ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 975 มาตรแม้นเผชิญคนเป็นพันหมื่น ข้าก็พร้อมหักหาญชิงชัย!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“อาจารย์อาเจ็ดที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายตายไปที่นั่นอย่างไร้สุ้มไร้เสียง”

“ยังมีคนอื่นอีก ดูจากสภาพของพวกเขาแล้ว ถึงขั้นไม่รู้ว่าตนตายอย่างไร ไม่รู้ตัวว่าเสียชีวิตไปแล้วด้วยซ้ำ!”

จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณที่ลงเขาไปตรวจสอบต่างตกใจไม่น้อย เพราะลักษณะของผู้ตายแปลกประหลาดเกินไป

คนที่ตายไปแล้วล้วนมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีความรู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

มีสองคนยืนอยู่ตรงกันข้ามกัน เหมือนกับกำลังสนทนากัน ต่างปั้นสีหน้ารังเกียจ คล้ายกำลังพูดถึงเยี่ยนจ้าวเกอนั่นอยู่ แต่พวกเขาเหมือนกับไม่รู้เลยว่าถูกคนฆ่าทิ้งไปแล้ว ใบหน้ายังคงเหมือนเดิม อาจารย์อาผู้หนึ่งถึงขั้นอ้าปากค้าง ยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ

ถ้าหากบอกว่าเป็นวิชาลวงตาหรือพิษร้ายแรง จนทำให้พวกเขาสูญเสียการรับรู้ อยู่ในอาการไม่รู้สึกตัวชั่วคราว แต่ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอาชีวิตพวกเขาไปเล่า

“ดูจากสีหน้าของพวกอาจารย์อาแล้ว ถึงเป็นตอนที่ถูกอีกฝ่ายฆ่า พวกเขาก็ไม่ได้ตื่นตกใจ กระทั่งร่างกายยังไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย!”

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงผู้ยิ่งใหญ่ถูกคนฆ่าทิ้ง ถึงกับไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง ราวกับติดอยู่ในฝันหวานเลยหรือนี่

ล้อเล่นหรือไรกัน

จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณที่ไปตรวจสอบเหล่านั้นต่างคิดว่า เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะนักพรตตงเฉวียนสั่งให้พวกเขาถอนมือถอยกลับ พวกเขาก็คงมีจุดจบเดียวกันกับสหายที่ตายไปเหล่านั้น

แม้แต่ตายยังไม่ทราบว่าตายอย่างไร

ขอแค่คิดถึงตรงนี้จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณทั้งหมดก็อดสยิวกายไม่ได้

“ประเสริฐ! สายฟ้าอนธการที่ประเสริฐ!” นักพรตตงเฉวียนไม่ได้ตกใจเพราะฝีมือของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เขาโกรธที่คนในสำนักจำนวนมากมายขนาดนั้นถูกฆ่า

หยวนเสี่ยนเฉิงจากเนินต้นจักรพรรดิลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง

ท่าร่างของเขาบรรลุถึงด้านนอกตำหนักในชั่วพริบตา เงาแสงหงส์เพลิงในตาดำสองข้างส่องสว่างกว่าเดิม “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกคนหนึ่งไม่ควรกระตุ้นพลังของสายฟ้าอนธนการได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ในวิชาสายฟ้าของเจ้ายังหลอมความลี้ลับอย่างอื่นไว้ด้วย!”

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่บนยยอดเขา สบตาหยวนเสี่ยนเฉิง ยิ้มกล่าวว่า “เป็นหยวนเสี่ยนเฉิง ‘เนตรหงส์’ กระมัง ข้าเคยเห็นภาพเงาแสงของท่านมาก่อน ได้ยินชื่อมิสู้พบหน้าจริงๆ”

“ก่อนหน้านี้ข้ากลับดูแคลนเจ้าไป” หยวนเสี่ยนเฉิงเอ่ยอย่างเนิบนาบ “มิน่าถึงทะลวงจากเขายาวเหยียดมาถึงนี่ได้”

จ้าวเจินเดินออกมาจากตำหนักใหญ่ ตามหลังหยวนเสี่ยนเฉิงติดๆ พลางใช้สายตาพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า

รอยยิ้มที่มักมีบนใบหน้าเขาบัดนี้สลายไป กลับกลายเป็นการแสดงความเคร่งขรึมจริงจัง

นักพรตตงเฉวียนยามนี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ค่อยๆ ใจเย็นลง

“โจรน้อยตระกูลเยี่ยนเจ้ากล้ามายังเทือกเขาสันติภาพ ที่นี่จะกลายเป็นที่ฝังกระดูกของเจ้า” เสียงของเขาเย็นชา “เจ้ามายังเขามหาวิญญาณของข้าด้วยตัวเอง รนหาที่ตาย ทั้งยังสังหารคนในเขามหาวิญญาณของข้า ข้าจะต้องสังหารเจ้าด้วยฝ่ามือของตัวเองให้ได้!”

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้สนใจนักพรตตงเฉวียน แต่มองซ้ายมองขวา “ฟังว่าเจ้าสำนักรัตติกาลเข้าฌานแล้ว ไม่ทราบว่ามีตัวแทนมาหรือไม่”

สีหน้าของคนที่อยู่รอบๆ กลายเป็นประหลาดใจพิกล

ผู้อาวุโสสำนักรัตติกาลลอบยินดี เพียงแต่พอเห็นหยวนเสี่ยนเฉิงอยู่ที่นั่น จึงไม่กล้าเผยสีหน้าใดออกมา

“วันนี้ยอดฝีมือในเทือกเขาสันติภาพล้วนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อสังหารโจรโอหังเช่นเจ้า ภายใต้การนำของเนินต้นจักรพรรดิ” นักพรตตงเฉวียนกล่าวอย่างเย็นชา “อย่าใช้แผนยุแยงตะแคงรั่วดีกว่า ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้ามาเล่นลิ้น”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น ในที่สุดก็มองนักพรตตงเฉวียน กล่าวด้วยความขบขัน “ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่”

“ที่ข้าสนใจสำนักรัตติกาล เป็นเพราะว่ากันว่าวิชาดาบบัวงามคืนมืด วรยุทธ์คุ้มครองสำนักของพวกเขาเป็นการสืบทอดจริงแท้ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ที่เก็บรักษาได้ค่อนข้างสมบูรณณ์ มีลักษณะเฉพาะตัว ก็เลยคิดอยากเห็นเท่านั้น”

เขาพิจารณานักพรตตงเฉวียน “ส่วนฝ่ามือยันต์แปดทิศวนฟ้ากับฝ่ามือมหาวิญญาณสยบมังกรวรยุทธ์ การสืบทอดสายตรงที่มีชื่อเสียงขจรขจายของสำนักมหาวิญญาณของท่าน แม้ว่าจะไม่เลว แต่ข้าไม่ค่อยสนใจเท่าไร”

เยี่ยนจ้าวเกอกำลังพูดเรื่องจริง เพราะว่าวรยุทธ์สองอย่างนี้ล้วนมาจากการทัศนะยันต์แปดทิศสยบมังกร ซึ่งเป็นกระบวนท่าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

ในหอหนังสือวังเทพได้เก็บคัมภีร์ฉบับสมบูรณ์เอาไว้

กลับเป็นดาบบัวงามคืนมืดของสำนักรัตติกาล ที่เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแต่ได้ยินมา จึงมีความสนใจอยู่บ้าง และอยากเห็นว่าเป็นอย่างไรกันแน่

เพียงแต่ว่าพอทั่วทั้งเขามหาวิญญาณได้ยินคำนี้ กลับยิ่งอับอายกว่าเดิม

นักพรตตงเฉวียนเพียงรู้สึกว่าตนที่ฝึกสติมาตลอดชีวิต พอมาอยู่ต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกลับโมโหจนลมออกหู

เขาเดิมทีคิดอาศัยสภาวะของงานชุมนุมกำหนดตำแหน่งผู้ปกครองของเขามหาวิญญาณบนเทือกเขาสันติภาพ ก้าวเท้าก้าวแรก กดดันสำนักรัตติกาล

ทุกสิ่งทุกอย่างตอนแรกเป็นไปด้วยดี แต่ว่าตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอโผล่มา สภาพการณ์ก็เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง

แม้จะฟังคำของหยวนเสี่ยนเฉิง ให้เยี่ยนจ้าวเกอขึ้นเขา แต่ว่าคนในสำนักของตัวเองกลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก เขาจึงเสียหน้าถึงขีดสุด

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังเหมือนกับยกยอสำนักรัตติกาล ลดทอนคุณค่าเขามหาวิญญาณ ยิ่งฉิ่งเหมือนกับฉีกหน้าเขาแล้วเอาไปกระทืบซ้ำ

อย่าว่าแต่วันนี้เยี่ยนจ้าวเกอรอดออกไปจากเขามหาวิญญาณได้ ขอแค่เขานักพรตตงเฉวียนสังหารเยี่ยนจ้าวเกอด้วยมือตัวเองได้ ก็ไม่อาจกู้หน้าคืนมาได้!

ทั่วทั้งเขามหาวิญญาณโกรธจนหน้าแดงหูแดง เยี่ยนจ้าวเกอกลับมีท่าทีสบายอารมณ์

“งานประชุมไล่ล่าข้าหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอกวาดสาบตามองไปรอบๆ

ที่เห็นอยู่ เรียกได้ว่าเป็นงานชุมนุมของยอดฝีมือจริงๆ

หยวนเสี่ยนเฉิง ‘เนตรหงส์’ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ผู้สืบทอดสายตรงของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ ศิษย์เอกของประมุขทักษิณ มีชื่อเสียงกระฉ่อนทั่วเขตเพลิงทักษิณไปจนถึงโลกซ้อนโลก

จ้าวเจิน ‘มือกระบี่คลื่นม่วง’ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียวในทะเลเจิดจ้า และเป็นผู้ทรงอำนาจอีกคนหนึ่งในเขตเพลิงทักษิณ

นักพรตตงเฉวียน ‘เฒ่าสยบมังกร’ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ผู้มีอำนาจแห่งเทือกเขาสันติภาพ พลังฝึกปรือแม้นจะสู้หยวนเสี่ยนเฉิงกับจ้าวเจินไม่ได้ แต่ก็ยึดครองชัยภูมิของเขามหาวิญญาณ ไม่อาจดูแคลนได้เช่นกัน

นอกจากนี้แล้วยังมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดที่เป็นผู้อาวุโสเขามหาวิญญาณอีกคน และเป็นบุคคลที่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนแล้ว

ในยอดฝีมือเทือกของเขาสันติภาพที่มาร่วมงานชุมนุมยังมียอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้นอีกสองคน ล้วนเป็นจอมยุทธ์พเนจรที่มีชื่อเสียงในเทือกเขาสันติภาพ

ขณะที่เขามหาวิญญาณกับสำนักรัตติกาลขัดแย้งกัน มีกองกำลังจำกัด ได้แต่ดึงพวกเขามาเป็นพวก ล้วนเป็นบุคคลผู้แข็งกร้าวซึ่งกระทำการตามใจในเทือกเขาสันติภาพแห่งนี้

จอมยุทธ์ของเขามหาวิญญาณที่ต่ำกว่าขั้นสะพานเซียน กับยอดฝีมือคนอื่นในเทือกเขาสันติภาพ ต่างรวมตัวกันที่นี่

ไม่นับสำนักรัตติกาล ยอดฝีมือในเทือกเขาสันติภาพเกือบเก้าส่วนล้วนอยู่ที่นี่

ช่างทรงพลังและยิ่งใหญ่เกรียงไร บุคคลร้ายกาจจำนวนากขนาดนี้ เพียงแค่ใช้สายตามอง ก็ทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงจิตใจพังทลายได้

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่สนใจ หัวเราะฮ่าๆ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นงานชุมนุมที่เพ่งเล็งข้า ในเมื่อข้าผู้แซ่เยี่ยนมาแล้ว ไหนเลยจะสนใจพวกท่าน”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เอาจริงกันเลยเถอะ!” นักพรตตงเฉวียนตวาดเสียงทุ้ม “ให้ข้าดูหน่อยเถอะ ว่าเจ้ามีความสามารถขนาดไหน ถึงได้กล้ามาทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้!”

ว่าแล้วนักพรตตงเฉวียนก็ควงสองฝ่ามือ ฟาดใส่เยี่ยนจ้าวเกออย่างหักโหม

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ไม่หลบหลีก แต่ใช้รอยตราพลิกนภาฟาดกลับไป

ในสายตาที่ตกตะลึงพรึงเพริดของผู้คน กลับเห็นนักพรตตงเฉวียนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางถูกกระแทกกระเด็นออกไป!