“ศิษย์พี่หลัว ความแข็งแกร่งของ จูเฟยเฉียวไม่ธรรมดา ท่านเพิ่งเข้าสู่สำนักและยังฝึกฝนเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ช่องว่างระหว่างผลการฝึกตนของท่านกับเขาก็ไม่น้อย ท่านต้องอดทน” ถังหยุนเตือนอย่างใจดี

“อย่ากังวล ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า” หลัวซิวหยิบยารักษาเม็ดหนึ่งออกมายื่นให้ถังหยุน แล้วหันความสนใจไปที่จูเฟยเฉียวซึ่งนั่งอยู่บนรถม้าสีทองในอากาศทันที

“เจ้าเป็นไอ้หนุ่มที่มาใหม่หรือ?” จูเฟยเฉียวนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนรถม้าสีทองพร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเพิ่งมาใหม่ที่นี่และไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ มอบแหวนเก็บของของเจ้ามา แล้ววันนี้ข้าไม่ทำอะไรเจ้า”

“กฎเกณฑ์? กฎเกณฑ์อะไร? สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินมีกฎเกณฑ์ที่ไม่อนุญาตให้กลั่นยาหรือ?” หลัวซิวไม่แยแส

“ไอ้หนุ่ม ดูเหมือนว่าเจ้าคิดจะแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจใช่ไหม?” จูเฟยเฉียวฮึ่มอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่กลั่นยาเป็นทั้งในสำนักและนอกสำนัก แต่ตั้งแต่ที่ข้ามาที่นี่ มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถกลั่นยาให้ผู้อื่นได้ เจ้าไปกลั่นยาที่อื่น ข้าไม่สนใจ แต่ในสำนักและนอกสำนักนี้ ผู้ใดกล้าทำการค้าขายกลั่นยาก็คือเป็นศัตรูกับข้า!”

“ไอ้ไหนุ่ม เจ้ามาถึงสำนักนี้ก็ไม่สอบถามหน่อยหรือว่าในเวลาสามสิบปีมานี้ คนที่กล้าเป็นศัตรูกับข้า ใครที่ไม่ถูกข้าสั่งสอนจนร้องไห้ฉี่แตก?”

“เป็นศัตรูกับเจ้า?” หลัวซิวเงยหน้าหัวเราะ “เจ้ามาที่ประตูถ้ำของข้าเพื่อมาจองหองหยิ่งผยอง แล้วเจ้ายังทำร้ายเพื่อนของข้า เป็นข้าหรือที่เป็นศัตรูกับเจ้า หรือว่าเป็นเจ้าที่เป็นศัตรูกับข้า?”

ขณะที่พูด หลัวซิวก้าวขึ้นไปยืนอยู่กลางอากาศ “ข้าจะดูว่าใครกันแน่ที่สั่งสอนใครให้ร้องไห้ฉี่แตก!”

“ศิษย์พี่หลัว…” ถังหยุนกังวลเมื่อเห็นว่าหลัวซิวจะต่อสู้กับจูเฟยเฉียว

ศิษย์หลายคนที่มาแสวงหาการกลั่นยาต่างก็แอบคิดในใจว่าแย่แล่ว เพราะผลการฝึกตนของหลัวซิวนี้เป็นเพียงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 ในขณะที่จูเฟยเฉียวเป็นแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 และเขาสามารถท้าทายต่อสู้แดนที่สูงกว่าเขาได้ ถ้าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเจ้าอ้วน จะไม่มีใครกลั่นยาให้กับตนเองแล้ว

เฉพาะจอมยุทธ์ที่ขอให้หลัวซิวกลั่นยาให้แล้วต่างโล่งอก แอบคิดในใจว่าโชคดีตัวเองที่มาเร็ว มิฉะนั้นในอนาคตจะไม่พบเรื่องที่ดีเช่นนี้อีก

คนเหล่านี้ต่างต้องการความช่วยเหลือจากหลัวซิว แต่ในขณะนี้ ภายใต้การกดขี่ของจูเฟยเฉียว ชายอ้วนคนนี้ ไม่มีใครลุกขึ้นมาช่วยพูดอะไรสักคำ ต่างทำตัวเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตน

“ฮ่าฮ่า ข้าตลกจนจะตายแล้ว แค่อาศัยแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 ก็กล้าสู้กับข้า?”

จูเฟยเฉียวลุกขึ้นยืนทันที ไขมันทั่วร่างกายสั่นสะท้าน เห็นเพียงเขากระโดดขึ้น อนัตตาใต้ฝ่าเท้าของเขาสั่นอย่างรุนแรง

“ถ้าเจ้าสามารถรับสามกระบวนท่าของข้าได้ ก็นับว่าเจ้ามีความสามารถ!”

แม้ว่า จูเฟยเฉียวจะอ้วน แต่ความเร็วของเขาก็เร็วราวกับสายฟ้า เขาปรากฏตัวต่อหน้าหลัวซิวในทันที ยกมือขึ้นแล้วตบออกไป ความเร็วนั้นเร็วมากจนผู้คนไม่ทันตอบสนองได้

แต่ความเร็วแบบนี้ไม่เร็วเกินไปสำหรับหลัวซิว เห็นเพียงเขาปล่อยหมัดออกไปโดยไร้ทักษะสวยงามใดๆ

“ปัง!”

เมื่อหมัดและฝ่ามือชนกัน หลัวซิวรู้สึกถึงพลังอันดุร้ายที่พุ่งเข้าหาเขา เขาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสามก้าว

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายอ้วนคนนี้จะหยิ่งผยอง ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ”

ดวงตาของหลัวซิวหรี่ลงเล็กน้อย ร่างยุทธ์ร่างเนื้อผ่านการฝึกฝนจากทัณฑ์นภาอัสนี ได้บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ตั้งนาน แต่ภายใต้การต่อสู้กันด้วยร่างกาย เขากลับเสียเปรียบ จะเห็นได้ว่าร่างยุทธ์ร่างเนื้อของ จูเฟยเฉียวอย่างน้อยจะเป็นแดนแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8 หรือขั้น 9