บทที่ 1161 คุณรู้ไหมว่าสุดท้ายแม่ของเขาทิ้งคำพูดอะไรเอาไว้ก่อนตาย

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1161 คุณรู้ไหมว่าสุดท้ายแม่ของเขาทิ้งคำพูดอะไรเอาไว้ก่อนตาย

แสงดาวถูกวาริชที่ไม่ได้ปรากฏหน้าออกมานานพาตัวไปจริงๆ

อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ไปที่อื่นเช่นกัน ก็พาเธอมาที่โรงพยาบาลโดยตรง รอจนกระทั่งแสนรักพาคนรีบมาถึงแล้ว แสงดาวก็ไม่เป็นอะไรแล้ว

“คือ ประธานแสนรัก ขอโทษด้วยนะครับ ตอนนั้นผมเห็นคุณแสงดาวดูผิดปกติมาก ก็เลยพาเธอมาเลย ยังไม่ทันได้โทรบอกคุณ”

แสนรักเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

แล้วซักพักหนึ่งนั้นเขาก็กวาดตามองไปยังผู้หญิงที่ปลอดภัยแล้วบนเตียงผู้ป่วย ถึงได้ยินเขาเอ่ยถามขึ้น : “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? คนนั้นคุณเป็นคนฆ่าอย่างนั้นเหรอ?”

“เปล่าๆ ไม่ใช่….ผมฆ่า” วาริชตกใจเสียจนรีบปฏิเสธขึ้นมาทันที

หลังจากนั้น เขาก็พูดความจริงที่ทำให้ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง

“คนๆนั้น เป็น….คุณแสงดาวเป็นคนฆ่าครับ ตอนที่ผมไป เธอก็….บีบคอเขาหักไปแล้วครับ หลังจากนั้นเธอก็จะวิ่งหนีไป ผมก็เลยไปอุ้มเธอเอาไว้ กลัวว่าเธอจะสูญเสียความควบคุม…..”

เขาเอ่ยพูดจาสะเปะสะปะพลางถูแขนของตัวเองไปด้วย

เป็นการบอกใบให้แสนรักเห็นที่แผลของเขา

แสนรักหรี่ตาลงอีกครั้ง

เพิ่งจะโดนจริงๆ

แต่ผู้หญิงคนนี้อยู่ดีๆทำไมถึงได้บ้าขึ้นมาอีกแล้ว? ทำไมจู่ๆวิยศถึงได้ไปอยู่ที่สุสานได้?

และยังมีอีกว่า คนๆนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่? และทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนั้น?

“ผม….ผมก็มาหาคุณแสงดาว ผมได้ยินเรื่องของเธอแล้ว สองสามเดือนก่อนหน้านี้ก็อยากจะมาหาแล้ว แต่ตอนนั้น เธอไม่อยู่ที่เมืองหลวง ผม….ครั้งนี้ผมได้ยินมา ถึงได้มานี่ล่ะครับ”

สายตาที่แหลมคมนั้นกวาดตามองมาแบบนั้น

และทันใดนั้นเอง ผู้ชายคนนี้ที่มีความกล้า จับศีรษะของตัวเองอยู่ตรงนั้นแล้วพูดตรงๆออกมาทั้งหมด

แสนรัก : “……..”

แล้วซักพัก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก

หัวใจที่วาริชคนนี้มีต่อพี่สาวของเขา เขาก็รู้ ตอนแรกทั้งๆที่เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นตั้งท้องลูกของม็อกโกอยู่ แต่เขาก็ยังคงที่จะยืนยันที่จะอยู่ข้างๆกายของเธอ

อีกทั้งสุดท้ายแล้ว ก็ยังตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเธอ

แต่น่าเสียดาย ที่สุดท้ายแล้วเขาก็ขี้ขลาดอยู่บ้าง ภายใต้การขัดขวางของพ่อแม่เขา จนสุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าหากสำเร็จจริงๆ ต่อมากลัวแค่ว่าจะไม่มีเรื่องราวหลังจากนี้ของม็อกโกแล้ว

สุดท้ายแสนรักก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีก

อยู่รอที่โรงพยาบาลครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดแสงดาวก็ตื่นขึ้นมาแล้ว แสนรักก็เข้าไปถามเธอถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่สุสานในตอนนั้น

แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็จ้องมองแต่ฝ้าเพดานด้านบนศีรษะ เผยให้เห็นท่าทางที่ดูเหมือนสติที่ดูไม่ค่อยชัดเจนแบบนั้น เรียกอยู่หลายครั้ง เธอก็ล้วนแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลย

“ประธานแสนรัก ตอนที่ผมไป ก็เห็นเธอกำลังปะทะกันอย่างรุนแรงกับคนๆนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าได้รับการกระตุ้นอะไรหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นก็ให้เธอพักผ่อนอีกซักหน่อยเถอะครับ?”

วาริชเห็นแล้วนั้น ก็เป็นฝ่ายเสนอให้แสงดาวอยู่พักผ่อนที่นี่ไปก่อน

สีหน้าของแสนรักไม่ค่อยดีนัก

แต่สุดท้ายหลังจากที่เขาเห็นสถานการณ์ของผู้หญิงคนนี้แล้ว ก็เห็นด้วยแล้ว

วันนี้แสงดาวจึงอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด

ส่วนวาริชนั้นก็อยู่เป็นเพื่อนเธออยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ตอนที่เส้นหมี่ได้ยินเรื่องนี้ที่เดอะวิวซี ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน : “วาริชนี่เป็นคนวางแผนนี้หรือเปล่า? ตอนนี้ม็อกโกไม่อยู่แล้ว พี่ก็อยู่ในสภาพนี้อีก เขาคิดจะอาศัยฉกฉวยจังหวะนี้แทรกเข้าไปหรือเปล่า?”

ดูสมองเล็กๆนี้ บางครั้งก็มองเรื่องราวได้อย่างตรงประเด็นมาก

แสนรักถอดเสื้อคลุมไปพลาง นวดคิ้วไปด้วยความอ่อนเพลีย

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ!”

“อา?”

เส้นหมี่รับเสื้อคลุมของเขามา แล้วแสดงความประหลาดใจออกมา

“เป็นไปไม่ได้? ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ล่ะคะ? วาริชคนนี้ก็ดีกับพี่สาวของพี่มาก ตอนนั้น ถ้าหากไม่เพราะพ่อแม่ของเขาขวางเอาไว้ พวกเขาก็คงจะได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าอย่างนั้นในเมื่อตอนนี้……”

“ผมบอกว่าเป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปไม่ได้สิ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก”

แล้วจู่ๆ น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้ก็หนักขึ้นมา น้อยครั้งมากที่จะเห็นเขาทนไม่ได้แบบนี้

เส้นหมี่รู้สึกตกตะลึงไปอีกครั้ง

เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมจู่ๆถึงได้เดือดดาลขึ้นมา? เขาไม่ได้อารมณ์เสียกับเธอมานานแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็ไม่เคยหน้าแดงอีกเลย ทำไมเขา…..

เส้นหมี่ไม่อยากยอมรับ เวลานี้ เธอรู้สึกได้รับบาดเจ็บอยู่เล็กน้อยจริงๆ

แต่ผ่านอะไรมามากมายขนาดนั้น เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่มีนิสัยชอบโกรธแล้วโวยวายแบบนั้นอีกแล้ว

ดังนั้น เขาบอกว่าไม่ต้องพูดถึง เธอก็ไม่พูดถึงแล้วอย่างว่าง่ายด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้น เขาก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เธอยังอยู่ทางด้านนอกเอานมให้เขาหนึ่งแก้ว แล้วหยิบเอาหนังสือที่เขาชอบอ่านสองเล่มวางลงบนโต๊ะ ถึงได้ไปอยู่กับลูก

“หม่ามี๊ ทำไมคืนนี้หม่ามี๊มีเวลาลงมาล่ะ ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่กับแด๊ดดี้เหรอคะ?”

ในห้องลูกน้อย เด็กผู้หญิงอายุแปดขวบ เรียนรู้ที่จะนอนได้โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว แล้วก็สามารถนอนคนเดียวได้อย่างว่าง่ายด้วยเช่นกัน

เห็นว่าจู่ๆหม่ามี๊มานั้น เธอหยิบไข่มุกเล็กๆสีส้มๆชมพูๆอันนั้นเข้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของหม่ามี๊ด้วยความดีใจ พลางเอ่ยถามด้วยความห่วงใจ

เส้นหมี่ได้ยินแล้ว ก็อดที่จะรู้สึกละอายใจไม่ได้

เธอไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อลูกนานแล้ว ทำให้ลูกรู้ความขนาดนี้แล้ว

เส้นหมี่กอดเจ้าตัวเล็กนี้เอาไว้ สองแม่ลูกซุกอยู่ในผ้าห่มที่แสนอบอุ่น