บทที่ 1162 เก็บตาข่าย

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1162 เก็บตาข่าย!

และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ขณะที่ทั้งสองคนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็ผลักเปิดประตูออก หลังจากนั้นก็อุ้มคนโง่ๆคนหนึ่งที่อยู่บนเตียงลูกสาวขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

“แด๊ดดี้….”

หนูรินจังยังไม่หลับสนิท

ชายหนุ่มเห็นแล้ว ก็ก้มลงมาเอาผ้าห่มคลุมให้ลูกสาว แล้วบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ

“นอนเถอะลูก แด๊ดดี้พาหม่ามี๊กลับไปก่อน”

“อืม แด๊ดดี้จะต้องโอ๋หม่ามี๊ดีๆนะคะ ในหนังสือการ์ตูนบอกว่า ผู้หญิงจะต้องปลอบ จะรังแกไม่ได้นะ”

เด็กน้อยโตแล้วจริงๆ รู้จักที่จะสั่งสอนแด๊ดดี้แล้ว

แสนรักทั้งโกรธทั้งขำ สุดท้ายแล้วก็พยักหน้าลงเหมือนกับเป็นการรับประกันกับเธอท่ามกลางดวงตาดวงโตที่เต็มไปด้วยความรอคอย แล้วถึงได้อุ้มผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดออกไป

ไม่ควรรังแกจริงๆ

เมื่อครู่นี้ ทำไมเขาถึงได้โมโหใส่เธอทั้งที่เป็นเพราะอารมณ์ไม่ดีกันนะ?

ชายหนุ่มรู้สึกผิดมาก หลังจากที่อุ้มหญิงสาวขึ้นมาชั้นสามแล้ว เดิมทีคิดจะวางเธอเข้าไปในผ้าห่ม เพราะถึงอย่างไรที่นี่ไม่ใช่เมืองA ข้างนอกนั้นหนาวมาก

แต่ตอนที่เขาก้มตัววางลงนั้น กลับรู้สึกถึงในมือนั้นดูเหมือนจะขยับอยู่บ้าง

หลอกเขา?

เขาหยุดลงทันที ไม่ขยับอีก เพียงแต่จ้องมองเธออยู่แบบนั้น

เส้นหมี่กำลังพยายามแกล้งทำเป็นหลับอย่างสุดชีวิต

แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าไม่ได้เคลื่อนไหวแล้ว ทางด้านบนศีรษะเหมือนกับมีสายตาที่แผดเผาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอแข็งทื่อ จนสุดท้ายแล้วก็ต้องลืมตาขึ้นมา

“เหอๆ เมื่อกี้นี้ฉัน….หลับจริงๆนะ”

“ใช่เหรอ?”

ปลายเสียงของชายหนุ่มลากยาว ลมหายใจดูมีความอันตรายขึ้นมา

เส้นหมี่ : “……”

เสียงกระดิ่งดังขึ้นในใจ คิดอยากจะรีบมุดเข้าไปในผ้าห่ม แต่จูบที่ยาวนานและเอาแต่ใจนี้ ได้ปกคลุมลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นี่คือสิ่งที่จะได้รับจากการแกล้งหลับ

——

เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่เส้นหมี่ตื่นขึ้นมา ทั้งร่างกายก็ปวดเมื่อยเสียจนแทบจะลุกขึ้นไม่ไหว

“คุณผู้หญิง ตื่นแล้วเหรอคะ?”

“อืม ตื่นแล้วค่ะ คุณชายเล็กล่ะคะ?”

ใบหน้าเล็กที่ขาวสะอาดของเส้นหมี่มีเลือดฝาด เธอเอ่ยถามขึ้น

น้าแจ๋วชี้ลงไปทางด้านล่าง : “ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”

เส้นหมี่รู้สึกอึ้งไป

หรือว่าจะไปรับแสงดาวอย่างนั้นหรือ?

เส้นหมี่คิดแบบนี้ เนื่องจากว่าช่วงเวลานี้ คนนี้ตั้งแต่ที่วางภาระที่ไวท์ พาเลซลงแล้ว สภาผู้แทนราษฎรทางนั้นเขาก็ไม่ได้ไปอีกเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นที่สามารถทำให้เขาออกไปเช้าขนาดนี้ก็คงจะไปรับแสงดาวแล้ว

แต่จนถึงช่วงกลางวัน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองเดาผิดแล้ว

แสงดาวออกจากโรงพยาบาลแล้วจริงๆ

แต่ไม่ใช่แสนรักที่ไปรับ แต่เป็นวาริชที่พาเธอส่งไปที่เรด พาวิเลี่ยน เป็นเพราะเธอร้องจะกลับไปอยู่ตลอด

ส่วนแสนรัก ก็นั่งเฮลิคอปเตอร์มุ่งไปยังบีเอสประเทศZตั้งแต่เช้าแล้ว

นี่ก็คือตาข่ายที่ใหญ่มากจริงๆ

แสนรักไม่รู้ว่าตัวเองจัดวางเอาไว้นานแค่ไหนแล้ว

แต่เขารู้จุดประสงค์ของตัวเอง นั่นก็คือต้องการที่จะให้ปลาตัวใหญ่ตัวแรกที่โผล่ออกมา ส่งเข้าไปในป่านั้นที่พวกเขาฆ่าคน เป็นการลงโทษขั้นรุนแรงสำหรับคนชั่วร้าย!!

นี่คือป่าที่เปื้อนเลือดของคนตระกูลเทวเทพ

และแน่นอนว่าจะต้องใช้เลือดของพวกเขามาฝังไปพร้อมกับคนตายเช่นกัน!

ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์รวดเร็วเสียจนน่าตกใจ

และก็เป็นช่วงกลางวัน พวกเขาก็วนเวียนอยู่บนอากาศเหนือป่าผืนนั้น แสนรักเห็นสถานการณ์แล้ว ก็หยิบกล้องส่องทางไกลที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ออกมาแล้วมองไปทางด้านล่าง เมื่อเห็นว่าทางด้านล่างมีกลุ่มคนอยู่ กำลังขับรถจี๊ปคันสีเขียว และนอกรถนั้นก็ลากคนอยู่หนึ่งคน ตอนที่ขึ้นมาบนถนนรอบเขามีเลือดชุ่มไปด้วยแล้ว เขาดวงตาแดงก่ำ

“นั่นไม่ใช่…..กัปตันธีเหรอครับ?!!”

คนที่ขับเฮลิคอปเตอร์อยู่ทางด้านหน้าเองก็เห็นแล้วเช่นกัน จึงส่งเสียงร้องออกมาทันที

แสนรักไม่ได้เอ่ยพูดออกมา เขาวางกล้องส่องทางไกลลง แล้วหยิบปืนไรเฟิลที่อยู่ข้างๆขึ้นมา

และเวลานี้ทางด้านล่าง คนที่อยู่ในรถจี๊ปคันนั้นก็กำลังด่าว่าออกมาเช่นกัน : “วสุนี่มันบ้าไปแล้ว คอยจ้องพวกเราอยู่ตลอด คนๆนี้ถ้าหากเป็นลูกน้องเขาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็แย่แล้ว!”

“ไม่หรอก วันนี้เขาไม่สามารถมีชีวิตออกไปจากป่านี้ได้หรอก!”

“แต่ก่อนที่จะฆ่าเขา ผมยังจะต้องแงะบางอย่างออกมาจากปากเขาให้ได้ คนบ้านั่นน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาจะต้องมีกับดักอีกมากมายรอพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าหากไม่รู้ พวกเราก็แค่รอความตายเท่านั้นแล้ว”

คนๆนี้เอ่ยพูดขึ้นด้วยความกลัว

หลังจากนั้น ทันทีที่เขาออกคำสั่ง ทางด้านหลังรถ มีคนยกท่อนเหล็กขนาดใหญ่ท่อนเหวี่ยงลงมาแรงๆ จะทำให้ขาของคนที่มีลมหายใจอยู่ไม่มากที่ถูกลากอยู่นั้นหักไปทั้งสองข้าง

แต่เวลานี้ จู่ก็มีเสียง ปึง ดังขึ้นมา!

ท่อนเหล็กนั้นไม่ได้หล่นลงมา

แต่ทว่า คนๆนั้นก็เหมือนกับแตงโม แล้วหัวสมองก็ถูกเจาะทะลุเป็นโพรง แล้วเขาก็ล้มลงไป