เฟยอวิ๋นและฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งเสริมพลังของตนเองเป็นการชั่วคราวสามารถกดข่มหมิงจื้อเหยี่ยนได้โดยสมบูรณ์ กระบวนท่าของทั้งสองสร้างความเสียหายให้กับคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างมาก ในทางกลับกัน การโจมตีของหมิงจื้อเหยี่ยนถูกทั้งสองทำลายได้อย่างรวดเร็วและไม่อาจส่งผลกระทบใดได้มากนัก
กลยุทธ์ของฉินอวี้โม่และเฟยอวิ๋นก็ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย พวกนางต้องการบีบไล่ต้อนอีกฝ่ายไปทีละก้าว ๆ จนกระทั่งเอาชนะหมิงจื้อเหยี่ยนได้ในที่สุด
ต้องยอมรับว่าพลังของผู้นำตระกูลหมิงแกร่งกล้าเกินไป ตราบใดที่ให้โอกาสเขา เขาจะต้องตอบโต้กลับอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น สถานการณ์จะไม่เป็นใจสำหรับฝ่ายของฉินอวี้โม่
เพราะเหตุนั้น พวกนางจะปล่อยให้หมิงจื้อเหยี่ยนมีโอกาสตอบโต้กลับไม่ได้โดยเด็ดขาด เขาจะต้องถูกกำจัดอย่างสิ้นซากก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใดได้
หมิงจื้อเหยี่ยนทราบดีว่าแผนการของฉินอวี้โม่และเฟยอวิ๋นเป็นอย่างไร ทว่าเขาก็ไม่มีปัญญาแก้ไขสถานการณ์นี้ เวลานี้ เขาถูกกดข่มอย่างสิ้นเชิงและไม่สามารถทำอันตรายต่อคนทั้งสองได้ ในขณะที่การโจมตีของพวกนางก็ทำให้เขาบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้แต่ไพ่ตายที่เขาเคยมั่นใจอย่างพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีผลต่อเฟยอวิ๋นผู้ซึ่งครอบครองพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
“ท่านผู้นำ ข้าควรทำอย่างไรต่อไป ?”
เสียงของหมิงชิงดังขึ้นในโสตประสาทของหมิงจื้อเหยี่ยนและสถานการณ์ข้างล่างเริ่มที่จะอยู่เหนือการควบคุมแล้ว ด้วยการร่วมมือกันของหมิงฮ่วนและตระกูลเยี่ย สถานการณ์ของตระกูลหมิงย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ผู้อาวุโสหลายคนเพลี่ยงพล้ำไปแล้ว ผู้อาวุโสที่ยังเหลืออยู่ก็บาดเจ็บสาหัสและสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปมากเช่นกัน
แม้แต่หมิงชิงก็เผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากเฟยปู้เพียงเพราะความประมาทชั่วขณะส่งผลให้พลังในการต่อสู้ของเขาลดลงไปมาก เพราะเหตุนั้น เขาคงจะรับมือกับอีกฝ่ายได้อีกไม่นานนัก
“ถอนตัว !”
หมิงจื้อเหยี่ยนไตร่ตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปรังแต่จะเป็นภัยต่อตระกูลหมิง เดิมทีเขามั่นใจว่าจะไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าเฟยอวิ๋นจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี และความประมาทของเขาก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักหนาสาหัสเช่นนี้
“เหอะ คิดที่จะหนีงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”
ฉินอวี้โม่คาดการณ์ไว้แล้วว่าหมิงจื้อเหยี่ยนอาจเลือกทางนี้ หากปล่อยให้พวกเขากลับไปถึงอาณาเขตของตระกูลหมิง การจัดการกับพวกเขาอีกครั้งคงจะเป็นเรื่องยาก เพราะเหตุนั้น นางจึงไม่รอช้าและโบกมือเล็กน้อย อึดใจต่อมา ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศและกักขังหมิงจื้อเหยี่ยนไว้ภายใน ส่งผลให้เขาไม่มีโอกาสหลบหนีได้อีก
ในส่วนอื่นของสมรภูมิรบ ฝ่ายของเมืองเซิ่งหลิงก็เร่งมือกันมากขึ้นโดยร่วมมือกันจับตัวผู้อาวุโสตระกูลหมิงทีละคน ๆ เพื่อขัดขวางมิให้พวกเขาหลบหนีสำเร็จ
“บัดซบ ! บัดซบเอ๊ย !”
หมิงจื้อเหยี่ยนคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิมขณะปล่อยคลื่นพลังรุนแรงกระหน่ำเข้าใส่ข่ายอาคมรอบตัวเพื่อพยายามทำลายมัน น่าเสียดายที่ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของฉินอวี้โม่มิใช่สิ่งที่จะทำลายได้ง่าย ๆ
ในเวลานี้ มังกรพลังมายาเก้าตัวที่เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลพุ่งตรงเข้าหาหมิงจื้อเหยี่ยนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันฉินอวี้โม่และเฟยอวิ๋นก็ปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่หมิงจื้อเหยี่ยนอย่างไม่ยั้งมือ
ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้นขณะการโจมตีที่รุนแรงปะทะกัน ในที่สุด หมิงจื้อเหยี่ยนก็เผชิญกับการโจมตีอย่างหนักหน่วงจนร่างของเขากระเด็นลอยออกไป
“บัดซบ คิดว่าจะเอาชนะข้าได้งั้นหรือ ?!”
หมิงจื้อเหยี่ยนเดือดดาลทันที เขายืนขึ้นอีกครั้งและเช็ดเลือดจากมุมปากขณะทั่วทั้งร่างของเขาก็เริ่มพองโตขึ้นเรื่อย ๆ
ไพ่ตายที่เฟยอวิ๋นและฉินอวี้โม่แสดงออกมาเหนือกว่าความคาดหมายของเขาไปมาก สำหรับตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการระเบิดทำลายตัวเองและทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไปในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนีและฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น หมิงจื้อเหยี่ยนมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าพลังจากการระเบิดตัวเองของเขาจะสามารถสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับเมืองเซิ่งหลิงได้ ต่อให้ฉินอวี้โม่และเฟยอวิ๋นจะโชคดีพอที่จะรอดชีวิตไปได้ พวกนางก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
“หยุดเขาไว้เร็วเข้า !”
เฟยอวิ๋นทราบดีว่าพลังระเบิดตัวเองของจอมยุทธ์ที่ทรงพลังในระดับของหมิงจื้อเหยี่ยนนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด เขาจึงตะโกนออกไปและพุ่งตรงเข้าโจมตีหมิงจื้อเหยี่ยนอย่างไม่หยุดยั้ง
ปฏิกิริยาของฉินอวี้โม่เองก็ไม่เชื่องช้าเช่นกัน กระบี่เล่มใหญ่ก่อตัวขึ้นตรงหน้านางและพุ่งเข้าหาหมิงจื้อเหยี่ยนอย่างรวดเร็ว
“ไปลงนรกเสีย !”
มุมปากของหมิงจื้อเหยี่ยนยกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน การเตรียมความพร้อมสำหรับการระเบิดตัวเองของเขาใกล้ที่จะสมบูรณ์แล้ว
“เหอะ อยากจะระเบิดตัวเองงั้นหรือ ? ข้าจะสนองให้ตามคำขอ !”
ทันใดนั้น พลังประหลาดและอธิบายไม่ได้ก็แผ่มาจากร่างของฉินอวี้โม่ เพียงแวบเดียว หมิงจื้อเหยี่ยนก็ถูกดึงตัวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยตรง จากนั้นฉินอวี้โม่ก็โบกมือเล็กน้อยเพื่อสร้างม่านป้องกันล้อมรอบคฤหาสน์ล่องหนไว้
ตูม !ตูมม !ตูมมม !
พลังระเบิดรุนแรงปะทะเข้ากับม่านป้องกัน ทว่าไม่สามารถทำลายมันได้ ครานี้ พลังของม่านป้องกันที่ฉินอวี้โม่วางไว้สามารถยับยั้งพลังระเบิดตัวเองของหมิงจื้อเหยี่ยนได้โดยสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น จู่ ๆ ร่างของฉินอวี้โม่ก็แผ่กลิ่นอายของพลังบางอย่างที่ทำให้หมิงจื้อเหยี่ยนต้องการโค้งคำนับและถวายตัวรับใช้ทันที คลื่นพลังดังกล่าวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง แม้ในเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หมิงจื้อเหยี่ยนก็ไม่เคยพบผู้ใดที่มีกลิ่นอายทรงพลังเช่นนี้
“เจ้าเป็นใครกัน ?!”
แม้ว่าการระเบิดตนเองของเขาจะเสร็จสิ้นลงแล้ว ทว่ามันกลับไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อฉินอวี้โม่เลย ในเวลานี้ จิตวิญญาณของหมิงจื้อเหยี่ยนก็ต้องการหนีไป แต่เนื่องจากอยู่ในคฤหาสน์ล่องหนของฉินอวี้โม่ เขาจึงไม่มีโอกาสหลบหนีได้เลย
ใบหน้าของเขาซีดเผือดและทำได้เพียงมองฉินอวี้โม่ด้วยความตกตะลึงในแววตา
“เป็นเพียงมดปลวกไร้ค่า แต่ริอาจหมายมือจะแตะต้องสุริยันเบื้องบน ! ในอดีต แม้แต่ผู้นำของเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องนอบน้อมต่อข้าผู้นี้ นับประสาอะไรกับพวกทายาทอย่างเจ้าที่มีสายเลือดของเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งในหมื่นส่วนเท่านั้น !”
น้ำเสียงเย็นชาและเรียบเฉยดังมาจากปากของฉินอวี้โม่ ทว่ามันกลับมิใช่เสียงของนางและเป็นความแปลกพิลึกที่ยากจะอธิบาย
เวลานี้ ฉินอวี้โม่สูญเสียสติรับรู้ไปชั่วขณะ ราวกับนางถูกควบคุมโดยพลังบางอย่างและวาจาที่กล่าวออกไปก็มิใช่คำพูดของนาง
อย่างไรก็ตาม พลังนั้นก็แกร่งกล้าอย่างยิ่งและเป็นสิ่งที่ฉินอวี้โม่ปรารถนาจะครอบครอง ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่ได้ต่อต้านพลังดังกล่าวและรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างประหลาด มิอาจล่วงรู้ได้เลยว่ามันมาจากที่ใด…
“ท่านจอมยุทธ์ โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด”
เมื่ออยู่ตรงหน้าฉินอวี้โม่ในสภาวะนี้ หมิงจื้อเหยี่ยนไม่กล้ามีความคิดต่อต้านอีกต่อไป เขาอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยท่าทางนอบน้อมอย่างแท้จริง
“หลั่งเลือดสาบานและข้าผู้นี้จะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ในผืนพิภพนี้ต่อไป !”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เนื่องจากไม่สามารถไว้วางใจหมิงจื้อเหยี่ยนได้ การหลั่งเลือดสาบานจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หมิงจื้อเหยี่ยนลังเลครู่หนึ่ง ทว่าในที่สุดก็หลั่งเลือดสาบานแต่โดยดี เขาทราบดีว่าหากไม่เลือกทำเช่นนี้ จิตวิญญาณของเขาจะถูกทำลายอย่างแน่นอน ทว่าเขายังไม่อยากตาย ต่อให้ต้องตกอยู่ใต้อาณัติของอีกฝ่าย ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ มันก็ย่อมดีกว่าความตาย
ฉินอวี้โม่เซไปเล็กน้อยและดึงสติกลับคืนมาอีกครั้ง พลังเมื่อครู่ก็หลบซ่อนตัวกลับเช่นเดิมราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน อย่างไรก็ตาม นางรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในเมื่อมั่นใจว่ามิใช่ภาพลวงตา นางจึงสงสัยขึ้นมาว่ามันคือพลังประเภทใดกันแน่ ?
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่อาจหาคำตอบได้ในตอนนี้ นางจึงหยุดคิดถึงมันชั่วคราว สายตาของนางเลื่อนไปยังร่างจิตขนาดเท่าฝ่ามือของหมิงจื้อเหยี่ยนและพยักศีรษะด้วยความพึงพอใจ
“ออกไปกับข้า”
แม้พลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นจะหายไปแล้ว ซึ่งทำให้หมิงจื้อเหยี่ยนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้ก็สายเกินแก้ เขาหลั่งเลือดสาบานต่อฉินอวี้โม่ไปแล้วและร่างจิตวิญญาณของเขาก็ทำอะไรฉินอวี้โม่ไม่ได้ เพราะเหตุนั้น เขาจึงต้องให้ความร่วมมือแต่โดยดี แม้ในใจยังคงเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ณ สมรภูมิรบภายนอก การหายตัวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างกะทันหันของฉินอวี้โม่และหมิงจื้อเหยี่ยนทำให้ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย
จากนั้น สีหน้าของหลายคนก็เริ่มแสดงความสับสนและกังวล ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับฉินอวี้โม่
“ไม่ต้องห่วง นายหญิงจะไม่เป็นอะไร”
เมื่อพลังประหลาดเมื่อครู่ปรากฏขึ้น มารยาและหานอวี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อสูรทั้งสองสัมผัสได้ว่าฉินอวี้โม่ยังปลอดภัยดี พวกมันจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี”
ไม่มีใครสงสัยในวาจาของอสูรทั้งสองของฉินอวี้โม่ ในขณะที่โล่งใจมากขึ้น พวกเขาก็ได้แต่ครุ่นคิด สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร…