ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 974 จุดจบของการเล่นไม่ซื่อ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

นักพรตตงเฉวียนขมวดคิ้ว สัมผัสได้ว่าค่ายกลคุ้มครองสำนักถึงกับกระเพื่อมเบาๆ

ประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วงจ้าวเจินที่ก่อนหน้านี้เงียบงันมาโดยตลอด ตอนนี้หันไปมองหยวนเสี่ยนเฉิงจากเนินต้นจักรพรรดิ “คนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ทะลวงพรมแดนทางเขารอบวงมาได้แล้วหรือ”

คนอื่นๆ ต่างมองหยวนเสี่ยนเฉิงเช่นกัน

ถ้าหากว่าคนที่อยู่ด้านนอกเป็นเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ เช่นนั้นไฉนเขาจึงกล้ามายังเขามหาวิญญาณอย่างเปิดเผยเช่นนี้

คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวดูเหมือนจะเป็นเพราะ…มียอดฝีมือทางเขตตะวันอาคเนย์บุกเข้ามาแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบไปได้ข่าวมาจากไหน ไฉนจึงเหมือนมั่นใจว่าจะมีที่พึ่งเช่นนี้

พอคิดเช่นนี้ สีหน้าประหลาดใจของทุกคนก็ค่อยๆ สลายไป เริ่มมีความกังวลขึ้นมาแทนที่

กลับไม่ใช่เพราะกริ่งเกรงเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เป็นเพราะกริ่งเกรงยอดฝีมือจากตะวันออกเฉียงใต้ที่ตีเขารอบวงแตก

“ไม่มีทาง อาจารย์อาจางเฝ้าเขารอบวงไว้อย่างแน่นหนา ตะวันออกเฉียงใต้คิดบุกมา นอกเสียจากว่าจะมียอดฝีมือมากมายทุ่มกำลังบุกรุกเท่านั้น” หยวนเสี่ยนเฉิงตอบอย่างสงบนิ่ง “ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราสมควรได้ข่าวแต่แรกแล้ว”

จ้าวเจินประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วงพยักหน้า “เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าโจรน้อยแซ่เยี่ยนนั่นมาหาเราเพียงคนเดียวจริงๆ หรือ”

สีหน้าของทุกคนกลายเป็นประหลาดพิกล พร้อมทั้งฉายแววเหลือเชื่อออกมาบนใบหน้าอีกครั้ง

“คนหนุ่มนั่นไม่รู้เหรอว่ามีคนจำนวนมากชุมนุมกันอยู่ที่นี่” มีคนเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ

แต่ว่าต่อให้ไม่มีคนเข้าร่วมงานชุมนุม เขามหาวิญญาณก็เป็นหนึ่งในสองผู้ทรงอำนาจในเทือกเขาสันติภาพอยู่ดี

เยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในเทือกเขาสันติภาพ แต่กลับไม่ใช้ภูมิประเทศซ่อนตัว ถึงกับมายังเขามหาวิญญาณตรงๆ เช่นนี้

การกระทำเช่นนี้เหิมเกริมจนไร้ขอบเขตเกินไปแล้ว

นักพรตตงเฉวียนสูดหายใจลึก สงบจิตใจ ยืนอยู่กลางตำหนักใหญ่ แล้วผลักฝ่ามือหนึ่งออกด้านหน้า

ใจกลางฝ่ามือของเขามีลวดลายอาคมผสมผสานกันลอยขึ้นมา กลายเป็นรอยตราที่เปล่งแสงระยิบระยับ

รอบนอกเขามหาวิญญาณที่สูงเสียดฟ้าด้านมีแสงสว่างหลายสายเวียนวน ลวดลายอาคมค่ายกลที่ตอนแรกลอยขึ้นพลันนูนออกมาโดยสมบูรณ์ ผนึกตัวกันกลายเป็นของที่จับต้องได้

“ในเมื่อเขามีความกล้ามาเยี่ยมเยือนสำนัก ก็ให้เขาขึ้นมาเถอะ” หยวนเสี่ยนเฉิงนั่งบนที่นั่งไม่เคลื่อนไหว เงาแสงหงส์เพลิงในม่านตาสองข้างเหมือนกับสว่างขึ้นเล็กน้อย

นักพรตตงเฉวียนได้ยินก็เอ่ยว่า “ท่านหยวนกล่าวมีเหตุผล เป็นข้าใจแคบแล้ว”

เขาพูดพลางชักฝ่ามือกลับ ค่ายกลคุ้มครองสำนักที่ครอบคลุมเขามหาวิญญาณหายไป

“ในเมื่อมาแล้ว กล้าขึ้นเขาหรือไม่” เขาพูดพลางทรุดนั่งลงบนที่นั่งประธาน

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ กล่าวว่า “เจ้าบ้านอยู่ที่บ้านย่อมประเสริฐสุด ไม่เช่นนั้นข้าผู้แซ่เยี่ยนคงกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ”

จอมยุทธ์ทิศใต้ในตำหนักใหญ่ต่างก็กลอกตาขาวในใจอย่างพร้อมเพรียง

หากเขาไม่นับเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ เช่นนั้นยังมีใครเป็นแขกไม่ได้รับเชิญอีก

…แต่ก็ไม่ถูก แม้นักพรตตงเฉวียนมีแผนของตัวเอง แต่เพื่อรับมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ งานชุมนุมนี้จึงค่อยถูกจัดขึ้น

ทุกคนสงบจิตใจ สายตามองประตูตำหนักใหญ่

พวกเขาตอนนี้รู้สึกสนใจคนหนุ่มที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าผู้นั้นยิ่ง

แม้ว่าจะได้รับข่าวว่าตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางออกจากเขายาวเหยียด ผ่านสถานที่มากมายในเขตเพลิงทักษิณ ก็ไม่มีจอมยุทธ์จากที่ไหนขัดขวางได้

แม้แต่ที่ราบกว่างเย่ว์ที่อยู่ติดกับเทือกเขาสันติภาพ ก็ส่งข่าวการทำตามอำเภอใจของเยี่ยนจ้าวเกอมาให้รับทราบ

แต่เมื่อไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง ไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง เรื่องหลายเรื่องผู้คนก็มักยากจะเชื่ออย่างแท้จริง

นักพรตตงเฉวียนนั่งอยู่ในตำหนักใหญ่ในเวลานี้ไม่ได้ใช้ค่ายกลคุ้มครองสำนัก

ทว่าจอมยุทธ์เขามหาวิญญาณคนอื่นๆ รู้สึกไม่พอใจเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่คิดจะให้เขาขึ้นเขาง่ายดายเช่นนี้

ขณะที่ปีนขึ้นเขา จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณจำนวนมากอาศัยชัยภูมิ วางค่ายกลมากมาย คิดแสดงบารมีให้เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็น

นักพรตตงเฉวียนได้ยินเรื่องนี้ก็ปล่อยผ่าน ใช้ท่าทีอนุญาตเป็นการลับ คิดจะลองศึกษาเบื้องหลังของเยี่ยนจ้าวเกอดู

ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังแข็งแกร่งเกินไป แม้กระทั่งลงมืออย่างอำมหิตจนคนในสำนักต้านไม่ไหว นักพรตตงเฉวียนจะลงมือปกป้องได้ทันเวลา

พอคิดคำนวณได้เป็นมั่นเป็นเหมาะ นักพรตตงเฉวียนก็รอคอยอย่างอดทน

ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีการแสดงออกอะไรในตอนที่ปีนเขา จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณจะรายงายต่อนักพรตตงเฉวียนอย่างต่อเนื่อง

ผู้ใดหาทราบไม่ว่าหลังจากเวลาผ่านไป กลับไม่มีผู้ใดรายงานสักคนเดียว

ขณะที่นักพรตตงเฉวียนกำลังแปลกใจ หยวนเสี่ยนเฉิงบนที่นั่งก็พลันตาเป็นประกาย “มีความสามารถ!”

ทุกคนรู้สึกสงสัย แต่นักพรตตงเฉวียนและประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วงก็คล้ายกับรู้สึกถึงบางอย่างได้แล้ว

นักพรตตงเฉวียนสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ผุดลุกขึ้นจากที่นั่งอีกครั้ง ตวาดว่า “โจรน้อยบังอาจนัก!”

ค่ายกลที่ครอบคลุมเขามหาวิญญาณโคจรอีกครั้ง

แต่ว่าในขณะเดียวกัน แสงอาทิตย์โชติช่วงก็สว่างขึ้นระหว่างหุบเขา ราวกับเป็นแสงที่สาดส่องไปถึงสวรรค์

เหมือนกับดวงอาทิตย์สีทองดวงหนึ่งลอยขึ้นจากสันเขาของเขามหาวิญญาณ

พลังงานที่ยิ่งใหญ่นี้สั่นสะเทือนจนค่ายกลคุ้มครองสำนักเริ่มพังทลาย!

“เขามหาวิญญาณนับเป็นผู้มีอำนาจในเทือกเขาสันติภาพ แต่มารยาทในการต้อนรับแขกเป็นเช่นนี้หรือนี่” เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอดังขึ้น “ในเมื่อเปิดประตูเชิญข้าขึ้นเขาแล้ว ไฉนมีคนในสำนักเล่นไม่ซื่อ”

“นักพรตตงเฉวียนกระมัง ท่านในฐานะผู้ครองเขามหาวิญญาณ ลูกศิษย์ท่านกลับไร้กฎระเบียบ เช่นนั้นข้าผู้แซ่เยี่ยนจะช่วยท่านสั่งสอนให้เอง”

มีจอมยุทธ์ทิศใต้ในตำนักใหญ่พุ่งออกจากประตูตำหนัก ก้มลงมองจากยอดเขา

การมองนี้ทำให้พวกเขาอดสูดลมหายใจที่เย็นเยียบไม่ได้ ก่อนจะเห็นบนสันเขาของเขามหาวิญญาณถูกความมืดผืนหนึ่งครอบคลุม

ความมืดนั้นเหมือนกับแถบแสงเส้นหนึ่ง พันเขามหาวิญญาณที่สูงชัน พร้อมกับค่อยๆ ไต่ขึ้นด้านบน

ในความมืดที่เหมือนกับม่านราตรีนี้ มีดวงอาทิตย์สีทองลอยขึ้นมา แต่ว่าแสงสว่างกับความมืดที่อยู่ด้านในไม่ส่งผลต่อกัน แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน

ความเร็วที่ลอยขึ้นของแถบแสงความมืดนั้นไม่เร็วไม่ช้า ลอยขึ้นอย่างมั่นคงตามจังหวะของตัวเอง

นักพรตตงเฉวียนกระตุ้นค่ายกล พลังถูกอาทิตย์สีทองขวางไว้

ขณะที่เขารำคาญใจ กลับสั่งให้คนในสำนักที่อยู่บนเขารีบถอยหนี หลบให้พ้นแสงมืด ไม่ต้องขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอต่ออีก เพื่อไม่ให้ถูกแสงจากความมืดกลืนกิน

หลังจากจอมยุทธ์เขามหาวิญญาณถอยไปแล้ว แสงมืดนั้นก็หายไปด้วย

ครู่หนึ่งผ่านไป เงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน บรรลุถึงยอดเขาแล้ว

“นี่คือสายฟ้าอนาธการ หนึ่งในสายฟ้าเซียนทั้งเก้าในตำนานก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่หรือ” ผู้อาวุโสสำนักรัตติกาลที่พอถึงเขามหาวิญญาณก็สงวนวาจามาโดยตลอด ยามนี้กลับโพล่งถามขึ้นมา

นักพรตตงเฉวียนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

คนในเขามหาวิญญาณทราบว่า ข่าวคราวของคนที่ขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว

ต่อมาไม่ว่าจะเป็นคนที่ทนไม่ไหวจนโจมตีเยี่ยนจ้าวเกอ หรือว่าคนที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ ขอแค่เข้าใกล้แสงมืดเมื่อก่อนหน้า ร่องรอยก็หายไป ไม่มีใครกลับมา และไม่มีผู้ใดส่งข่าวกลับมาด้วย

นักพรตตงเฉวียนแม้ว่าจะไม่ได้ลงไปตรวจสอบสถานการณ์ แต่ในฐานะผู้ครองเขามหาวิญญาณ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเขามหาวิญญาณที่อยู่ข้างใต้ตน ถึงกับมีปราณความตายอันเข้มข้นกระจายอยู่ทั่ว

ปราณความตายนั้นมาจากจอมยุทธ์เขามหาวิญญาณที่ถูกแสงมืดกลืนกิน ทุกคนล้วนไปแล้วไปลับ ไม่กลับมา!

เยี่ยนจ้าวเกอขึ้นเขาคล้ายไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าผู้แซ่เยี่ยนมาถึงที่นี่ ต่อให้มีเรื่องที่้ต้องทำ ก็จะตัดสินสูงต่ำกับทุกท่านที่อยู่ที่นี่ คนอื่นๆ ในสำนักท่านรีบร้อนเกินไปแล้ว พวกเขามีธุระอะไรเช่นนั้นหรือ”

นักพรตตงเฉวียนจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง ไม่ได้กล่าววาจาใด

มิพักเอ่ยถึงอานุภาพของดวงอาทิตย์อันโชติช่วงดวงนั้น แค่แสงสายฟ้าสีดำที่แปลกประหลาดเมื่อครู่ ก็ทำให้ผู้คนขนลุกเกรียวแล้ว

ผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงที่สุดในกลุ่มคนที่ไปขวางเยี่ยนจ้าวเกอ ก็คือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายเหมือนกับเขา แต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณที่ก่อนหน้านี้ถอยหนีทัน หลังจากแสงมืดหายไปแล้ว ก็รีบอ้อมลงเขาไปอีกทางเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

ครั้งนี้หลังจากพวกเขารายงานสภาพการตายของผู้ตายขึ้นมา สีหน้าของนักพรตตงเฉวียนก็กลายเป็นหม้อก้นดำโดยสมบูรณ์

………………..