวันนี้เว่ยหมิงเฉินไม่ตาย ทุกคนที่เข้าร่วมการต่อสู้ก็คงต้องพบเจอกับมหันตภัยในอนาคตแล้ว

นักพรตหญิงชินหันมามองหน้าเขาและส่ายศีรษะเป็นคำตอบ

ความหวังในดวงตาของเม่ยฮัวโส่วดับวูบลง ไม่ต่างจากเทียนไขที่ถูกสายลมและสายฝนดับเปลวไฟ

หัวใจของทุกคนเริ่มเต้นระทึกด้วยความหวาดวิตก

“แต่ร่างเขาระเบิดกระจายไปแล้วนะ?”

ฮั่วเฟยฮัวอดถามออกมาอีกครั้งไม่ได้

อาการบาดเจ็บของนางในครั้งนี้นับได้ว่ารุนแรงที่สุด ต่อให้สามารถรอดชีวิตกลับไปที่สำนักคฤหาสน์กำยาน ก็ไม่แน่ว่าฮั่วเฟยฮัวจะสามารถรอดชีวิตได้อีกนานเท่าใด

“นั่นเป็นเพียงร่างแยกของเขา”

นักพรตหญิงชินตอบ “เว่ยหมิงเฉินมีความชำนาญด้านการสร้างร่างแยก ตัวเขาที่พวกเราเผชิญหน้าในวันนี้ เป็นเพียงหนึ่งในสามร่างแยกที่เขามี หาใช่ตัวจริงของเขาไม่”