ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 217 ความอบอุ่นหลังความตาย

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ณ ส่วนลึกในทะเลทางตอนใต้ที่ห่างไกลมาก แสงสายหนึ่งจู่ๆ ก็หยุดลง ทูตสวรรค์เซิ่งกวงปรากฏร่างออกมา

ร่างของเขาถูกกระบี่ยูไลไวโรจนะแทงจนทะลุ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางรักษาได้

เขาต้องเร่งรุดกลับไปยังเมืองเสวี่ยเหล่า เพื่อรับการรักษาบนแท่นบูชา

แต่ในท้องฟ้าทางทิศเหนือกลับปรากฏเทือกเขาสีดำเป็นแนวยาวขึ้น ปิดกั้นหนทางไปทั้งหมดของเขาเสีย

จากนั้นไม่ว่าเขาจะเลือกเส้นทางใด ล้วนไม่มีทางอ้อมเทือกเขาสีดำนั้นไปได้

เทือกเขาเส้นนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ นั่นคือมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งตัวหนึ่ง

ต่อให้อยู่ในดินแดนเซิ่งกวง หรือแม้อยู่ในโลกแห่งแสงสว่างก่อนยุคประวัติศาสตร์ในตำนาน มังกรยักษ์น้ำค้างแข็งก็ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากที่สุดและสูงส่งที่สุด

แต่มังกรยักษ์ตัวนี้ยังไม่โตเต็มวัยนัก หากเป็นในยามปกติ ทูตสวรรค์เซิ่งกวงอาจจะเพียงแค่ระมัดระวัง แต่ไม่มีทางถอยหนีโดยไม่มีการต่อสู้แน่นอน

แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือบาดแผลของเขาสาหัสยิ่งนัก ทำได้เพียงอาศัยปีกสีขาวบริสุทธิ์ในการประคับประคองความเร็ว เพื่อให้รับประกันได้ว่าจะไม่ถูกอีกฝ่ายตามมา เขาไม่กล้าผลีผลามเลย

เพียงแต่ว่าเวลาผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว บาดแผลของเขาก็อาการร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงเวลาต้องต่อสู้จนตัวตาย

ดวงอาทิตย์ส่องกระทบผิวน้ำทะเลราวกับกระจก เกิดไอหมอกขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วร้อนอบอ้าวยิ่งนัก

ทูตสวรรค์เซิ่งกวงหันกลับไปมองทางขอบฟ้า และจู่ๆ ก็หยุดการเคลื่อนไหว

เสียงคำรามของมังกรที่คล้ายกับพายุบ้าคลั่ง หญิงสาวชุดดำแหวกอากาศมาถึงแล้ว

ภาษาของเผ่าเทพและเผ่าพันธุ์มังกรใกล้เคียงกันยิ่งนัก ทูตสวรรค์เซิ่งกวงสามารถฟังเข้าใจเจตนาของนางได้

“ข้าบาดเจ็บสาหัสก็จริง แต่ข้ายังคงมีแรงสังหารเจ้า”

สีหน้าของทูตสวรรค์เซิ่งกวงสีขาว คล้ายกับโปร่งแสงได้ แต่การแสดงออกของเขาเคร่งขรึมยิ่งนัก

เขาเอ่ยภาษาที่สลับซับซ้อนนั้นออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ในส่วนลึกของทะเลที่อยู่ห่างไกลจากดินแดน ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าได้”

ยามแรกสุด เขาพยายามข้ามสันเขาที่เต็มไปด้วยหิมะเพื่อกลับไปยังอาณาเขตมาร โบยบินผ่านใจกลางของดินแดนเป็นระยะเวลานาน กระทั่งมีหลายครั้งที่หลบหนีการติดตามของมังกรดำได้สำเร็จ แต่ว่าในช่วงสุดท้าย เขากลับเลือกยอมแพ้ เพียงเพราะเขารับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าของเส้นทางนี้ มีลมปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ารอเขาอยู่ยังเส้นทางเบื้องหน้า

ลมปราณเหล่านั้นบ้างก็เหมือนกับพระอาทิตย์ บ้างก็เหมือนกับบ่อน้ำโบราณ บ้างก็เหมือนกับดาบ

เห็นได้ชัดว่า ผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์เหล่านั้นรอคอยสังหารเขาอยู่ทุกหนแห่งบนแผ่นดินใหญ่

ทูตสวรรค์เซิ่งกวงไม่กล้าเสี่ยงไปจากแผ่นดินใหญ่นี้ ไม่กล้ามุ่งหน้าสู่ทะเลลึกทางใต้ที่อยู่ไกลที่สุดนั้น

คำกล่าวที่ว่าสู้จนตัวตาย คิดแล้วก็คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

นักพรตผู้นั้นและหญิงสาวที่สวมอาภรณ์สีขาวยังคงอยู่ในเมืองไป๋ตี้เพื่อจัดการเรื่องราวที่สำคัญกว่า อาทิเช่นเรื่องความเป็นความตายของเด็กหนุ่มคนนั้น

ขอเพียงเขาสามารถสังหารมังกรยักษ์น้ำแข็งตัวนี้ได้ อย่างนั้นบนดินแดนแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถติดตามความเร็วของเขาได้อีกต่อไป

คิดถึงตรงนั้นขอเพียงเขาเลือกเส้นทางให้ดี หลีกเลี่ยงผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ที่อยู่ทุกหนแห่งในดินแดนเหล่านั้นเสีย ก็มีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะกลับไปถึงยังเมืองเสวี่ยเหล่า

เสียงสวดมนต์ที่มีความหมายอันศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น มันเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางของทูตสวรรค์เซิ่งกวงราวกับสายน้ำไหล

สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม และจริงจังจนถึงขีดสุด มีความศรัทธาหาใดเปรียบ

ลมปราณของเขาก็เข้มแข็งขึ้นมากเช่นกัน

เขาตรึงความหวังและความรุ่งโรจน์ทั้งหมดเอาไว้ในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้

……

……

สีหน้าของมังกรดำไร้ซึ่งความจริงจัง เรียกว่าจริงจังยังไม่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นทูตสวรรค์เซิ่งกวงมีลมปราณเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นางแทบจะไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความรู้สึกที่ว่าศัตรูมาเยือนเลย แต่กลับคล้ายกับว่าตนนั้นกำลังมองคนโง่งมผู้หนึ่งแสดงละคร

จู่ๆ นางก็คิดถึงคำพูดบางคำที่ท่านพ่อเคยกล่าวกับนางเมื่อหลายปีหลายปีก่อน

‘ทูตสวรรค์เหล่านั้นหรือ เพราะว่าหยิ่งยโสเกินไป ดังนั้นจึงโง่งมยิ่งนัก ทางที่ดีก็สังหารไปเลยให้สิ้น’

ใช่แล้ว ท่านพ่อ

ทูตสวรรค์เหล่านี้ช่างโง่งมเหมือนที่ท่านเคยว่าไว้จริงๆ

มังกรดำเศร้าใจเล็กน้อย

ระหว่างท้องฟ้าสีครามและน้ำทะเล ไม่มีลม แล้วก็ไม่มีเสียงใด

จู่ๆ น้ำทะเลก็เคลื่อนไหวขึ้นมา เอาแต่ม้วนตัวกลับไปกลับมาไม่หยุด ราวกับกำลังเดือดพล่าน

เกาะนับสิบเกาะน้อยใหญ่โผล่ขึ้นมาจากทะเลอย่างช้าๆ

บนหมู่เกาะเหล่านั้นมี…มังกรหลากหลายสายพันธุ์ บ้างก็เล็กบ้างก็ใหญ่กำลังนอนอยู่บนเกาะเหล่านั้น

นี่คือเกาะมังกร และมังกรทั้งหมดในโลกนี้อาศัยอยู่ที่นี่

ในเวลานี้ดวงอาทิตย์ว่างเปล่า เป็นเวลาที่พวกมันกำลังอาบแดด

เสียงคำรามของมังกรหลายสิบเสียงดังขึ้น บางตัวก็เคร่งขรึม บางตัวก็มุทะลุ บางตัวก็ดูไม่อยู่กับร่องกับรอย

ร่างของมังกรที่เหมือนภูเขาหลายสิบตัวปรากฏขึ้น นอนขวางอยู่บนท้องฟ้า ปิดกั้นแสงแดดทั้งหมดไว้เสีย

ลมหายใจมังกรที่บ้างก็แผ่วเบาบ้างก็แข็งกล้านับสิบสาย ตกกระทบลงบนกายของทูตสวรรค์เซิ่งกวง

ทูตสวรรค์เซิ่งกวงเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางหอกแสงในมือของเขาลง

ในทะเล เขาดำดิ่งลงสู่ความลึกที่มืดที่สุด

เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์บนผิวน้ำ

เขาไม่รู้สึกหนาวและกลัว แต่กลับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น

……

……

ที่น้ำทะเลทางตอนใต้มีความอบอุ่นนั้น เป็นเพราะว่าที่นั่นมีเมฆน้อย ดวงอาทิตย์มีกำลังแรงมาก

น้ำในแม่น้ำแดงที่ไม่หนาวเย็นกลับเป็นเพราะเพลิงเถื่อนที่อยู่ด้านใต้ต้นเทียนซู่รั่วไหลออกมาบางส่วนตามรอยแตกแยกของศิลา

เพลิงเถื่อนที่หลั่งไหลออกมาในวันนี้ค่อนข้างมาก น้ำในแม่น้ำแดงจึงค่อนข้างอบอุ่น สาหร่ายสีแดงเติบโตขึ้นด้วยความเบิกบาน ไม่ต้องอาศัยเวลานานก็สามารถทำให้น้ำในแม่น้ำถูกย้อมจนแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หากเป็นเวลาปกติ อวี๋จิงที่อาศัยสาหร่ายแดงเป็นอาหารคงต้องกำลังรับประทานอย่างเบิกบานใจบางครั้งก็ใช้หางที่ทั้งกว้างและแบนของตนฟาดเข้าที่ผิวน้ำ จนบังเกิดภาพน่าตื่นตาเป็นแน่

แต่พวกมันที่มีสติปัญญาในระดับหนึ่งนั้น ในวันนี้ได้ดำดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดแล้ว พวกมันแทบจะไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเลย

แม่น้ำแดงสงบนิ่งเช่นนั้น มองไปแล้วก็คล้ายกับผ้าแพรสีแดงผืนหนึ่ง

ทั้งสองฝั่งแม่น้ำไม่มีผู้ใด

ในเมืองไป๋ตี้กลับเกิดเสียงดังวุ่นวาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบด้านของตัวบ้านที่อยู่ติดกับปราสาทเขาของเผ่าเซี่ยงที่อยู่ด้านตะวันตกของเมืองหลังนั้น มันแออัดไปด้วยศีรษะของผู้คนจนเกิดเป็นสีดำผืนใหญ่

ห้องหับต่างๆ ที่อยู่ในบ้านถูกทำลายเสียจนสิ้น รอบด้านล้วนสามารถมองเห็นเศษอิฐหักและคานที่ถูกทำลาย ปกคลุมไปด้วยทรายสีทอง มองแล้วคล้ายกับถูกทิ้งร้างไปหลายสิบปี

ค่ายกลพระราชวังหลีได้ถูกทำลายจนสิ้น ทูตสวรรค์เซิ่งกวงผู้นั้นก็สิ้นแล้ว แต่บรรดานักบวชที่อยู่รอบตัวบ้านยังคงไม่ได้จากไป

ราชันแห่งหลิงไห่รวมไปถึงผู้อาวุโสแห่งสำนักฝึกหลวง ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังคงยืนอยู่ด้านหน้าของประตูบ้าน

ถังซานสือลิ่วสีหน้าซีดเซียวต้องอาศัยการพยุงของหญิงสาวที่ขายเครื่องประทินโฉมผู้นั้นจึงจะสามารถยืนอยู่ได้

พวกเขาล้วนไม่ได้จากไป เนื่องจากราชามารยังอยู่ด้านใน

แต่พวกเขาเข้าไปไม่ได้เนื่องจากบ้านทั้งหลังล้วนถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าองครักษ์ปีศาจแห่งแม่น้ำแดงแล้ว

เสี่ยวเต๋อและหัวหน้าเผ่าชื่อรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจสิบกว่าคนยืนอยู่ด้านหน้าตัวบ้าน

ต่างฝ่ายต่างก็ยืนคุมเชิงกันเงียบๆ

จู่ๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลัง

บรรดานักบวชของสำนักฝึกหลวงหลีกทางออกราวกับกระแสน้ำ

เฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงเดินเข้ามา

กระบี่กว่าร้อยเล่มแหวกอากาศมาถึง ก่อตัวเป็นค่ายกลอยู่บนท้องฟ้า

เสี่ยวเต๋อไม่ได้มีเจตนาหลีกทางให้

เขามองไปยังเฉินฉางเซิงก่อนเอ่ย “นี่คือเจตนาของฝ่าบาท ให้อภัยข้าด้วย”

……

……

ทุ่งหญ้ารอบๆ หอเทียนโส่ว ยังคงรักษาสีเขียวด้วยการหล่อเลี้ยงของแม่น้ำ

ศิลาสีเขียวบนถนนเปียกชุ่มไปด้วยเมฆหมอกผืนนั้นเปล่งแสงแวววาว

จักรพรรดิขาวมองไปยังการเคลื่อนไหวตรงหน้าอาคารที่อยู่ไกลๆ มองไปยังกระบี่ที่คล้ายกับเมฆฝนในท้องฟ้า ประกายความชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

วิถีกระบี่ของเฉินฉางเซิงมีพลังมากกว่าที่คำเล่าลือกล่าวไว้เสียอีก

ซางสิงโจวเดินไปข้างๆ เขาและเอ่ยว่า “คนที่ข้าประสงค์จะสังหาร ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้ เจ้าก็เช่นกัน”

เขาไม่ได้พูดถึงเฉินฉางเซิงแต่เป็นราชามาร

การสังหารทูตสวรรค์เซิ่งกวงทั้งสองนั้น ถือเป็นเพียงเป้าหมายพื้นฐานที่สุดสำหรับเขาเท่านั้น

หากสามารถฆ่าราชามารได้ ก็สามารถกล่าวได้ว่าเผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์

แม้แต่ทูตสวรรค์เซิ่งกวงคนสุดท้าย จักรพรรดิขาวก็ยังอยากจะทิ้งทางรอดให้เขา นับประสาอะไรกับราชามาร

ดังนั้นเขาจึงตั้งคำถามกลับซางสิงโจวว่า

“หลังจากที่เจ้าตายแล้ว เผ่ามนุษย์จะตกเป็นของลูกศิษย์คนใดของเจ้า”