เถียนซินเป็นจอมยุทธ์ที่บรรลุถึงขอบเขตเทพเซียนสองดารา แม้ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโลกภายนอกมากนัก นางก็ได้เรียนรู้และดวลฝีมือกับคนมากมาย เพราะเหตุนั้น ความสามารถในการต่อสู้ของนางจึงแกร่งกล้าพอสมควร
ในขณะเดียวกัน ฉินอวี้โม่ก็เป็นเพียงประชากรจากดินแดนระดับต่ำและพลังของนางก็บรรลุเพียงขอบเขตเทพสวรรค์เก้าดาราขั้นสูงสุดเท่านั้น
ไม่ว่าจะพิจารณาในด้านใด ช่องว่างความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองก็มีมากจนเกินไปและเถียนซินแทบจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ไร้เทียมทานสำหรับฉินอวี้โม่
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่บนสังเวียนค่อย ๆ กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทุกคนจึงมีสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
ต่อให้ไม่สามารถใช้ทักษะยุทธ์หรือท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุด สถานการณ์ก็ไม่ควรจะกลับกลายเป็นเช่นนี้
“ฮ่า ๆ ๆ พี่อวี้โม่ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ก่อนหน้านี้หนูอ้วนเถากำชับให้พวกเราดูแลพี่อวี้โม่ให้ดี ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์คงจะกลับกลายเป็นฝั่งตรงข้ามเสียแล้ว”
เมิ่งจวินหัวเราะอย่างพึงพอใจและแสดงความชื่นชมต่อฉินอวี้โม่อย่างไม่ปิดบัง
ทั้งเมิ่งฝานและเมิ่งเถียนไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากเช่นกัน เมิ่งเถียนถึงขั้นคิดในใจแล้วว่าหากมีโอกาส เขาจะต้องหาทางประมือกับฉินอวี้โม่ให้ได้ เขาเชื่อว่าพลังในการต่อสู้ที่แท้จริงของฉินอวี้โม่คงจะสูงกว่าตัวเขาเสียอีก
“เป็นไปได้อย่างไร ! เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
ภายในสังเวียนประลอง การโจมตีของเถียนซินเริ่มยุ่งเหยิงเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เหนือความคาดหมายของนางไปมากนัก เดิมทีนางมั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายและสั่งสอนบทเรียนให้กับ ‘นังบ้านนอก’ ผู้นี้อย่างสาสม
อย่างไรก็ตาม หากตอนนี้นางพ่ายแพ้ต่อฉินอวี้โม่ เถียนซินจะต้องเสียหน้าครั้งใหญ่และนางจะต้องถูกหัวเราะเยาะโดยสตรีแพศยาจอมเสแสร้งอย่างเฉินหว่านเอ๋อร์เป็นแน่ !
ในเวลานี้ คลื่นพลังบนร่างของนางพุ่งพรวดจนถึงระดับสูงสุดอย่างกะทันหันและปลดปล่อยพลังที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมขณะกระหน่ำโจมตีฉินอวี้โม่อย่างดุเดือด
ในทางตรงกันข้าม ฉินอวี้โม่ยังคงดูสงบนิ่งและไม่สะทกสะท้าน ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช้ท่าไม่ตายที่ทรงพลังที่สุด นางก็มั่นใจว่ายังมีวิธีการอีกนับไม่ถ้วนที่จะเอาชนะเถียนซินได้ ต่อให้เถียนซินใช้กลอุบายหรือลูกไม้ที่คาดไม่ถึง พลังในขอบเขตเทพเซียนสองดาราของอีกฝ่ายก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ฉินอวี้โม่เป็นกังวลได้
นางเพียงเร่งความเร็วในการโจมตีอย่างสุดขีดและไม่คิดที่จะเสียเวลากับเถียนซินอีกต่อไป ทันใดนั้น นางก็ปลดปล่อยการโจมตีหลายกระบวนท่าตรงไปยังจุดสำคัญของคู่ต่อสู้ส่งผลให้เถียนซินป้องกันตัวไม่ทัน และเมื่อกระบวนท่าของนางดำเนินมาถึงกระบวนท่าสุดท้าย ฉินอวี้โม่ก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกไปและกระแทกเถียนซินจนกระเด็นออกจากสังเวียนประลองไปโดยตรง
“ชิชิ ไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์พี่เถียนซินที่วางตัวสูงส่งมาตลอดจะมีดีเพียงเท่านี้ การที่พ่ายแพ้ต่อข้าไม่ได้หมายความว่าศิษย์พี่เถียนซินต่ำต้อยยิ่งกว่าด้วงบ้านนอกอย่างข้ารึ ?”
ฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งยืนอยู่บนสังเวียนกล่าววาจาเย้ยหยันออกไปส่งผลให้เถียนซินที่เจ็บใจอยู่แล้วแทบกระอักเลือดออกมา
“อย่าเพิ่งภูมิอกภูมิใจไปนักเลย หากมิใช่เพราะใช้ทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังไม่ได้ เจ้าจะเป็นคู่มือของข้าได้อย่างไรกัน ?! รอก่อนเถอะ เมื่อถึงการประเมินเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ใน ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ถึงชะตากรรมของผู้ที่ริอาจท้าทายข้า !”
เถียนซินจ้องหน้าฉินอวี้โม่ด้วยความโกรธแค้นก่อนหันหลังกลับและเดินออกจากลานประลองยุทธ์ไปอย่างรวดเร็ว นางทราบดีว่าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป นางจะถูกเฉินหว่านเอ๋อร์เยาะเย้ยอย่างแน่นอน การรีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดจะช่วยบรรเทาความอับอายได้มาก
“ฝากไว้ก่อนเถอะ !”
สวีเยว่ตวัดสายตามองฉินอวี้โม่และกล่าวทิ้งท้ายเช่นกัน จากนั้นนางก็หันหลังกลับและรีบเดินตามเถียนซินไปอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของนางอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเถียนซิน แต่ก็ยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย เพราะเหตุนั้น นางจึงมิใช่คู่ต่อสู้ของฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน
สำหรับผู้ติดตามของเถียนซินและสวีเยว่ คนเหล่านั้นก็ไม่รีบร้อนกลับไปขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยความตกตะลึงและกำลังคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจ…
“ศิษย์น้องอวี้โม่ชนะแล้ว !”
จอมยุทธ์ที่วางตัวเป็นกลางหลายคนรู้สึกประหลาดใจไม่ต่างกันก่อนเรียกสติกลับคืนมาและตะโกนออกไปอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะเอาชนะได้จริง
แรกเริ่มเดิมที เมื่อฉินอวี้โม่ท้าดวลกับเถียนซิน พวกเขาต่างก็คิดว่านางเพียงต้องการแสดงจุดยืนและแสดงให้เห็นว่านางไม่มีทางยอมให้ใครมารังแกได้ง่าย ๆ
ต่อให้เอาชนะเถียนซินไม่ได้ นางก็คงจะสร้างปัญหาที่น่าปวดหัวให้กับเถียนซินได้มากทีเดียวและจะทำให้ศิษย์นอกคนอื่น ๆ ไม่กล้าทำสิ่งใดที่เป็นการกวนใจนางอีก
ทว่าการที่ฉินอวี้โม่เอาชนะเถียนซินได้อย่างราบคาบเช่นนี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาทุกคน
พลังของเถียนซินถือว่าไม่ธรรมดา ในบรรดาศิษย์นอกทั้งหมด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้ ทว่าการที่ศิษย์ใหม่จากดินแดนระดับต่ำเอาชนะนางได้เช่นนี้ ก็หมายความว่าพลังที่แท้จริงของฉินอวี้โม่อาจจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของหอชั้นนอกก็เป็นได้
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือพลังของฉินอวี้โม่ในปัจจุบันยังอยู่ในขอบเขตเทพสวรรค์ขั้นสูงสุดเพียงเท่านั้นและยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพเซียน หากนางทะลวงพลังได้สำเร็จ เกรงว่าในทั่วทั้งหอชั้นนอกคงจะไม่มีผู้ใดที่เก่งกาจพอจะเป็นคู่มือให้กับนางได้…
เพียงคิดเช่นนี้ สายตาที่ทุกคนมองฉินอวี้โม่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
จากเดิมที่คิดว่านางเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยที่ไร้ชื่อจากดินแดนระดับต่ำ เห็นทีพวกเขาจะต้องเปลี่ยนความคิดตนเองเสียใหม่
ถึงอย่างไร คนธรรมดาไร้ชื่อก็ไม่มีทางกุมพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นได้
ตอนนี้โอกาสในการเข้าสู่หอชั้นในของฉินอวี้โม่แทบจะแน่นอนแล้ว หากมีเวลาบ่มเพาะพลังมากพอ เกรงว่าแม้แต่ยอดฝีมือของหอชั้นในก็อาจต้องกลายเป็นขั้นบันไดเพื่อให้นางเหยียบไปสู่ความรุ่งโรจน์…
สีหน้าของหลายคนจากฝ่ายของเฉินหว่านเอ๋อร์แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาของพวกเขาส่วนใหญ่เลื่อนไปหยุดที่เฉินหว่านเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าและต้องการเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ของนาง
จิตสังหารปรากฏขึ้นในแววตาของเฉินหว่านเอ๋อร์อีกครา ทว่านางปรับสีหน้าของตนเองให้กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
นางมักจะเป็นสตรีที่อ่อนโยนและจิตใจดีในสายตาของทุกคนมาเสมอ และนางจะไม่มีทางปล่อยให้ภาพลักษณ์เหล่านั้นถูกทำลายไปเพราะเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน
“ฮี่ ๆ ๆ ไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องอวี้โม่จะแข็งแกร่งเช่นนี้ ความกังวลของข้าก่อนหน้านี้ช่างเปล่าประโยชน์จริง ๆ”
นางเดินเข้าไปหาฉินอวี้โม่อย่างช้า ๆ และกล่าวพร้อมรอยยิ้มโล่งใจ
“หึ ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่หว่านเอ๋อร์กังวลอะไรกันแน่ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงถากถาง ก่อนหน้านี้เฉินหว่านเอ๋อร์มิได้กังวลว่านางจะพ่ายแพ้ หากแต่กังวลเรื่องที่เถียนซินจะกลายเป็นที่สนใจของทุกคนและแย่งแสงแห่งความเป็นดาวเด่นไปจากนางจนหมดก็เท่านั้น
ในวันนี้ แม้เถียนซินจะพ่ายแพ้ไป ทว่าฉินอวี้โม่ที่แสดงความสามารถอันน่าทึ่งออกมาก็จะตกกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนไปแทน ในบรรดาศิษย์นอก หลายคนที่ตั้งตัวเป็นกลางมาตั้งแต่ต้นก็จะเอนเอียงไปทางฉินอวี้โม่มากยิ่งขึ้นและนึกชื่นชมในตัวนาง
สิ่งที่ทำให้เฉินหว่านเอ๋อร์ไม่สบายใจยิ่งกว่าคือเรื่องรูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่ที่ไม่ด้อยไปกว่าตน อีกทั้งกลิ่นอายความสง่างามและความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
หากฉินอวี้โม่คิดจะก่อตั้งกองกำลังขนาดเล็กขึ้นมาในหอชั้นนอก เกรงว่าพลังของกองกำลังนั้นจะเหนือกว่าฝ่ายของนางเสียอีกและกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อนาง !
ยิ่งไปกว่านั้น หากเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ในได้สำเร็จ ฉินอวี้โม่ก็จะกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของนาง
“แน่นอนว่าข้ากังวลว่าศิษย์น้องอวี้โม่จะได้รับบาดเจ็บ ถึงอย่างไรเถียนซินก็มักจะอารมณ์ร้อนอยู่เสมอ หากนางพลั้งมือและทำร้ายศิษย์น้องอวี้โม่เข้า สถานการณ์คงจะเลวร้ายกว่านี้”
เฉินหว่านเอ๋อร์ยังคงเสแสร้งไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าเวลานี้นางกำลังกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว หากหาทางกำจัดหรือทำให้ฉินอวี้โม่หมดสิทธิ์เข้าเป็นศิษย์ในได้ นางก็คงจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตอีกต่อไป…
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ควรจะขอบคุณศิษย์พี่”
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเฉินหว่านเอ๋อร์ นางจึงกล่าวตัดบทเพียงสั้น ๆ และไม่กล่าวสิ่งใดอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าเฉินหว่านเอ๋อร์พยายามรักษาภาพพจน์ของตนในหอชั้นนอกเสมอมาและผู้ติดตามของนางก็หลงเชื่อในตัวนางอย่างไร้เงื่อนไข หากต้องการเปิดโปงธาตุแท้ของสตรีผู้นี้ มันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ในคราวเดียวและจะต้องอาศัยระยะเวลาไปทีละเล็กทีละน้อย
“พี่อวี้โม่ ฝีมือของท่านช่างล้ำเลิศจริง ๆ !”
ในเวลานี้ สามพี่น้องตระกูลเมิ่งเบียดเสียดฝูงชนจนเข้ามาถึงตัวฉินอวี้โม่ จากนั้นเมิ่งจวินก็เอ่ยชมพร้อมยกนิ้วให้กับนางด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้น