ตอนที่ 1389 ใครไม่คู่ควร

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ฝ่ายตำหนักตงจี๋มีไป๋อู่ห่ายกับเฟิงอวิ๋นซิวเป็นผู้นำ

ด้านหลังมีคนชุดขาวหลายสิบคนตามมา ดูท่าทางยังหนุ่ม แต่ขุมพลังความแข็งแกร่งดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าไป๋อู๋ห่ายมาก

“สมกับเป็นตำหนักตงจี๋จริง ๆ แค่ยอดฝีมือปรากฏตัวออกมาก็น่ากลัวถึงเพียงนี้แล้ว” มีคนอุทานขึ้น

คนของกองกำลังระดับสอง และกองกำลังระดับสองครึ่งเดินทางมาร่วมชมเป็นจำนวนมาก หลังจากที่พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของตำหนักตงจี๋แล้ว พวกเขาก็อยากจะเลื่อนขั้นเป็นกองกำลังระดับสามบ้าง

แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้!

ห่างชั้นเกินไปแล้ว!

สายลมทะเลพัดกระโชกผ่านมาพร้อมกับกลิ่นอายที่เย็นยะเยือก

ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกที่มีพลังกดขี่ข่มเหง สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกตัวหนึ่งบินกระพือปีกอยู่บนท้องฟ้า

ชายชุดขาวลอยตัวลงมาดุจดั่งเทพเซียน ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบเย็นยะเยือกดุจดั่งรูปปั้นหิมะก็มิปาน

ต่อมา ร่างในชุดม่วงก็ปรากฏตัวขึ้นตามมา

ร่างเพรียวบางงดงามอย่างสมบูรณ์แบบสวมชุดนักรบสีม่วงอ่อน ใบหน้าที่งดงามอย่างไม่เป็นสองรองใครนั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก

“หัวหน้าตำหนักเป่ยหาน!”

“ผู้นำตระกูลมู่!”

คนจำนวนมากอุทานออกมา!

ในขณะที่กู้ไป๋อีปรากฏตัวนั้น ชายชราผมดำผู้ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายตำหนักตงจี๋ก็กล่าวขึ้นว่า “คนผู้นี้คือหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน นึกไม่ถึงเลยว่าจะสง่างามถึงเพียงนี้! นายน้อยเฟิง แน่ใจแล้วเหรอว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “มู่เหล่า เจ้าเป็นห่วงตัวเองจะดีกว่านะ!”

ขวับ ขวับ ขวับ! ในขณะเดียวกันนั้นร่างหลายสิบร่างก็จรดตัวลงมา ชุดดำขลับห่อหุ้มร่างกายที่แข็งแกร่งของพวกเขาเอาไว้

เมื่อมู่เหล่าเห็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำของฝั่งตำหนักเป่ยหานผู้นั้นก็ตกตะลึงขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา ฉู่เฟิง”

จู่ ๆ ตำหนักเป่ยหานก็มียอดฝีมือมากมายถึงเพียงนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

“ดูท่าการตัดสินชะตาของสองตำหนักในครั้งนี้ ทั้งสองคงไม่มีใครยอมใครแน่แล้ว!”

“นี่เป็นการสู้รบที่ยากจะได้เห็นในรอบหมื่นปีเลยจริง ๆ!”

คนของทั้งสองฝ่ายได้มากันครบแล้ว มู่เหล่าจ้องมองไปที่ร่างในชุดสีม่วงนั้นและกล่าวว่า “เจ้าคงเป็นมู่เฉียนซี เช่นนั้นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็อยู่ที่เจ้าสินะ”

มู่เฉียนซีเหลือบมองเขาและกล่าวว่า “ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร?”

มู่เหล่ามองหญิงสาวที่งดงามอย่างไม่เป็นสองรองใครผู้นี้ พร้อมกับรู้สึกว่าหญิงสาวนางนี้ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตามาก

แววตาของเฟิงอวิ๋นซิวเคร่งขรึมขึ้น แม้ว่าพลังของมู่เหล่าจะไม่เลว แต่ด้วยสถานะของเขาแล้วอาจจะเคยเห็นองค์หญิงมาแล้วก็ได้

หากเขานึกขึ้นได้…

“หากว่าใช่ ก็เอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ข้า! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ คนสถานะเช่นเจ้าไม่อาจครอบครองได้ เจ้าไม่คู่ควร!”

ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นของกู้ไป๋อีเผยความเย็นยะเยือกออกมา ไม่นานนักกลิ่นอายของกระบี่อันเย็นยะเยือกนั้นก็พัดกระโชกไปที่มู่เหล่า

“เจ้าว่าใครไม่คู่ควร?”

สีหน้าของมู่เหล่าเคร่งขรึมลง แม้ว่าจะสกัดกั้นกลิ่นอายกระบี่ของกู้ไป๋อีได้ก็ตาม

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่นถอยหลังมาแม้แต่เพียงก้าวเดียว แต่เขาก็รับรู้ได้ชัดเจนว่าคนผู้นี้รับมือได้ยากมาก!

“นายน้อยเฟิง หัวหน้าตำหนักเป่ยหานผู้นี้เขา…”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เจ้าอยากเปลี่ยนคน เปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้ามีความมั่นใจเพียงใดว่าจะเอาชนะได้?”

มู่เหล่าผงะไป หากรับมือกับฉู่เหล่า เขายังพอมีความมั่นใจถึงห้าในสิบ แต่รับมือกับหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน คาดว่าความมั่นใจของเขาเหลือเพียงแค่สามหรือสี่ในสิบเท่านั้น

มู่เหล่ากล่าว “เช่นนั้นต้องมอบให้นายน้อยเฟิงแล้ว”

ตระกูลเฟิง ผู้ใดก็ไม่อาจดูถูกได้ แม้ว่าเขาจะถูกสั่งให้ลงมาในแดนระดับต่ำนี้เพื่อตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ จนความสามารถก้าวหน้าได้ช้าก็ตาม

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “กู้ไป๋อี ครั้งนี้พวกเรามาเพราะมีการนัดหมายกัน แต่เจ้าชิงลงมือก่อนเช่นนี้ ไม่เป็นการไม่เคารพกฎเกินไปหน่อยเหรอ?”

มู่เฉียนซี “พวกเจ้าหาเรื่องใส่ตัวก่อนเอง จะมาโทษพวกข้าได้ยังไงกันล่ะ ? ของอยู่ในกำมือข้า ผู้ใดคู่ควรหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะตัดสินได้”

มู่เฉียนซีกวาดสายตามองคนของตำหนักตงจี๋แต่ละคน เพื่อตรวจสอบดูว่าผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ที่ใด

ตาเฒ่านี่แอบซ่อนตัวได้ดีมาก หาไม่เจอเลย

แต่นางมั่นใจว่าตาเฒ่านั่นต้องอยู่ที่นี่แน่นอน

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “เจ้าไม่คู่ควร! กระบี่เล่มนี้คู่ควรจะเป็นขององค์หญิงหลินหลางผู้สูงศักดิ์เท่านั้น แต่เจ้าเป็นแค่ผู้นำตระกูลมู่ เป็นไม่ได้แม้แต่กองกำลังครึ่งระดับ เจ้ามีสิทธิ์อันใด”

“เหอะ ๆ ๆ! คำพูดเช่นนี้ ข้าไม่ชอบฟังมันเอาซะเลยนะ!” ร่างอันมีเสน่ห์ร่างหนึ่งเดินออกมา

ร่างของคนผู้นั้นเพรียวบาง เดินอรชรอ้อนแอ้นมาข้างหน้าและกล่าวว่า “นายท่านของข้าเป็นถึงหนึ่งในเจ้าของหอหมอปีศาจ หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรอกเหรอ?”

“หอหมอปีศาจรุ่งเรืองเพียงใด ทุกท่านในที่นี้ล้วนแต่รู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว!”

คนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้น ความสามารถของหอหมอปีศาจในตอนนี้ไม่อาจดูถูกได้เลย!

อิทธิพลของหอหมอปีศาจในแดนตะวันออกไม่ด้อยไปกว่ากองกำลังระดับสามเลย นักปรุงยาของหอหมอปีศาจ ยาลูกกลอน และยารักษาโรคเป็นยาที่มีคุณภาพดีที่สุดในดินแดนสี่ทิศแล้ว

อำนาจนี้เพียงพอที่จะเทียบกับกองกำลังระดับสามได้ และสิ่งที่เหลือเชื่อมากไปกว่านั้นก็คือ หอหมอปีศาจใช้เวลาไม่ถึงสองปีก็พัฒนาก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้แล้ว

เซียวเหยาโกรธมาก นายท่านของเขานั้นดีที่สุดแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หรอก นายท่านเป็นถึงเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์ องค์หญิงหลินหลางบ้านั่นเทียบไม่ได้แม้แต่น้อย

มู่เหล่ากล่าว “ดินแดนสี่ทิศ ดินแดนชั้นล่าง ต่อให้เจ้าควบคุมได้ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศก็ไม่มีทางเทียบองค์หญิงแห่งราชวงศ์ตงหวงกองกำลังระดับห้าของพวกข้าได้ ข้านึกไม่ถึงเลยว่าดินแดนแห่งนี้จะมีคนที่ไร้ความรู้มากมายถึงเพียงนี้”

“ตาเฒ่า แน่จริงเจ้าก็ลองพูดต่อสิ!” ดวงตาของเซียวเหยาเปล่งประกายราวกับงูพิษก็มิปาน

จื่อโยวเองก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว “เหอะ ๆ ๆ! เป็นแค่องค์หญิงที่ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ของราชวงศ์ตงหวงแค่คนเดียว พวกเจ้าคิดว่าองค์หญิงของพวกเจ้าอยู่เหนือฟ้าแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

คนงามเป็นใคร นางเป็นถึงยอดดวงใจของเยี่ย เป็นชายาขององค์ชายแห่งคุกโลหิต ต่อไปก็จะกลายเป็นเจ้านายคนที่สองแห่งแดนนรก

คนอย่างมู่หลินหลางจะไปเทียบอะไรกับคนงามได้!

ก็เป็นแค่ไก่ป่าที่เอาขนเฟิ้งหวง (หงส์) มาติดประดับตัวเองตัวนึงก็เท่านั้น!

“นี่เจ้ากล้าดูหมิ่นองค์หญิงหลินหลางได้อย่างไร!” คนที่ราชวงศ์ตงหวงส่งมาเหล่านี้ต่างพากันโกรธเกรี้ยวกับคำพูดของจื่อโยวจนดวงตาแดงก่ำ

พวกเขาจงรักภักดีต่อองค์หญิงหลินหลาง องค์หญิงหลินหลางเปรียบเสมือนเป็นพระเจ้าของพวกเขา! พวกเขาทนเห็นคนอื่นกล่าววาจาดูหมิ่นเกียรติอันสูงส่งขององค์หญิงหลินหลางไม่ได้

น้ำเสียงอันเย็นชาของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น “ดูเหมือนสุนัขรับใช้ของมู่หลินหลางเหล่านี้จะถูกนางล้างสมองไปแล้วเป็นแน่! เห็น ๆ กันอยู่ว่ามันคือความจริง ไม่ได้ดูหมิ่นสักหน่อย”

สำหรับสุนัขรับใช้ของมู่หลินหลางเหล่านี้ เหลิ่งหนิงจือรู้จักดีเป็นอย่างยิ่ง

ในตอนนี้เอง จื่อโยวเพิ่งจะสังเกตเห็นสาวงามที่มีท่าทางเย็นชาราวกับน้ำแข็งผู้นี้ ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้น เขามีเหยื่อรายใหม่แล้ว!

“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” สุนัขรับใช้ของมู่หลินหลางเหล่านี้โกรธยิ่งกว่าเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้ดวงตาของพวกเราราวกับจะลุกเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว!

ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะชักกระบี่เข้าห้ำหั่นต่อสู้กันตลอดเวลาแล้ว

เหล่าบรรดาผู้ที่มาร่วมชมเหล่านี้ต่างรีบถอยห่างไปไกลทันที หากพวกเขาอยู่ใกล้ มีหวังต้องเกิดหายนะเป็นแน่

ในขณะที่พวกเขาหวาดกลัวว่าตำหนักกองกำลังยิ่งใหญ่ทั้งสองจะเปิดศึกสู้รบกันนั้น จู่ ๆ แสงสีทองอร่ามก็ปรากฏเจิดจรัสขึ้นบนท้องฟ้า เหยี่ยวสีทองตัวหนึ่งบินว่อนวนอยู่บนนั้น

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด เหยี่ยวทองหมื่นลี้!”

“พระเจ้า! นี่มันสัตว์เทพพิทักษ์ของแคว้นเทพฟ้านอิน เหยี่ยวทองหมื่นลี้ ไม่นึกเลยว่าแคว้นเทพฟ้านอินจะเอามันมา ดูท่าแล้วแคว้นเทพฟ้านอินคงไม่ยอมให้ตำหนักตงจี๋กับตำหนักเป่ยหานก่อความวุ่นวายเกินเหตุเป็นแน่นอน”

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ภายใต้การเจิดจรัสของแสงแห่งธรรมนี้ ตำหนักเป่ยหานกับตำหนักตงจี๋ก็สงบลง

หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกับอรหันต์ทั้งสิบแปดองค์จรดตัวลงมาจากลางอากาศ เขากล่าว “แดนตะวันตกอยู่ห่างไกลจากที่นี่เล็กน้อย พวกข้าก็มาเลยช้า ต้องขอโทษทุกท่านด้วย”

อินรั่วเฉินไม่ได้มาด้วย นี่เขาคิดจะหลบมุดหัวไปตลอดอย่างนั้นเหรอ?

.

.