บายัม ภายในวิหารเทพสมุทร
อัลเจอร์·วิลสันซึ่งเพิ่งกลับถึงห้องหลังจากมิสซา เห็นร่างหนึ่งโผล่ออกจากหน้าต่าง
เกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้แต่งกายด้วยหมวกทรงกึ่งสูงและเสื้อโค้ทยาว
โดยไม่รอให้อัลเจอร์พูด ไคลน์ก้าวออกมาข้างหน้า กล่าวเสียงขรึม
“ผมมาตามคำสั่งของมิสเตอร์ฟูล”
มันมักจะสวมบทบาทเป็น ‘บริวารเร้นลับ’ เสมอ
อัลเจอร์ก้มศีรษะลงทันที กดหน้าอกซ้ายด้วยมือขวา
“มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ”
ไคลน์พยักหน้ารับ ยกมือขึ้นและหยิบบางสิ่งจากกองขยะบนปราสาทต้นกำเนิด
ทันใดนั้น ภาพของคทาที่ทำจากกระดูกสีขาว สะท้อนบนกระจกตาอัลเจอร์
หัวคทาเลี่ยมอัญมณีสีน้ำเงินอมฟ้า บางส่วนมีสีเข้ม บางส่วนถูกปกคลุมด้วยแสงยามเช้า ตัวคทารายล้อมด้วยจุดแสงแห่งการสวดวิงวอนจำนวนนับไม่ถ้วน ถ้อยคำวิงวอนมายาดังแว่วออกมาอย่างต่อเนื่องในลักษณะซ้อนทับ เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์อย่างท่วมท้น
รูม่านตาอัลเจอร์เบิกกว้างทันที เผยให้เห็นความกระหายที่ยากจะยับยั้ง
ในฐานะครึ่งเทพลำดับ 4 แห่งเส้นทางลูกเรือ มันมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่าคทากระดูกตรงหน้าคือสัญลักษณ์แทนสถานะ ระดับตัวตน และพลังอำนาจของเทพสมุทร
มันกัดฟันทนอาการวิงเวียนอันเกิดจากเสียงสวดวิงวอน สายตาจดจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ และรอให้ข้ารับใช้แห่งเทพรายนี้เปิดปาก
ไคลน์ยกคทาเทพสมุทรด้วยมือหนึ่งข้าง กล่าวเสียงขรึม
“นี่คือความขวัญและความไว้วางใจจากมิสเตอร์ฟูล และยังเป็นรางวัลสำหรับการช่วยปกป้องสาวกจำนวนมากของพระองค์… ในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมหวังว่าคุณจะทำตามคำสั่งของมิสเตอร์ฟูลอย่างเคร่งครัด พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้งานของพระองค์ลุล่วง”
อัลเจอร์อ่านความนัยที่แฝงมากับประโยค
มันสงสัยว่า อาจเกิดบางสิ่งขึ้นกับมิสเตอร์ฟูลในวันข้างหน้า และพระองค์จะรับบาดเจ็บ หรือตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
เมื่อตระหนักว่าตนออกจากโบสถ์วายุสลาตันมาแล้ว และไม่มีที่ไปอื่นอีก อัลเจอร์นำมือขวากดหน้าอกซ้าย ตอบเสียงดังฟังชัด
“ความศรัทธาของผมมีเพียงมิสเตอร์ฟูลเท่านั้น!”
ฟังจบ ไคลน์พยักหน้าเงียบงัน ก่อนจะกล่าวซ้ำในสิ่งเดิมที่เคยพูดต่อหน้ามิสจัสติสและจัดจ์เมนต์
อัลเจอร์ถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยมันก็ได้ทราบชะตากรรมในอนาคต ดีกว่าไม่ทราบอะไรเลย
โดยไม่มัวรีรอ มันทวนคำเดิมของตัวเอง ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเป็นพิเศษ
ไคลน์มอบคทาเทพสมุทรให้อีกฝ่าย
“อันดับแรก คุณต้องทำความเคยชินกับสมบัติปิดผนึกชิ้นนี้ รวมไปถึงกิจวัตรประจำวันของเทพสมุทร รอจนกระทั่งโอสถ ‘ผู้สังเวยภัยพิบัติ’ ย่อยเสร็จสมบูรณ์ จงใช้มันปรุงเป็นโอสถดื่ม การสวมบทบาทล่วงหน้าจะช่วยความเสี่ยงขณะเลื่อนลำดับ”
อันที่จริง ไคลน์สามารถยกเลิกการ ‘ปลูกถ่าย’ ได้ทันที เพื่อโอนสถานะเทพสมุทรซึ่งปัจจุบันพุ่งเป้ามายังไคลน์และปราสาทต้นกำเนิด ให้เปลี่ยนไปหาอัลเจอร์แทน ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็น ‘ครึ่งเทพสมุทร’ และเกิดความคุ้นเคยกับตัวตนล่วงหน้า
แต่เมื่อคำนึงว่า ตนกำลังจะปรองดองกับเอกลักษณ์ของเดอะฟูล และจำเป็นต้องมีหลักยึดเหนี่ยวที่มั่นคงสำหรับสร้างสมดุลกับเจตจำนงของราชันสวรรค์ฟ้าดิน เหล่าสาวกของเทพสมุทรจึงเป็นสิ่งที่ยังขาดไม่ได้ ไคลน์ตัดสินใจรอให้ตนมีเสถียรภาพทางใจโดยแท้จริงเสียก่อน จึงค่อยโอนถ่ายตัวตนของเทพสมุทรไปให้อัลเจอร์โดยสมบูรณ์
ณ ปัจจุบัน ตัวตนของอัลเจอร์ใกล้เคียงกับข้ารับใช้ซึ่งช่วยถือครองอำนาจแทน คอยฟังคำสวดวิงวอนและตอบสนองให้สาวก แต่ยังปราศจากหลักยึดเหนี่ยวและสถานะที่แท้จริงของเทพสมุทร – ‘เจ้าของ’ คทาเทพสมุทรตัวจริงยังคงเป็นไคลน์ และทุกสิ่งยังคงพุ่งเป้าไปหาไคลน์ นี่คือความอัศจรรย์ของพลัง ‘ปลูกถ่าย’
อัลเจอร์ข่มความตื่นเต้นและความสุขภายในใจ ขานตอบถ้อยคำของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับรับคทาเทพสมุทรมาถือ
จากนั้น มันถามอย่างครุ่นคิด
“สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้มีผลข้างเคียงเป็นอย่างไร?”
“มิสเตอร์ฟูลได้ผนึกไว้แล้วบางส่วน ช่วยให้ผลข้างเคียงด้านลบของไม้เท้าเทพสมุทรลดลงจากเดิมมาก” ไคลน์อธิบายเรียบง่าย “ในปัจจุบัน มันจะทำให้ผู้ถือมีอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว จิตใจเผชิญความสับสนเล็กน้อย และจะคอยสูบเลือดของสิ่งมีชีวิตรอบข้างในทุกเดือน คุณสามารถบินไปยังกลางทะเลหรือเกาะร้างก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง”
พอรับได้… อัลเจอร์ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ถามถึงพลังพิเศษของคทาในมือ
หลังจากอธิบายอย่างคร่าว ร่างของไคลน์ก็เลือนหายไป
…
เหนือสายหมอกสีเทา ภายในวังโบราณ
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้เดอะฟูล เสกกระดาษหนังและปากกาหมึกซึมสีแดง เริ่มทำการวิเคราะห์หาผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเผชิญหน้ากับอันทีโกนัสบนยอดเขาของเทือกเขาโฮนาซิส
หากทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการปรองดองกับเอกลักษณ์เดอะฟูล เทพธิดาจะต้องยกเลิกพลัง ‘ซ่อนเร้น’ ที่ปกคลุมบริเวณดังกล่าวอย่างแน่นอน เพื่อให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับโลกความจริง เชื่อมต่อกับชะตากรรม และบรรลุผลของการหลอกลวง…
พิจารณาจากพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของมิสเตอร์ประตู ความวุ่นวายที่จากการปรองดองกับเอกลักษณ์สำเร็จนั้นไม่ธรรมดา เมื่อปราศจากอำนาจการปกปิด เทพตนอื่นย่อมต้องสังเกตเห็น และกลุ่มตัวตนที่กำลังสนใจประเด็นนี้ คงจับตามองเทือกเขาโฮนาซิสมาสักระยะแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็จะทราบได้ทันที…
ในสถานการณ์ดังกล่าวคงมีการแทรกแซงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำลายล้าง ความช่วยเหลือ และการสนับสนุน… สิ่งสำคัญคือการมองให้ออกว่าใครคือศัตรู และใครคือมิตร ไม่อย่างนั้นคงเตรียมตัวรับมือได้ไม่เหมาะสม…
เทพธิดาอยู่ฝ่ายเราแน่นอน หากพระองค์เป็นศัตรู เราคงถูกผนึกไว้ในดินแดนซ่อนเร้นนานแล้ว ไม่มีทางได้เติบโตจนถึงระดับปัจจุบัน… หรือถ้าพระองค์ต้องการ ‘ขาย’ เราให้คนอื่น ในอดีตก็มีโอกาสนับครั้งไม่ถ้วน แถมยังขายได้ราคาดีมาก… สำหรับพระองค์ ใครจะเป็นราชันเร้นลับก็ไม่สร้างปัญหาให้กับตน จึงสามารถตัดสินใจได้ตามความชอบส่วนตัว – อาดัมในปัจจุบันยังห่างไกลจากการทะลวงผ่านผนึก และช่วงชิงแม่น้ำอันธการนิรันดร์ไปครองตัดหน้า…
ตัวตนที่ไม่ต้องการให้อามุนด์เป็นราชันเร้นลับมากที่สุดประกอบด้วย สุริยันเจิดจรัส วายุสลาตัน และปัญญาความรู้ หากมีใครสักคนพยายามขัดขวางพิธีกรรมปรองดองเอกลักษณ์เดอะฟูลของเรา พวกท่านจะต้องส่งความช่วยเหลือมาในทันทีแน่…
นอกจากเทพแท้จริงทั้งสี่องค์ ลำดับ 0 ที่เหลือประกอบไปด้วย:
นักสร้างฝันอาดัม และพระผู้สร้างแท้จริง ต่างก็เป็นบิดาของอามุนด์ มีโอกาสสูงที่จะยื่นมือช่วยอามุนด์มากกว่าเฝ้ามองอย่างเงียบงัน… พระแม่ธรณีอาจวางเดิมพันข้างเราผ่านเอ็มลิน แต่พระองค์อาจไม่ยื่นมือช่วยเหลือเสมอไป สำหรับท่าน เนื่องจากไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวโดยตรง คงเป็นการดีกว่าหากจะเฝ้ารอผลลัพธ์ด้วยความอดทน… แม่มดบรรพกาลอยู่ในสภาพประหลาด จะออกหน้าไหนนั้นยากจะคาดเดา… เทพจักรกลไอน้ำทำตัวคลุมเครือมาตลอด อย่างดีก็คงวางตัวเป็นกลาง อย่างแย่ก็แอบทำข้อตกลงกับอามุนด์และอาดัม เราไม่มีไพ่เด็ดที่จะซื้อใจเขาได้…
นอกเหนือจากเทพแท้จริงเหล่านี้ ลำดับ 0 ตนอื่น หรือลำดับที่ใกล้เคียง 0 ประกอบด้วย:
เจ้านรก หรืออีกชื่อหนึ่งคือด้านมืดเอกภพ ต้องสงสัยว่าจะถูกมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกัดกร่อน นานๆ ครั้งจะตอบสนองต่อคำสวดวิงวอนของนิกายบูชาโลหิต และไม่ส่งพลังมาแทรกแซงโลกความจริงนานแล้ว เฉกเช่นสถานการณ์ของเทพผู้ถูกล่าม…
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับเจตจำนงของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเป็นหลัก และในฐานะเทพภายนอก ยิ่งราชันเร้นลับถือกำเนิดล่าช้าเพียงใดก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับตน ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว การขัดขวางมิให้เราปรองดองกับเอกลักษณ์ของเดอะฟูล จนพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับอามุนด์ มีแต่จะเร่งให้ราชันเร้นลับถือกำเนิดเร็วขึ้น…
กลยุทธ์ที่มีมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายน่าจะเลือกใช้มากที่สุด คือการวางตัวเป็นกลาง หรือไม่ก็ช่วยให้เราปรองดองกับเอกลักษณ์ของเดอะฟูลจนลุล่วง เพื่อถ่วงดุลตาชั่งระหว่างเรากับอามุนด์ให้ไม่เอนเอียง จากนั้นก็พยายามทำลายแนวโน้มและสัญชาตญาณในการ ‘ผนวกรวม’ เลื่อนการถือกำเนิดราชันเร้นลับออกไปให้นานที่สุด…
วิญญาณมารเทวทูตสีชาดยังไม่ฟื้นตัวถึงระดับที่สามารถพัวพันกับเรื่องนี้ได้โดยตรง… ปราชญ์เร้นลับนั้นลึกลับสมชื่อ ไม่มีใครอ่านออกว่าทางนั้นกำลังคิดในสิ่งใด แต่อีกฝ่ายคงทราบดีว่าเราวางตัวเป็นศัตรู…
วิเคราะห์ถึงตรงนี้ ไคลน์ได้ข้อสรุป
มิตร: เทพธิดารัตติกาล วายุสลาตัน สุริยันเจิดจรัส ปัญญาความรู้
ศัตรู: นักสร้างฝันอาดัม พระผู้สร้างแท้จริง ข้อผิดพลาดอามุนด์
วางตัวเป็นกลาง แต่อาจช่วยเรา: พระแม่ธรณี ด้านมืดเอกภาพ เทพผู้ถูกล่าม
วางตัวเป็นกลาง แต่อาจช่วยอามุนด์: ปราชญ์เร้นลับ
วางตัวเป็นกลาง ท่าทีคลุมเครือ: แม่มดบรรพกาล เทพจักรกลไอน้ำ
อา… ยังไม่ต้องคำนึงว่าอาดัมและพระผู้สร้างแท้จริงจะผสานกันถึงระดับไหน ให้เดาว่าเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไปก่อน อีกฝ่ายอาจแข็งแกร่งทัดเทียมเทพสุริยันบรรพกาล หรืออย่างน้อยก็ลำดับ 0 ในสองเส้นทาง… เทพธิดาถือครองเอกลักษณ์ของ ‘ยักษ์สนธยา’ และ ‘มรณา’ ต่อให้ยังปรองดองไม่เสร็จ แต่ด้วยสื่อกลางอย่างเครื่องประดับทองคำรูปนก พระองค์คงควบคุมเอกลักษณ์ได้ดังใจนึก แม้จะยังมิอาจทัดเทียมเทพสุริยันบรรพกาลในยุครุ่งเรือง แต่ก็น่าจะคานอำนาจกับอาดัมในปัจจุบันได้…
อามุนด์ก็ควรถูกจำแนกให้เป็นลำดับ 0 สองเส้นทาง… จากบรรดาวายุสลาตัน สุริยันเจิดจรัส และปัญญาความรู้ แค่สองในสามก็น่าจะรับมือกับอามุนด์ไหว… พิจารณาจากสถานการณ์ตรงนี้ เรายังเป็นฝ่ายได้เปรียบ… ไคลน์อ่านเนื้อหาบนกระดาษพลางพึมพำด้วยสมาธิจดจ่อ
อย่างไรก็ดี ความได้เปรียบตรงนี้ยังมิได้นับรวมฝ่ายที่วางตัวเป็นกลาง
ไคลน์เคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวลวดลายเก่าแก่ พิจารณาถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุด
แม่มดบรรพกาล ปราชญ์เร้นลับ เทพจักรกลไอน้ำ ล้วนเลือกที่จะช่วยอามุนด์เพราะความชอบหรือไม่ก็ข้อตกลงบางอย่าง…
หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้พระแม่ธรณีเข้าร่วมศึก ฝ่ายของไคลน์ก็ยังคงเสียเปรียบเล็กน้อย: เทพจักรกลไอน้ำจะคานอำนาจกับอีกหนึ่งเทพจากห้าเส้นทาง ‘พระเจ้า’ … พระแม่ธรณีที่เพิ่งครอบครองเอกลักษณ์ของ ‘จันทรา’ จะคานอำนาจกับแม่มดบรรพกาล… ปราชญ์เร้นลับจะเผชิญหน้ากับด้านมืดเอกภพและเทพผู้ถูกล่าม ซึ่งทั้งสองล้วนถูกกัดกร่อนโดยมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย – แต่เนื่องจากการแทรกแซงของเทพภายนอกมีขีดจำกัด เกรงว่าปราชญ์เร้นลับน่าจะถือครองความได้เปรียบ…
นอกจากนั้น การสมมติให้เทพคานอำนาจกัน เป็นเพียงการคำนวณในอุดมคติ ตามสถานการณ์จริง อามุนด์ซึ่งถือครองอำนาจ ‘ข้อผิดพลาด’ สามารถสำแดงเล่ห์กลได้มากมาย เช่นกันค้นหา ‘ช่องโหว่’ และสร้างทางลัดเข้ามาทำลายพิธีกรรมโดยตรง จนไคลน์ลงเอยด้วยการคลุ้มคลั่งคาที่ ไม่เพียงเท่านั้น เทพบางตนที่เคยช่วยไคลน์อย่างผิวเผิน อาจเปลี่ยนไปเข้ากับฝ่ายอามุนด์ด้วยเหตุผลที่คาดไม่ถึง
สำหรับสมบัติปิดผนึกที่สามารถพลิกผันสมดุลระหว่างเทพ ไคลน์แทบไม่มีข้อมูล ยากจะวิเคราะห์สถานการณ์
หึหึ… คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่เราต้องอ้อนวอนมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… ใช่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ และคอยขัดขวางมิให้เหตุการณ์ดำเนินไปยังทิศทางดังกล่าว… ไคลน์สลายกระดาษและปากกาตรงหน้า หันไปจ้องจุดแสงแห่งการวิงวอนที่ตนทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษ
ร่างชายหนุ่มเลือนหายไปจากปราสาทต้นกำเนิด และโผล่อีกครั้งบน ‘รุ่งอรุณ’ ของแบร์นาแดต