ยามที่นักพรตชุดเขียวเงยหน้ามองฟ้า จักรพรรดิขาวเองก็กำลังเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าเช่นกัน
เพียงแต่เขาไม่ได้มองไปยังทูตสวรรค์เซิ่งกวงสองท่านนั้น แต่กลับมองไปทางด้านนั้นของชั้นเมฆ เขามองไปทางด้านตะวันตก
“นี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นบนโลกนี้ในรอบหลายปี ท่านมีความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมสรรพสิ่งบนโลกนี้ จะอยู่ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ ละเลยผู้คน รวมไปถึงข้า แต่นี่เป็นสวรรค์บนโลกมนุษย์อื่นที่อยู่ภายนอกโลกของท่าน ท่านยังสามารถสงบนิ่งอย่างนี้ต่อไปได้อีกหรือ”
มู่ฮูหยินมองไปที่เขาก่อนเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “บนโลกใบนี้บางทีอาจจะไม่มีผู้ใดกล้าทรยศท่าน ดังนั้นข้าจึงหยิบยืมกองทหารพิเศษกลุ่มหนึ่งมาจากโลกภายนอก ท่านไม่ได้คิดถึงในจุดนี้ ดังนั้นสุดท้ายท่านก็สูญเสียการควบคุมในสถานการณ์นี้ไป เช่นนั้นยามนี้ท่านจะทำเยี่ยงไรเล่า”
จักรพรรดิขาวมองไปที่ทะเลเมฆก่อนเอ่ยถามด้วยความจริงจัง “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้”
มู่ฮูหยินเอ่ย “แน่นอนว่าท่านแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่เพื่อโป้ปดทั้งดินแดน ท่านยังคงอ่อนแอลงไปมาก…ดังนั้นโกหกคนอื่นตนก็ถูกโกหกเข้าไปด้วย นี่ก็ไม่ได้กำลังพูดถึงบุรุษช่างสงสัยและไร้ซึ่งสาระอย่างท่านหรือ ต่อให้ข้ายังคงเอาชนะท่านไม่ได้ แต่อย่างน้อยยังสามารถรั้งท่านไว้สักช่วงหนึ่งได้”
หากนางสามารถถ่วงเวลาจักรพรรดิขาวเอาไว้สักช่วงหนึ่งได้ ทูตสวรรค์เซิ่งกวงสองท่านนั้นก็จะสามารถสังหารเฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงได้ ยังรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งมือดีอีกจำนวนหนึ่งของสำนักฝึกหลวง ต่อมาก็คือสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจที่จงรักภักดีกับจักรพรรดิขาวเหล่านั้น หลังจากนั้นสถานการณ์ก็จะเข้ารูปเข้ารอย
จักรพรรดิขาวลอบยิ้มก่อนเอ่ยว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้ารู้ดีว่าข้าช่างสงสัย อย่างนั้นเจ้าไม่กังวลว่าข้ายังเตรียมพร้อมในด้านอื่นเอาไว้อีกหรือ”
เมื่อได้ฟังคำเรียกขานว่าอวิ๋นเอ๋อร์เช่นนี้ ในดวงตามู่ฮูหยินปรากฏอารมณ์รังเกียจอย่างแรงกล้าออกมา นางเอ่ย “ไป๋สิงเยี่ย เก็บกลวิธีเช่นนี้ของท่านไปเสีย ข้าได้ฟังแล้วชวนอยากอาเจียนยิ่งนัก ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว มาจนถึงตอนนี้ พวกเรามาเจรจากันดีๆ มิได้หรือ”
รอยยิ้มของจักรพรรดิขาวยังไม่หยุดลง แต่กลับมีความจริงใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาเอ่ย “เจ้าว่ามาสิ ข้ากำลังฟังอยู่”
“ในปีนั้นซางสิงโจวหลอกลวงท่าน ทำให้ท่านเข้าใจว่าสามารถเด็ดราชามารผู้นี้ได้โดยง่าย แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ท่านและราชามารต่างก็บาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่าย หลายปีมานี้ได้แต่มองเห็นเขาจรัสแสงอย่างไร้ขีดจํากัด ท่านยินดีหรือ ในเมื่อเขาโกหกท่าน แล้วจะกล้ามาที่นี่ได้อย่างไร ไม่กลัวว่าจะถูกท่านหลอกกลับคืนหรือ”
มู่ฮูหยินเอ่ยอย่างหัวเราะเยาะ “คนช่างสงสัยต้องตายเพราะความสงสัยของตน ที่พูดนี่ก็หมายถึงคนอย่างท่านและซางสิงโจวนั่นเอง”
จักรพรรดิขาวเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “คำพูดนี้มีเหตุผลยิ่งนัก แต่ว่าเจ้าก็รู้ดี สถานการณ์ในวันนี้แตกต่างออกไป”
มู่ฮูหยินเอ่ย “ต่อให้ซางสิงโจวประสงค์จะมา ก็คงมาไม่ทันแล้ว และถ้าหากว่าเขามาได้จริง ในตอนนี้เหตุใดท่านยังไม่รีบมาสังหารข้าอีก”
จักรพรรดิขาวเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “จนถึงกระทั่งตอนนี้เจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือว่าข้าไม่เคยคิดจะสังหารเจ้า”
เมื่อเอ่ยคำนี้จบ จู่ๆ แววตาของจักรพรรดิขาวก็เปลี่ยนไป
จู่ๆ ลูกตาสีดำของเขาก็หายไป เหลือไว้เพียงลูกตาสีขาวเท่านั้น มองดูช่างน่ากลัวอย่างแปลกประหลาด แถมยังอันตรายอีกด้วย
ระหว่างฟ้าและดินล้วนเป็นสีขาว นี่สามารถเป็นทะเลเมฆ และสามารถเป็นทุ่งหิมะก็ได้
ร่องรอยของพายุหิมะอันบ้าคลั่ง ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา
ชั้นเมฆที่อยู่รอบกายมู่ฮูหยินจู่ๆ ก็ม้วนตัวขึ้น และแพร่ขยายออกไปรอบทิศทาง มองดูแล้วคล้ายกับหิมะขนห่าน
พลังที่รวบรวมขึ้นอย่างหนาแน่น มาถึงยังพื้นดินจากด้านในของเมฆ
เกิดเสียงโครมดังสนั่น พฤกษาบุปผานับไม่ถ้วนในเขตพระราชฐานหักโค่นล้มลง ตำหนักศิลาก็เกิดเสียงดังสนั่น
หอทัศนะที่รับเอาพลังนี้มาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จมลงไปจากพื้นดินถึงครึ่งฉื่อ!
หอทัศนะจมลงไปในทางฝั่งของหน้าผา แต่กลับไม่ถล่ม
เนื่องจากจักรพรรดิขาวอยู่ด้านบนของหอทัศนะ
เขากุมมือทั้งสองข้าง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
เกิดเมฆบางติดตามมาหลังจากที่พลังนั้นมาถึงยังหอทัศนะ
เมฆบางเหล่านั้นมาจากทะเลตะวันตก นำมาซึ่งความเปียกชื้นและน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น
แต่เมื่อเมฆบางเหล่านั้นปะทะเข้ากับร่างกายของจักรพรรดิขาว ฉับพลันนั้นเองน้ำหนักทั้งหมดก็หายไป คงเหลือไว้เพียงสีสันที่บริสุทธิ์ที่สุด
เมฆบางสีขาวนับไม่ถ้วน โอบล้อมอยู่รอบกายของจักรพรรดิขาว มันหมุนตัวขึ้นด้วยความเร็วที่ยากจะจินตนาการได้กลายเป็นกลุ่มเมฆที่หนาแน่นกลุ่มหนึ่ง
ด้านในของกลุ่มเมฆที่หนาแน่นผืนนั้นมีแสงสว่างและความร้อนนับไม่ถ้วนแผ่คลุมอย่างหนาทึบ ปะทะเข้ากับลมที่มีความคมกริบดั่งมีดอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ทำให้รูปร่างของมันมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
เมฆกลุ่มนั้นไม่คล้ายกับโจรสลัด และไม่คล้ายกับผู้เล่าเรียนทงกู่ซือ
เสียงที่ดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าระเบิดออกบนท้องฟ้าเมืองไป๋ตี้
เมฆสีขาวมุ่งหน้าไปทางด้านบนบ้านที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลังนั้น ก็ปรากฏเงาแสงที่มองเห็นได้ชัดเจนนักบนท้องฟ้าสีคราม
นั่นคือเสือสีขาวที่ใหญ่โตกว่าตัวที่อยู่ที่ยอดเขาหิมะเทือกเขาลั่วซิงเสียอีก
……
……
เมื่อมองเห็นเสือสีขาวตัวนั้นทอดเงาอยู่บนท้องฟ้า ในเขตพระราชฐานพลันเกิดเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจอย่างตื่นเต้นถึงที่สุดนับไม่ถ้วน
ทูตสวรรค์เซิ่งกวงท่านนั้นเพิ่งจะทำลายค่ายกลพระราชวังหลี และเตรียมสังหารนักบวชเผ่ามนุษย์ทุกคนรวมไปถึงประชากรเผ่าปีศาจทั้งหมดในเมือง ก็เงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าเช่นกัน
เขาเป็นทูตสวรรค์แห่งสงครามผู้โหดร้ายที่สุดและมีความสามารถในการสังหารได้ดีที่สุดในหมู่ผู้รับใช้ของเทพเจ้า เขาไม่เคยรู้ว่าความกลัวคือสิ่งใด
แต่เมื่อเขาเห็นแสงและเงาบนท้องฟ้า และเห็นเมฆสีขาวที่กำลังร้องคำรามกลุ่มนั้น เขาก็ยังรู้สึกตื่นตัวสุดขีด และถึงกับเกิดความรู้สึกอยากล่าถอย
เขารู้ได้อย่างชัดเจนมากว่า นี่คือคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดที่เขาเคยพบในดินแดนแห่งนี้
แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ผู้นั้นที่เขาสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อน
ในช่วงเวลาสั้นๆ ทูตสวรรค์เซิ่งกวงก็ตัดสินใจทันที
เขายกระดับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาขึ้นอย่างถึงขีดสุด เปล่งเสียงคำรามดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าผ่า และกระแทกวัชระแสงเบาๆ เข้ากับกลุ่มเมฆก้อนนั้น
ถ้าหากจักรพรรดิขาวใช้ร่างจริงในการโจมตี บางทีเขาอาจจะเลือกล่าถอยไปชั่วขณะ ทว่าสิ่งที่มาถึงในตอนนี้เป็นเพียงแค่จิตวิญญาณเท่านั้น เขาเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
เสือที่เกิดจากเมฆนั้นมาถึงด้านบนของตัวบ้าน มันอ้าปาก ปรากฏให้เห็นฟันที่แหลมคม กัดเอาวัชระแสงไว้
ครืด!
เกิดการเสียดสีระหว่างฟันที่แหลมคมกับวัชระแสง เกิดฟ้าแลบที่แม้จะเล็กแต่ก็น่ากลัวอย่างยิ่งนับไม่ถ้วน
เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นบนท้องฟ้า สายลมอันบ้าคลั่งหอบเอารัตติกาลที่อยู่เหนือตัวบ้านและแสงสว่างที่เหลืออยู่ไป
ความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวได้บดขยี้สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในตัวบ้าน แม้แต่เม็ดทรายสีเหลืองเหล่านั้นที่อยู่บนพื้นก็คล้ายกับได้กลายเป็นก้อนอิฐไปเสียแล้ว
บรรดานักบวชทั้งหลายต่างก็ต้านทานไม่ไหว วิ่งหนีออกไปด้านนอกตัวบ้านอย่างไร้ทิศทาง
ถังซานสือลิ่วที่อยู่ภายในการปกป้องของนักเล่นพิณตาบอดและคนอื่นๆ พลันกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม
ราชามารที่กำลังประสงค์จะสังหารคนผู้นี้ก่อน จู่ๆ ก็ราวกับสัมผัสได้ถึงสิ่งใดบางอย่าง
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า สีหน้าของเขาปรากฏความรู้สึกตื่นตกใจและอารมณ์ที่เหลือเชื่อออกมา
……
……
บนท้องฟ้า
นักพรตชุดเขียวผู้หนึ่ง ปรากฏขึ้นด้านหลังของทูตสวรรค์เซิ่งกวง อย่างเงียบๆ
ทูตสวรรค์เซิ่งกวงกำลังต่อสู้กับจิตวิญญาณของจักรพรรดิขาว ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่บนวัชระแสงนั้น
ทูตสวรรค์ที่เกิดขึ้นมาตามกฎเกณฑ์และหลักการของฟ้าดินอย่างเขา กลับไม่ได้สังเกตถึงนักพรตชุดเขียวที่ปรากฏอยู่เบื้องหลังตน นี่นับเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจได้นัก
ภาพฉากนี้แปลกประหลาดอย่างผิดปกติ ทั้งยังน่ากลัวยิ่งนัก
นักพรตชุดเขียวยื่นมือทั้งสองข้างออกไป จับเอาปีกทั้งสองข้างของทูตสวรรค์เซิ่งกวงเอาไว้
ในที่สุดทูตสวรรค์เซิ่งกวงก็รู้สึกตัว แววตาของเขาปรากฏออกมาซึ่งความหวาดกลัว ราวกับเหวลึก
เขายังไม่ทันได้ลงมือกระทำเรื่องใด แม้แต่ยังไม่ทันได้หันกลับไป
แควก
เสียงแผ่วเบาดังขึ้น
คล้ายกับหญิงสาวน่ารักผู้หนึ่งกำลังกรีดพัด
คล้ายกับคุณชายผู้สูงส่งกำลังฉีกหนังสือ
ปีกของทูตสวรรค์เซิ่งกวงถูกฉีกออกโดยนักพรตชุดเขียวอย่างไร้เยื่อใย
เกิดเสียงกรีดร้องดังขึ้น
เสียงกรีดร้องนั้นเจ็บปวดหาใดเปรียบ โกรธแค้นหาใดเปรียบ สิ้นหวังหาใดเปรียบ คล้ายกับฟ้าร้องจริงๆ ดังสะท้อนกลับไปมาอยู่บนท้องฟ้าเหนือเขตพระราชฐาน