บทที่ 1964.2 ซูอวิ้นมาเยือน (2)

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ในจวนจอมพลสายเถาะ ผังก้วนที่ได้รับคำสั่งทางทหารจากฮ่าวเต๋อฟางกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอน ฮ่าวเต๋อฟางต้องการให้เขาระดมกำลังพลกลุ่มหนึ่งไปเตรียมพร้อมป้องกันบริเวณแดนรัตติกาล

“หนิวโหย่วเต๋อ เจ้านั่นคงไม่คิดจะโจมตีจริงๆ หรอกใช่ไหม?” ผังก้วนหยุดเดินแล้วเอ่ยถาม

เฉินหวยจิ่วยิ้มเจื่อนอยู่ข้างๆ “นี่เป็นเวลาที่เหมาะกับการโจมตี อาศัยแค่สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ เกรงว่าคงไม่เกี่ยวกับกล้าหรือไม่กล้า เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อเขา คาดว่าประมุขชิงคงหวังให้เรื่องนี้สำเร็จเช่นกัน”

ผังก้วนหยิบระฆังดาราออกมาเสียเลย ติดต่อไปหาเหมียวอี้ด้วยตัวเอง ถามฉันทีว่า : เจ้าต้องการจะโจมตีทัพใต้?

เหมียวอี้ถามกลับ : จอมพลผัง เจ้าเองก็รู้ว่าข้าถูกบีบจนไม่มีทางเลือก ถ้าข้าไม่ฉวยโอกาสโค่นล้มเขา เขาก็จะเล่นงานข้าถึงตาย ถ้าพบกับจอมพลผังบนสนามรบ จอมพลผังก็ได้โปรดออมมือด้วย! จอมพลผัง ขอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด เจ้าเองก็รู้ถึงความตั้งใจของฝ่าบาท ทำไมไม่ฉวยโอกาสเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ตอนกำลังวุ่นวายล่ะ? ข้ายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่!

ผังก้วนถูกเขาพูดยั่วจนใจสั่น ในเวลานี้ฮ่าวเต๋อฟางยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากกำลังทหารฝ่ายอื่น นี่คือโอกาสในการลงมือจริงๆ!

หลังจากทั้งสองติดต่อกันจบ ผังก้วนก็ลังเลไม่หยุด

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ในตำหนักศูนย์บัญชาการ ก่วงลิ่งกงกำลังนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวเงียบๆ

เขาย่อมได้ข่าวความเคลื่อนไหวของแดนรัตติกาลแล้ว หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่วงลิ่งกงก็ส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้ฮ่าวเต๋อฟางลำบากแล้ว ข้าก็บอกแล้วว่ากำลังพลหลายสิบล้านนั่นคือหายนะแอบแฝง ดันพูดถูกเสียด้วย!”

โกวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ ในใจเขารู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อโจมตีไม่ชนะทัพใต้ แต่กุญแจสำคัญก็คือเลือกเวลาลงมือได้ดี สิ่งที่ฮ่าวเต๋อฟางกังวลก็คือจิตใจของคนทัพใต้ เจตนาของประมุขชิงก็คือ ต่อให้ตอนนี้ฮ่าวเต๋อฟางอยากจะเอ่ยปากขอให้อ๋องสวรรค์ท่านอื่นสนับสนุน แต่ทุกคนก็จะต้องให้ฮ่าวเต๋อฟางหลีกทางเรื่องไม้ไม่ผุให้ แต่สำหรับฮ่าวเต๋อฟางแล้ว เรื่องหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะไม่สำคัฐเท่าเรื่องไม้ไม่ผุ!

ก่วงลิ่งกงพลันเอียงหน้าถาม “เลือกเวลาได้ดีขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กนั่นกุเรื่องไม้ไม่ผุขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดหรอกนะ?”

โกวเยว่ตอบอย่างไม่แน่ใจ “เรื่องนี้พูดยากมาก มีความเป็นไปได้ แต่ก็มีความเป็นไปไม่ได้ไม่มาก นอกเสียจากว่าเขาจะมีไม้ไม่ผุอยู่จริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าสืบเจอว่าเป็นเรื่องโกหก มีคนถูกปั่นหัวเยอะขนาดนี้ แม้แต่ประมุขชิงก็ถูกปั่นหัวไปด้วยแล้ว เขารับผลที่ตามมาไม่ไหวหรอกขอรับ ถ้าในมือเขามีไม้ไม่ผุจริงๆ จะทำได้เปิดเผยออกมาได้เหรอ?”

“ถ้ารอจนยืนยันได้ว่าเรื่องไม้ไม่ผุจริงหรือเท็จก็คงดี ถ้านั่นไม่ใช่ไม้ไม่ผุ จะได้จัดการเจ้าเด็กนั่นทันที!” ก่วงลิ่งกงแสยะยิ้ม แต่เขารู้ชัดอยู่แก่ใจ ว่าหนิวโหย่วเต๋อต้องการเลือกเวลานี้ลงมือ มีหรือที่จะรอให้ทุกคนยืนยันได้ว่าไม้ไม่ผุจริงหรือเท็จ แบบนั้นคือการรนหาที่ตาย

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ในศาลากลางป่า หลังจากฟังถังเฮ่อเหนียนรายงานจบ โค่วเจิงก็ถามอย่างตกใจ “เจ้าหมอนั่นรนหาที่ตายรึไง เขาช่างกล้าสู้จริงๆ?”

โค่วหลิงซวีเคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ แล้วหรี่ตาบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่คนโง่ ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตักตวงผลประโยชน์อะไร กลับจะเสียหายหนักด้วยซ้ำ ข้าว่าเขากำลังฉวยโอกาสบีบฮ่าวเต๋อฟาง แค่ต้องดูว่าฮ่าวเต๋อฟางจะให้ผลประโยชน์อะไรเขาได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ฮ่าวเต๋อฟางไม่อยากทำศึก ถ้าหนิวโหย่วเต๋อแกล้งโง่แล้วดันทุรังโจมตีจริงๆ เช่นนั้นฮ่าวเต๋อฟางก็ลำบากแล้ว แล้วอีกอย่าง ไม่รู้ด้วยว่าที่หนิวโหย่วเต๋อทำแบบนี้เพราะมีประมุขชิงยุยงอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้จริง เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว”

โค่วเจิงพูดสอดว่า “ที่จริงก็แก้ปัญหาง่ายมาก ทุกคนก็ไม่ต้องแย่งไม้ไม่ผุอะไรนั่นแล้ว ร่วมมือกันปราบทัพใหญ่แดนรัตติกาลก่อนก็สิ้นเรื่อง”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ ถังเฮ่อเหนียนก็เหลือบมองเขาแวบหนึ่งทันที แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว

เป็นอย่างที่คาดไว้ โค่วหลิงซวีเลิกคิ้ว แล้วเหล่ตาพูดอย่างเยียบเย็น “ดูท่าเจ้าจะหวังให้ไม้ไม่ผุตกอยู่ในมือประมุขชิงนะ ไม่อยากให้บิดาของเจ้าอายุยืนเป็นอมตะล่ะสิ! กลัวว่าถ้าข้าไม่แก่ตายก็จะไม่ส่งต่อตำแหน่งอ๋องให้เจ้าใช่มั้ย? เจ้าวางใจเถอะ ถ้าได้ไม้ไม่ผุมาจริงๆ ข้าก็จะหลบอยู่หลังม่านเอง!” ความหมายแฝงในคำพูดก็คือ ข้าไม่ขัดขวางเส้นทางของเจ้าหรอก

โค่วเจิงตกใจจนเหงื่อแตกทั้งตัวทันที คุกเข่าอธิบายตรงนั้นเลยว่า “ท่านพ่อโปรดระงับโทสะ ลูกชายไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ…”

การแย่งชิงไม้ไม่ผุเข้าสู่จุดเดือดแล้ว จุดสนใจไปรวมอยู่ที่ตัวฉางหงเหมยและพวกศิษย์น้อง อำนาจหลายฝ่ายแทบจะสู้กันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง สู้กันดุเดือดมาก แต่กลับฉีกผ้าที่บดบังอยู่ชั้นสุดท้ายไม่ได้ ควรจะสู้ก็สู้แล้ว ควรจะแย่งก็แย่งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครประณาม

ทัพใหญ่แดนรัตติกาลกำลังระดมพลขนาดใหญ่ เหมียวอี้กำลังนำเหล่าแม่ทัพล้อมอยู่หน้าแผนที่ดาวเพื่อร่างแผนโจมตี

ทัพใต้ที่อยู่นอกแดนรัตติกาลก็กำลังระดมพลเช่นกัน เตรียมพร้อมป้องกัน

คนสนิทอันดับหนึ่งข้างกายฮ่าวเต๋อฟาง ซูอวิ้นไปถึงแดนรัตติกาลเร็วที่สุด นางออกโรงด้วยตัวเอง ตอนนี้ย่อมต้องแก้ปัญหาให้ฮ่าวเต๋อฟาง แต่ฮ่าวเต๋อฟางเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง ไม่กล้าให้นางมา แต่นางก็แน่วแน่ที่จะมาด้วยตัวเอง

เพื่อแสดงความจริงใจ นางพาผู้อารักขามาด้วยเพียงสองคน ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อเข้ามาในแดนรัตติกาล

แดนรัตติกาล นอกจวนผู้สำเร็จราชการ ซูอวิ้นที่เหาะลงมาเห็นชิงเยว่ออกมาต้อนรับ ความแค้นระหว่างกันทำให้ทั้งสองมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยามพบกัน

“ชิงเยว่ เราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วนะ” ซูอวิ้นข่มความแค้นในหัวใจ พยายามเจียดรอยยิ้มออกมา

“ขอบคุณพ่อบ้านซู พวกเราพบกันที่นี่อีกแล้ว” ชิงเยว่ก็ไม่ได้มีสีหน้าเป็นมิตรอะไร หันตัวยื่นมือเชิญ “ท่านผู้สำเร็จราชการกำลังรออยู่ข้างใน เชิญ!”

ซูอวิ้นไม่ใส่ใจอะไร ยิ้มตอบแล้วเดินตามเข้าไป

ก่อนหน้านี้ตอนที่เว่ยซูและโกวเยว่มา เหมียวอี้ล้วนออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีความจำเป็นนั้น

เหมียวอี้ยืนอยู่บนบันไดนอกตำหนักหลัก สวมเกราะรบสดใหม่ มองซูอวิ้นที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นเยียบ มองประเมินหญิงที่แต่งกายเป็นชายคนนี้ คิดในใจว่างดงามไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย มิน่าล่ะถึงได้รับความโปรดปรานจากฮ่าวเต๋อฟาง

ซูอวิ้นยืนอยู่ตรงตีนบันได ไม่ได้ขึ้นมาข้างบน กวาดสายตามองฝั่งซ้ายฝั่งขวาของเหมียวอี้ เห็นเพียงนักรบจำนวนมากดุจเมฆบนฟ้า สวมเกราะแดงกันเป็นแถบ นางแอบทอดถอนใจ พบว่าเขายิ่งใหญ่แล้วจริงๆ ด้วย

เป็นอย่างนี้จริงๆ ไม่อย่างนั้นจะทำให้นางลดเกียรติมาด้วยตัวเองได้อย่างไร

เพียงแต่ซูอวิ้นไม่ได้ขึ้นไป มองขึ้นมาด้านบนพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้สำเร็จราชการหนิวมองลงมาจากที่สูง วางมาดแบบนี้ อยากแสดงบารมีให้ข้าดูเหรอ? ถ้าไม่กลัว ก็มาเดินเล่นด้วยกันสักหน่อยเถอะ!” พูดจบก็ยกมือให้ผู้ติดตามข้างหลังหยุดเดิน แล้วตัวเองก็หันตัวขึ้นไปบนลานกว้างคนเดียว

พวกเหวินเจ๋อที่อยู่ข้างๆ เริ่มเครียดทันที กังวลว่าเหมียวอี้จะคล้อยตาม ต้องทราบไว้ว่าซูอวิ้นคือยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ ถ้าจับเหมียวอี้เป็นตัวประกันขึ้นมาก็จะยุ่งแล้ว

วิธีการยั่วยุให้ฮึกเหิมทำอะไรเหมียวอี้ไม่ได้ กล่าวเสียงเย็นว่า “คนที่ได้เดินเล่นกับซูคนงามมีเพียงอ๋องสวรรค์ฮ่าวเท่านั้น ผู้สำเร็จราชการคนนี้ไร้วาสนาจะรับไว้!”

พอได้ยินคำพูดเหน็บแนมอ้อมๆ แบบนี้ ผู้ติดตามของซูอวิ้นก็ก้าวขึ้นมาตะคอกทันที “บังอาจ!”

เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบทันที “จัดการ!”

ซ้ายขวามีกำลังพลกลุ่มใหญ่พุ่งเข้ามาทนัที ผู้ติดตามของซูอวิ้นชักอาวุธเตรียมจะต่อต้าน แต่กลับถูกซูอวิ้นโบกมือห้ามไว้ ปล่อยให้ฝ่ายเหมียวอี้ควบคุมพวกเขา นางเข้าใจชัดเจน ว่าตอนนี้เข้ามาในถ้ำเสือแล้ว ถ้าเหมียวอี้ต้องการจะลงมือกับพวกเขาจริงๆ การฆ่าทั้งสามก็เป็นสิ่งที่ง่ายเพียงสั่งประโยคเดียวเท่านั้น ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์

ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้เดินลงบันได มองข้ามผู้ติดตามสองคนที่ถูกกดไว้ เดินมาตรงหน้าซูอวิ้นแล้วโบกมือ คนที่จับซูอวิ้นไว้ปล่อยนางทันที แล้วหลีกทางให้ทางซ้ายและขวา

เหมียวอี้ยื่นมือ “ในเมื่อพ่อบ้านซูอยากจะเดินเล่น ข้าก็ย่อมต้องเดินเป็นเพื่อน”

ซูอวิ้นดึงเสื้อผ้าที่ถูกจับจนยับ แล้วพูดหยอกว่า “ว่ากันว่าท่านผู้สำเร็จราชการใจกล้าคับฟ้า วันนี้ได้เห็นเองแล้ว ก็ได้แค่นี้เอง!”

……………………