ตอนที่ 1246: จัดการร่างโคลนเซียนจักรพรรดิ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1246: จัดการร่างโคลนเซียนจักรพรรดิ

เจี้ยนเฉินแอบตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าศาลาจะเข้าใจทุกอย่างได้ถูกต้องตามลำดับและได้รู้ถึงสถานการณ์ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขายังได้พบกับความลับเกี่ยวกับวิธีที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ช่วยเขาและหวังว่าให้เขาช่วยสร้างร่างกายให้นางใหม่

เจ้าศาลา ข้าขออะไรเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ ? เจี้ยนเฉินถาม เขาไม่เชื่อว่าเจ้าศาลาจะมาด้วยตัวเองและมาถึงอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ด้วยศักดิ์ศรีของเขา ในฐานะเซียนจักรพรรดิมันได้บอกเรื่องนี้ให้กับเขาแล้ว

เจ้าศาลาคิดเล็กน้อยและพูดต่อ เจี้ยนเฉิน ข้ามาที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นการส่วนตัวเพราะข้าต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือ”

ความร่วมมือ ? เจี้ยนเฉินตกใจเล็กน้อย เขาสามารถคาดเดาได้ว่าเจ้าศาลาต้องการความร่วมมืออย่างไหน แต่เขาก็ยังถามอย่างสงสัย ข้าถามได้หรือไม่ว่าทำไมท่านเจ้าศาลาถึงต้องการร่วมมือกับข้า ความแข็งแกร่งของข้ายังอ่อนด้อย ดังนั้นข้าอาจไม่สามารถช่วยอะไรท่านเจ้าศาลาได้

เจ้าศาลาหัวเราะเบา ๆ เจี้ยนเฉิน ข้าไม่อยากให้เจ้าดูหมิ่นตัวเอง การตกลงร่วมมือกันในเรื่องนี้ทำสามารถทำได้โดยไม่มีเจ้า เพราะแผนของข้าอาจเป็นไม่ได้ตลอดชีวิตที่เหลือของข้าโดยปราศจากความช่วยเหลือของเจ้า เขาหยุดสักพักก่อนที่จะพูดต่อ เจ้าควรรู้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้สูญเสียร่างกายของนางไปจนเหลือเพียงวิญญาณที่ซ่อนตัวอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยเคว้งอยู่กลางทะเล เหตุผลที่เจ้าได้รับความช่วยเหลือจากนางครั้งแล้วครั้งเล่าในฐานะมนุษย์เพราะนางต้องการให้เจ้าสร้างร่างใหม่ให้กับนาง ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะใช้วิธีการแบบไหนเพื่อทำเช่นนี้ แต่ข้าได้ตัดสินใจแล้วว่าเจ้าเป็นส่วนสำคัญของแผนการในอนาคตของนาง และเจ้าจะสามารถเข้าใกล้วิญญาณของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมากขึ้นในอนาคตหรือแม้แต่เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ที่วิญญาณของนางได้อาศัยอยู่ ความร่วมมือของเราคือการทำให้เรามีโอกาสเกิดขึ้นและได้รับวิญญาณเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วยเช่นกัน

ท่านต้องการกลืนกินวิญญาณของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลงั้นหรือ ? จิตใจของเจี้ยนเฉินจมดิ่งลงเล็กน้อย เจ้าศาลาได้พูดบางอย่างที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาไม่กลัวอะไรเลย มันเกิดพอที่จะบอกให้รู้ว่าเขาไม่กลัวที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานของเขาไม่ว่าวิธีการไหน เขาไม่ได้กังวลด้วยซ้ำว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเปิดเผยออกไปสู่โลกภายนอก

เจ้าศาลายิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ไม่กลืนกิน แต่ผสาน ข้ารู้จักทักษะลับสุดยอดที่สามารถหลอมรวมวิญญาณ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของข้าและการหลอมวิญญาณของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แม้เพียงครึ่งเดียวข้าก็อาจจะกลายเป็นยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิ ส่วนอีกครึ่งจะเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน ในเวลานั้นข้าจะบอกเคล็ดลับเหล่านี้ให้กับเจ้าเพื่อหลอมวิญญาณอีกครึ่งหนึ่ง แม้ว่าเจ้าอาจจะไม่ได้เป็นเซียนจักรพรรดิขั้นสูง แต่มันก็ยังทำให้เจ้าเป็นเซียนจักรพรรดิที่เหนือกว่าปกติได้เป็นอย่างน้อยและยังสร้างเส้นทางให้เจ้าเพื่อทะลวงขอบเขตได้ในอนาคต

เจี้ยนเฉินเงียบไป ดวงตาของเขาสั่นไหวด้วยประกายแสงอย่างไม่สบายใจ

เจ้าศาลายิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเขาเห็นปฏิกริยาของเจี้ยนเฉิน เขาคิดว่า เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอาจจะช่วยเจ้าในอดีต แต่เจ้าไม่ได้ใกล้ชิดกับนาง ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่ถูกล่อลวงขณะที่ข้าได้แสดงทักษะให้เจ้าเห็น เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่มีทักษะลับที่จะสามารถหลอมรวมวิญญาณได้ แต่ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีมัน มันก็ไม่อาจทำให้เจ้าเพลิดเพลินกับมันได้

ไม่นานเจี้ยนเฉินก็เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เขาจ้องมองเจ้าศาลาและพูดว่า ท่านหมายความว่าท่านต้องการให้ข้าหาทางเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเอาวิญญาณของนางมามอบให้ท่านงั้นหรือ ?

เจ้าศาลารู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินคำตอบนั้น เขาเดาว่าเจี้ยนเฉินอาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับข้อเสนอของเขา เขาระงับความตื่นเต้นทันทีพร้อมกับแสดงท่าทางที่ทรงภูมิและส่ายหัว แม้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะเป็นเพียงวิญญาณ แต่นางก็ยังอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิในอดีต เจ้าคนเดียวไม่อาจเพียงพอที่จะจัดการนางได้เพียงคนเดียว หากเจ้าร่วมมือกับข้า เจ้าเพียงใช้กำลังให้เต็มที่ในการปราบปรามนาง และข้าจะซ่อนวิญญาณโคลนของข้าไว้ในร่างกายของเจ้า เมื่อเจ้าเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะใช้วิญญาณโคลนนี้ไปสยบวิญญาณเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และมันยังรับประกันความปลอดภัยให้กับเจ้าอีกด้วย

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะไม่เห็นร่างโคลนของท่านที่ซ่อนอยู่ในตัวข้าหรือ ? เจี้ยนเฉินถามอย่างสงสัย

เจ้าศาลาพูดอย่างมั่นใจ แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะไม่ดีเท่ากับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลขณะที่นางอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด เจ้าเพียงจำเอาไว้ว่านางไม่ได้เป็นราชาเหมือนดั่งอดีตมานานแล้ว ในเวลาเดียวกันความชำนาญของข้าเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณได้มาถึงขั้นสูงสุดแล้ว พร้อมกับทักษะลับโบราณ การซ่อนตัวจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

เจี้ยนเฉินเข้าใจทุกอย่างแล้ว ในที่สุดเขาก็พยักหน้าหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ข้าจะร่วมมือกับท่าน

เจ้าศาลาหัวเราเสียงดังและพูดว่า ดี ดี ดี เจี้ยนเฉิน ข้าไม่ได้คิดผิด เจ้าเป็นคนที่มีความสามารถที่จะทำงานใหญ่ได้จริง ๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิในเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ผ่อนคลายตัวเองและอย่าต่อต้าน ข้าจะซ่อนร่างโคลนของข้าไว้ในตัวเจ้า

เจี้ยนเฉินพยักหน้าก่อนที่จะนั่งลง เขาหลับตาและผ่อนคลายให้โคลนของเจ้าศาลาเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างไม่ต้องกังวล

เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ป้องกันใด ๆ เจ้าศาลาอดที่จะดูหมิ่นไม่ได้แต่ใบหน้าก็ยังเหมือนเดิม ร่างกายของเขาจางหายไปและกลายเป็นพลังงานเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเจี้ยนเฉินตรงหว่างคิ้วของเขา

เจ้าศาลาได้เข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเจี้ยนเฉิน เขายิ้มราวกับว่าแผนการของเขาประสบความสำเร็จจริง ๆ และเขาก็มีฝีมือด้านวิญญาณเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงมีพลังวิญญาณมากกว่าเซียนจักรพรรดิทั่ว ๆ ไป เขาเชื่อว่าแม้จะเป็นร่างโคลนของเขา เขาก็สามารถควบคุมเจี้ยนเฉินได้อย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่เขาได้เข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเจี้ยนเฉิน

ตราบใดที่ข้าควบคุมร่างของเจี้ยนเฉิน ข้าจะสามารถใช้เขาโต้ตอบกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและหาโอกาสเข้าโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อกลืนวิญญาณนางและเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้า เจ้าศาลากลายเป็นตื่นเต้นอย่างยิ่ง ทันทีที่เขาคิดไปถึงจุดนั้น

แต่ขณะเดียวกัน ลูกบอลสีม่วงฟ้าก็เริ่มเรืองแสงอย่างสว่างไสวในทะลเจิตสำนึกของเจี้ยนเฉิน

เจ้าศาลารู้สึกว่าทิวทัศน์ด้านหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน จริง ๆ แล้วเขาได้เข้ามาถึงสถานที่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างไม่มีเหตุผล มีจอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วนสวมเกราะศึกอย่างดุดัน เนื่องจากคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำลายจักรวาลและทำให้จักรวาลสั่นสะเทือน เขาสามารถเห็นกระบี่ขนาดใหญ่ยาวกว่าสามพันเมตรที่ส่องประกายแสงสีทองอย่างน่าตื่นตา มันผลิตปราณกระบี่ออกมาอย่างน่ากลัวที่สามารถตัดผ่านดวงดาวขนาดใหญ่ได้หลายดวงเพียงแค่ครั้งเดียวก่อนที่จะหายไปในส่วนลึกของจักรวาล

สะ-สถานที่นี้คือที่ใด ? เจ้าศาลากลายเป็นซีดเซียวในเวลานี้ แม้แต่โคลนของเขาก็ถูกควบแน่นจนวิญญาณของมันสั่นไหวน้อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกกลัวมากในตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่าแม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดยังน่ากลัวกว่าจอมยุทธขอบเขตกำเนิด ในฐานะที่เป็นเซียนจักรพรรดิ ต่อหน้าคนเหล่านี้ เขาไม่ต่างอะไรไปจากมด

นี่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน จะมีจอมยุทธที่น่ากลัวขนาดนี้มากมายในโลกได้อย่างไร? มันต้องเป็นของปลอม มันเป็นของปลอม ของปลอมทั้งหมด เจ้าศาลาพูดด้วยเสียงสั่น ๆ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในภาพลวงตาและวิญญาณของเขากำลังถูกกดทับจนเป็นชิ้น ๆ ด้วยการปรากฏตัวที่น่ากลัวของกลุ่มคนเหล่านี้

ในเวลานั้น กระบี่ม่วง-ฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ พวกมันเปล่งแสงสว่างจนไม่อาจมองเห็นช่องว่างใด ๆได้ ทุกครั้งที่กระบี่ทั้งสองฟันไปยังจอมยุทธที่น่ากลัวเหล่านั้น พวกเขาจะถูกสังหารทันทีโดยไม่อาจต่อต้านใด ๆ ราวกับมด พริบตาเดียวสถานที่เหล่านั้นก็เต็มไปด้วยโลหิตสีทองทำให้พลังงานที่ทรงพลังนั้นแพร่กระจายออกไป

เจ้าศาลารู้สึกว่าเลือดเพียงหยดเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าเซียนจักรพรรดิ เขารู้สึกตกใจอย่างมาเมื่อเขาตระหนักว่าเซียนจักรพรรดิของอาณาจักรทะเลยังเทียบไม่ได้แม้แต่เลือดหยดเดียว

พวกมันเป็นกระบี่ที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้ ? พวกมันน่ากลัวมากกว่าคนเหล่านี้อีก พวกมันกำลังฆ่าพวกเขาเหมือนกับมด…. เจ้าศาลาสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเริ่มที่จะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขากลัวกระบี่ทั้งสองอย่างมาก

ในเวลาเดียวกันบางอย่างที่น่าหวาดกลัวก็เกิดขึ้น กระบี่ทั้งสองพุ่งเข้ามาหาเขาจริง ๆ

ไม่… เจ้าศาลาส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว เขาเริ่มที่จะหนีโดยไม่คิดอะไร อย่างไรก็ตามกระบี่นั่นเคลื่อนที่เร็วเกินไป เขาไม่อาจมีพลังพอที่จะหลบหนีได้

อ๊าากกก ! เจ้าศาลาร้องโหยหวน เขามองอย่างไร้ความหมายเมื่อเห็นกระบี่ทั้งสองเสียบร่างของเขา ทำให้วิญญาณของเขาจางหายไปทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็รับความเจ็บปวดผ่านบาดแผล

อย่างไรก็ตามทิวทัศน์ก็หายไปทันทีหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ เขากลับไปยังพื้นที่แรกที่เขาอยู่พร้อมกับแสงม่วงฟ้าในทะเลจิตสำนึกของเจี้ยนเฉิน

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะโล่งใจดวงตาของเขาหดเกร็ง มีความหวาดกลัวอยู่เต็มใบหน้าของเขา กระบี่ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งห่างจากเขาไป 1,000 เมตร พวกมันชี้มาที่เขา

เจ้าศาลาหวาดกลัวอย่างมาก คราวนี้เขาไม่รอให้กระบี่พุ่งเข้ามาหาเขา เขาหนีออกไปทันที เขาต้องการออกจากทะเลจิตสำนึกของเจี้ยนเฉิน

ในเวลาเดียวกันกระบี่ทั้งสองพุ่งเข้าหาเจ้าศาลาราวกับสายฟ้า ทำลายวิญญาณโคลนของเขาอีกครั้งและค่อย ๆ จางหายไป

เจ้าศาลากัดฟันแน่น ขณะที่เขาหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเริ่มเสียใจที่เขาเข้ามายังทะเลจิตสำนึกของเจี้ยนเฉินแล้ว นี่ไม่ใช่ทะเลจิตสำนึก แต่เป็นนรกที่น่าหวาดกลัว การต่อสู้ระหว่างดวงดาวที่เขาเพิ่งพบนั้นมันเลวร้ายเป็นอย่างมาก มันทำให้เขาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

ทันใดนั้นหอคอยทองคำก็ปรากฏตัวขึ้นขณะที่เขาหลบหนีจากวิญญาณของเจี้ยนเฉิน เส้นทางของเขาถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ด้วยแสงสีทองแสบตา

เจ้าศาลาที่เคารพ เหตุใดถึงต้องรีบร้อนออกมาหลังจากที่ไปทะเลจิตสำนึก ท่านไม่ต้องการจะอยู่ต่ออีกหน่อยงั้นหรือ ? เสียงของเจี้ยนเฉินดังออกมาจากข้างใน เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้านหน้าเจ้าศาลาและก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมระหว่างกระบี่ม่วงฟ้ากับวัตถุเซียน

อ่า ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เจี้ยนเฉิน ข้าจะออกไปก่อน เจ้าศาลาพูดด้วยน้ำเสียงสยอง ในเวลาเดียวกันเขาก็เหลือบมองกระบี่ม่วงฟ้าด้านหลังของเขาด้วยความกลัวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา