ณ ส่วนลึกในทะเลทางตอนใต้ที่ห่างไกลมาก แสงสายหนึ่งจู่ๆ ก็หยุดลง ทูตสวรรค์เซิ่งกวงปรากฏร่างออกมา
ร่างของเขาถูกกระบี่ยูไลไวโรจนะแทงจนทะลุ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางรักษาได้
เขาต้องเร่งรุดกลับไปยังเมืองเสวี่ยเหล่า เพื่อรับการรักษาบนแท่นบูชา
แต่ในท้องฟ้าทางทิศเหนือกลับปรากฏเทือกเขาสีดำเป็นแนวยาวขึ้น ปิดกั้นหนทางไปทั้งหมดของเขาเสีย
จากนั้นไม่ว่าเขาจะเลือกเส้นทางใด ล้วนไม่มีทางอ้อมเทือกเขาสีดำนั้นไปได้
เทือกเขาเส้นนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ นั่นคือมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งตัวหนึ่ง
ต่อให้อยู่ในดินแดนเซิ่งกวง หรือแม้อยู่ในโลกแห่งแสงสว่างก่อนยุคประวัติศาสตร์ในตำนาน มังกรยักษ์น้ำค้างแข็งก็ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากที่สุดและสูงส่งที่สุด
แต่มังกรยักษ์ตัวนี้ยังไม่โตเต็มวัยนัก หากเป็นในยามปกติ ทูตสวรรค์เซิ่งกวงอาจจะเพียงแค่ระมัดระวัง แต่ไม่มีทางถอยหนีโดยไม่มีการต่อสู้แน่นอน
แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือบาดแผลของเขาสาหัสยิ่งนัก ทำได้เพียงอาศัยปีกสีขาวบริสุทธิ์ในการประคับประคองความเร็ว เพื่อให้รับประกันได้ว่าจะไม่ถูกอีกฝ่ายตามมา เขาไม่กล้าผลีผลามเลย
เพียงแต่ว่าเวลาผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว บาดแผลของเขาก็อาการร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงเวลาต้องต่อสู้จนตัวตาย
ดวงอาทิตย์ส่องกระทบผิวน้ำทะเลราวกับกระจก เกิดไอหมอกขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วร้อนอบอ้าวยิ่งนัก
ทูตสวรรค์เซิ่งกวงหันกลับไปมองทางขอบฟ้า และจู่ๆ ก็หยุดการเคลื่อนไหว
เสียงคำรามของมังกรที่คล้ายกับพายุบ้าคลั่ง หญิงสาวชุดดำแหวกอากาศมาถึงแล้ว
ภาษาของเผ่าเทพและเผ่าพันธุ์มังกรใกล้เคียงกันยิ่งนัก ทูตสวรรค์เซิ่งกวงสามารถฟังเข้าใจเจตนาของนางได้
“ข้าบาดเจ็บสาหัสก็จริง แต่ข้ายังคงมีแรงสังหารเจ้า”
สีหน้าของทูตสวรรค์เซิ่งกวงสีขาว คล้ายกับโปร่งแสงได้ แต่การแสดงออกของเขาเคร่งขรึมยิ่งนัก
เขาเอ่ยภาษาที่สลับซับซ้อนนั้นออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ในส่วนลึกของทะเลที่อยู่ห่างไกลจากดินแดน ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าได้”
ยามแรกสุด เขาพยายามข้ามสันเขาที่เต็มไปด้วยหิมะเพื่อกลับไปยังอาณาเขตมาร โบยบินผ่านใจกลางของดินแดนเป็นระยะเวลานาน กระทั่งมีหลายครั้งที่หลบหนีการติดตามของมังกรดำได้สำเร็จ แต่ว่าในช่วงสุดท้าย เขากลับเลือกยอมแพ้ เพียงเพราะเขารับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าของเส้นทางนี้ มีลมปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ารอเขาอยู่ยังเส้นทางเบื้องหน้า
ลมปราณเหล่านั้นบ้างก็เหมือนกับพระอาทิตย์ บ้างก็เหมือนกับบ่อน้ำโบราณ บ้างก็เหมือนกับดาบ
เห็นได้ชัดว่า ผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์เหล่านั้นรอคอยสังหารเขาอยู่ทุกหนแห่งบนแผ่นดินใหญ่
ทูตสวรรค์เซิ่งกวงไม่กล้าเสี่ยงไปจากแผ่นดินใหญ่นี้ ไม่กล้ามุ่งหน้าสู่ทะเลลึกทางใต้ที่อยู่ไกลที่สุดนั้น
คำกล่าวที่ว่าสู้จนตัวตาย คิดแล้วก็คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
นักพรตผู้นั้นและหญิงสาวที่สวมอาภรณ์สีขาวยังคงอยู่ในเมืองไป๋ตี้เพื่อจัดการเรื่องราวที่สำคัญกว่า อาทิเช่นเรื่องความเป็นความตายของเด็กหนุ่มคนนั้น
ขอเพียงเขาสามารถสังหารมังกรยักษ์น้ำแข็งตัวนี้ได้ อย่างนั้นบนดินแดนแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถติดตามความเร็วของเขาได้อีกต่อไป
คิดถึงตรงนั้นขอเพียงเขาเลือกเส้นทางให้ดี หลีกเลี่ยงผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ที่อยู่ทุกหนแห่งในดินแดนเหล่านั้นเสีย ก็มีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะกลับไปถึงยังเมืองเสวี่ยเหล่า
เสียงสวดมนต์ที่มีความหมายอันศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น มันเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางของทูตสวรรค์เซิ่งกวงราวกับสายน้ำไหล
สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม และจริงจังจนถึงขีดสุด มีความศรัทธาหาใดเปรียบ
ลมปราณของเขาก็เข้มแข็งขึ้นมากเช่นกัน
เขาตรึงความหวังและความรุ่งโรจน์ทั้งหมดเอาไว้ในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้
……
……
สีหน้าของมังกรดำไร้ซึ่งความจริงจัง เรียกว่าจริงจังยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นทูตสวรรค์เซิ่งกวงมีลมปราณเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นางแทบจะไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกที่ว่าศัตรูมาเยือนเลย แต่กลับคล้ายกับว่าตนนั้นกำลังมองคนโง่งมผู้หนึ่งแสดงละคร
จู่ๆ นางก็คิดถึงคำพูดบางคำที่ท่านพ่อเคยกล่าวกับนางเมื่อหลายปีหลายปีก่อน
‘ทูตสวรรค์เหล่านั้นหรือ เพราะว่าหยิ่งยโสเกินไป ดังนั้นจึงโง่งมยิ่งนัก ทางที่ดีก็สังหารไปเลยให้สิ้น’
ใช่แล้ว ท่านพ่อ
ทูตสวรรค์เหล่านี้ช่างโง่งมเหมือนที่ท่านเคยว่าไว้จริงๆ
มังกรดำเศร้าใจเล็กน้อย
ระหว่างท้องฟ้าสีครามและน้ำทะเล ไม่มีลม แล้วก็ไม่มีเสียงใด
จู่ๆ น้ำทะเลก็เคลื่อนไหวขึ้นมา เอาแต่ม้วนตัวกลับไปกลับมาไม่หยุด ราวกับกำลังเดือดพล่าน
เกาะนับสิบเกาะน้อยใหญ่โผล่ขึ้นมาจากทะเลอย่างช้าๆ
บนหมู่เกาะเหล่านั้นมี…มังกรหลากหลายสายพันธุ์ บ้างก็เล็กบ้างก็ใหญ่กำลังนอนอยู่บนเกาะเหล่านั้น
นี่คือเกาะมังกร และมังกรทั้งหมดในโลกนี้อาศัยอยู่ที่นี่
ในเวลานี้ดวงอาทิตย์ว่างเปล่า เป็นเวลาที่พวกมันกำลังอาบแดด
เสียงคำรามของมังกรหลายสิบเสียงดังขึ้น บางตัวก็เคร่งขรึม บางตัวก็มุทะลุ บางตัวก็ดูไม่อยู่กับร่องกับรอย
ร่างของมังกรที่เหมือนภูเขาหลายสิบตัวปรากฏขึ้น นอนขวางอยู่บนท้องฟ้า ปิดกั้นแสงแดดทั้งหมดไว้เสีย
ลมหายใจมังกรที่บ้างก็แผ่วเบาบ้างก็แข็งกล้านับสิบสาย ตกกระทบลงบนกายของทูตสวรรค์เซิ่งกวง
ทูตสวรรค์เซิ่งกวงเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางหอกแสงในมือของเขาลง
ในทะเล เขาดำดิ่งลงสู่ความลึกที่มืดที่สุด
เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์บนผิวน้ำ
เขาไม่รู้สึกหนาวและกลัว แต่กลับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น
……
……
ที่น้ำทะเลทางตอนใต้มีความอบอุ่นนั้น เป็นเพราะว่าที่นั่นมีเมฆน้อย ดวงอาทิตย์มีกำลังแรงมาก
น้ำในแม่น้ำแดงที่ไม่หนาวเย็นกลับเป็นเพราะเพลิงเถื่อนที่อยู่ด้านใต้ต้นเทียนซู่รั่วไหลออกมาบางส่วนตามรอยแตกแยกของศิลา
เพลิงเถื่อนที่หลั่งไหลออกมาในวันนี้ค่อนข้างมาก น้ำในแม่น้ำแดงจึงค่อนข้างอบอุ่น สาหร่ายสีแดงเติบโตขึ้นด้วยความเบิกบาน ไม่ต้องอาศัยเวลานานก็สามารถทำให้น้ำในแม่น้ำถูกย้อมจนแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หากเป็นเวลาปกติ อวี๋จิงที่อาศัยสาหร่ายแดงเป็นอาหารคงต้องกำลังรับประทานอย่างเบิกบานใจบางครั้งก็ใช้หางที่ทั้งกว้างและแบนของตนฟาดเข้าที่ผิวน้ำ จนบังเกิดภาพน่าตื่นตาเป็นแน่
แต่พวกมันที่มีสติปัญญาในระดับหนึ่งนั้น ในวันนี้ได้ดำดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดแล้ว พวกมันแทบจะไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเลย
แม่น้ำแดงสงบนิ่งเช่นนั้น มองไปแล้วก็คล้ายกับผ้าแพรสีแดงผืนหนึ่ง
ทั้งสองฝั่งแม่น้ำไม่มีผู้ใด
ในเมืองไป๋ตี้กลับเกิดเสียงดังวุ่นวาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบด้านของตัวบ้านที่อยู่ติดกับปราสาทเขาของเผ่าเซี่ยงที่อยู่ด้านตะวันตกของเมืองหลังนั้น มันแออัดไปด้วยศีรษะของผู้คนจนเกิดเป็นสีดำผืนใหญ่
ห้องหับต่างๆ ที่อยู่ในบ้านถูกทำลายเสียจนสิ้น รอบด้านล้วนสามารถมองเห็นเศษอิฐหักและคานที่ถูกทำลาย ปกคลุมไปด้วยทรายสีทอง มองแล้วคล้ายกับถูกทิ้งร้างไปหลายสิบปี
ค่ายกลพระราชวังหลีได้ถูกทำลายจนสิ้น ทูตสวรรค์เซิ่งกวงผู้นั้นก็สิ้นแล้ว แต่บรรดานักบวชที่อยู่รอบตัวบ้านยังคงไม่ได้จากไป
ราชันแห่งหลิงไห่รวมไปถึงผู้อาวุโสแห่งสำนักฝึกหลวง ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าของประตูบ้าน
ถังซานสือลิ่วสีหน้าซีดเซียวต้องอาศัยการพยุงของหญิงสาวที่ขายเครื่องประทินโฉมผู้นั้นจึงจะสามารถยืนอยู่ได้
พวกเขาล้วนไม่ได้จากไป เนื่องจากราชามารยังอยู่ด้านใน
แต่พวกเขาเข้าไปไม่ได้เนื่องจากบ้านทั้งหลังล้วนถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าองครักษ์ปีศาจแห่งแม่น้ำแดงแล้ว
เสี่ยวเต๋อและหัวหน้าเผ่าชื่อรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจสิบกว่าคนยืนอยู่ด้านหน้าตัวบ้าน
ต่างฝ่ายต่างก็ยืนคุมเชิงกันเงียบๆ
จู่ๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลัง
บรรดานักบวชของสำนักฝึกหลวงหลีกทางออกราวกับกระแสน้ำ
เฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงเดินเข้ามา
กระบี่กว่าร้อยเล่มแหวกอากาศมาถึง ก่อตัวเป็นค่ายกลอยู่บนท้องฟ้า
เสี่ยวเต๋อไม่ได้มีเจตนาหลีกทางให้
เขามองไปยังเฉินฉางเซิงก่อนเอ่ย “นี่คือเจตนาของฝ่าบาท ให้อภัยข้าด้วย”
……
……
ทุ่งหญ้ารอบๆ หอเทียนโส่ว ยังคงรักษาสีเขียวด้วยการหล่อเลี้ยงของแม่น้ำ
ศิลาสีเขียวบนถนนเปียกชุ่มไปด้วยเมฆหมอกผืนนั้นเปล่งแสงแวววาว
จักรพรรดิขาวมองไปยังการเคลื่อนไหวตรงหน้าอาคารที่อยู่ไกลๆ มองไปยังกระบี่ที่คล้ายกับเมฆฝนในท้องฟ้า ประกายความชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
วิถีกระบี่ของเฉินฉางเซิงมีพลังมากกว่าที่คำเล่าลือกล่าวไว้เสียอีก
ซางสิงโจวเดินไปข้างๆ เขาและเอ่ยว่า “คนที่ข้าประสงค์จะสังหาร ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้ เจ้าก็เช่นกัน”
เขาไม่ได้พูดถึงเฉินฉางเซิงแต่เป็นราชามาร
การสังหารทูตสวรรค์เซิ่งกวงทั้งสองนั้น ถือเป็นเพียงเป้าหมายพื้นฐานที่สุดสำหรับเขาเท่านั้น
หากสามารถฆ่าราชามารได้ ก็สามารถกล่าวได้ว่าเผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์
แม้แต่ทูตสวรรค์เซิ่งกวงคนสุดท้าย จักรพรรดิขาวก็ยังอยากจะทิ้งทางรอดให้เขา นับประสาอะไรกับราชามาร
ดังนั้นเขาจึงตั้งคำถามกลับซางสิงโจวว่า
“หลังจากที่เจ้าตายแล้ว เผ่ามนุษย์จะตกเป็นของลูกศิษย์คนใดของเจ้า”