แม้เมิ่งฝานและคนอื่น ๆ จะไม่ทราบว่าฉินอวี้โม่กำลังคิดทำสิ่งใด พวกเขาก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวนาง
เถียนซินและสวีเยว่เองก็ไม่ได้เหนี่ยวรั้งฉินอวี้โม่ไว้เช่นกันโดยเพียงกำชับให้นางระวังตัวก่อนที่จะเฝ้ารออยู่ภายในเรือนอย่างกังวลใจ
หากมิใช่เพราะอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยได้ พวกนางก็คงจะไม่เลือกรออยู่ในเรือนโดยที่ทำได้เพียงเอาใจช่วยเท่านั้น
“อวี้โม่ เจ้าคิดจะทำสิ่งใดหรือ ?”
ภายในเรือนอีกหลังไม่ไกลจากเรือนหลังเดิม เหลิ่งซวงเสวี่ยเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ข้าเดาว่าเงานั่นคงจะมิใช่ตัวการของเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้ หากแต่เป็นสิ่งที่ใครสักคนจงใจส่งมาเพื่อเล่นงานเรา ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับเฉินหว่านเอ๋อร์”
เมื่อไม่มีเถียนซินและคนอื่น ๆ อยู่ด้วย ฉินอวี้โม่จึงเปิดเผยข้อสันนิษฐานของตนอย่างไม่ปิดบัง
การที่นางไม่เอ่ยออกไปก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ ตกอยู่ในความตื่นตูมและทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้น
“เหตุใดถึงได้คิดเช่นนั้น ?”
เมิ่งเถียนและเหลิ่งซวงเสวี่ยมองฉินอวี้โม่ด้วยความประหลาดใจและไม่เข้าใจความหมายของนางเท่าใดนัก
“แม้พลังของเงานั่นจะแกร่งกล้ามาก มันก็ไม่มากเกินรับมือ ยิ่งไปกว่านั้น การวางข่ายอาคมตรึงวิญญาณจากยุคโบราณเป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อตัดสินจากความสามารถของเงามืดที่ปล่อยให้เมิ่งจวินหลบหนีไปได้ คนพวกนั้นไม่มีปัญญาจัดตั้งข่ายอาคมตรึงวิญญาณขึ้นมาได้แน่”
ฉินอวี้โม่เพียงคาดเดาจากสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นและรู้สึกได้ว่าเงามืดทั้งสองคงจะไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
มีความเป็นไปได้สูงว่าเฉินหว่านเอ๋อร์แอบทำข้อตกลงกับพวกเขาเป็นการลับ ๆ เพียงแต่ฉินอวี้โม่ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ และมันเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น
“รอให้ข้าจัดวางข่ายอาคมสักครู่ จากนั้นเราจะออกไปแสดงตัว หลังจากเงานั่นเห็นเข้า พวกเขาจะต้องตามไล่ล่าข้า เมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะเป็นเหมือนการจับตะพาบในไหและเราจะจับตัวพวกเขาได้อย่างคาหนังคาเขา”
* 瓮中捉鳖 จับตะพาบในไห ความหมายคือ เมื่อศัตรูมาอยู่ในกำมือแล้ว จะทำอย่างไรก็ได้ หรือต้องการจัดการเมื่อไหร่ก็ได้ สามารถเอาชนะได้ง่าย
ฉินอวี้โม่อธิบายแผนการของตนเพื่อให้เมิ่งเถียนและเหลิ่งซวงเสวี่ยเตรียมตัว
“พี่อวี้โม่เป็นผู้ใช้ข่ายอาคมอย่างนั้นหรือ ?”
เมิ่งเถียนมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาตกตะลึง เพราะต่อให้จะเป็นในโลกแห่งเทพ ผู้ใช้ข่ายอาคมก็มีอยู่เพียงไม่มากเท่านั้น การที่ฉินอวี้โม่ซึ่งมาจากดินแดนระดับต่ำเป็นผู้ใช้ข่ายอาคมทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก
“ใช่ นั่นคือสาเหตุที่ข้าค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของข่ายอาคมตรึงวิญญาณ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังทำลายมันไม่ได้”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ หากมารยาอยู่ด้วย พวกนางอาจมีโอกาสทำลายข่ายอาคมตรึงวิญญาณจากยุคโบราณด้วยการร่วมมือกัน ทว่าด้วยพลังของนางเพียงคนเดียว มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำลายข่ายอาคมโบราณนั้นได้
หลังจากอธิบายจนจบ นางก็ไม่รอช้าและเริ่มวางข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพอย่างรวดเร็ว
เงามืดทั้งสองมีความแข็งแกร่งที่มากพอสมควรและตอนนี้มีเพียงข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเท่านั้นที่จะเป็นภัยต่อพวกเขาได้ แม้สังหารเป้าหมายไม่สำเร็จ แต่ด้วยพลังของข่ายอาคม กอปรกับพลังของฉินอวี้โม่และอีกสองคน อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เข้าตาจน
สภาวะพลังรอบบริเวณหลั่งไหลเข้าหาฉินอวี้โม่อย่างต่อเนื่อง ภายในเวลาประมาณสองก้านธูป ในที่สุดข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
“ไปข้างนอกกันเถอะ”
นางหันไปกล่าวกับเมิ่งเถียนและเหลิ่งซวงเสวี่ยเบา ๆ จากนั้นทั้งสามก็เดินออกไปนอกเรือนด้วยกันตามแผนการที่วางไว้
ทั้งสามเดินออกจากเรือนและเตร่ไปรอบหมู่บ้านโดยทำท่าทีว่ากำลังสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ในขณะเดียวกัน ฉินอวี้โม่ก็แผ่พลังวิญญาณออกไปรอบตัวเพื่อพยายามสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ตราบใดที่เงามืดปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียง ฉินอวี้โม่จะค้นพบได้ทันที
อีกหนึ่งก้านธูปผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดก็เกิดความปั่นป่วนบางอย่างในอากาศ ฉินอวี้โม่และอีกสองคนทราบได้ทันทีว่าเงามืดกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งสามจึงเดินกลับไปยังเรือนที่วางข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพไว้ด้วยท่าทางที่ดูปกติ
ทันทีที่เข้ามาในเรือน เงามืดสองร่างก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศและพยายามจะคว้าร่างของฉินอวี้โม่ไว้
จุดประสงค์ของเงามืดทั้งสองก็ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยและพวกเขาไม่คิดที่จะปิดบังจิตสังหารแม้แต่น้อย พวกเขาเพียงจู่โจมฉินอวี้โม่โดยตรงและต้องการที่จะปลิดชีวิตนาง
ฟึ่บ !
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินและเข้าครอบงำร่างเงาทะมึนทั้งสองทันทีส่งผลให้ร่างของพวกเขาถูกเผยออกมาอย่างชัดเจน
“เหอะ ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่แล้ว เหตุใดจะต้องทำเป็นหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยเล่า ? อยากเห็นนักว่าพวกเจ้าเป็นใครมาจากที่ใดกันจึงริอาจโจมตีศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่เช่นนี้ !”
ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มออกมาและมองไปยังเงาสองร่างที่ติดอยู่ในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพด้วยแววตามุ่งร้าย
“เจ้าจงใจหลอกล่อให้พวกเรามาที่นี่ !”
หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นทันทีและเวลานี้รูปลักษณ์ของเงาลึกลับทั้งสองก็ปรากฏตรงหน้าฉินอวี้โม่อย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาคือบุรุษสองคนที่สวมอาภรณ์สีดำสนิท ดวงตาแหลมคมดุจเหยี่ยวของพวกเขาก็ฉายประกายความโหดเหี้ยมและจิตสังหารที่แรงกล้าออกมาจนผู้ที่พบเห็นต้องสั่นสะท้านไปตาม ๆ กัน
“ฮ่า ๆ ๆ เพิ่งรู้ตัวงั้นรึ ? สายไปเสียแล้ว !”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเยาะและกล่าวต่อ “ในเมื่อมิใช่ตัวการเบื้องหลังเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา แล้วพวกเจ้ามาที่นี่ทำไม ? หรือว่าพวกเจ้าได้รับคำสั่งมาจากใครบางคนซึ่งต้องการที่จะจัดการกับพวกเรา ?”
นางกล่าวหยั่งเชิงและตอนนี้ก็ยืนยันข้อสันนิษฐานของตนเองได้ส่วนหนึ่งแล้ว
“ฉลาดดีนี่ แต่น่าเสียดาย…คนฉลาดมักจะอายุไม่ยืน”
หนึ่งในบุรุษชุดดำกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนโบกมือเพื่อปล่อยพลังและพยายามที่จะทำลายข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของฉินอวี้โม่
น่าเสียดายที่การโจมตีของเขาไม่ส่งผลกระทบต่อข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพแม้แต่น้อย ในเวลานี้ มังกรยักษ์เก้าตัวก็กระโจนเข้าหาเป้าหมายทั้งสองอย่างเกรี้ยวกราดและเปี่ยมไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว
ตูม !ตูมม !ตูมมม !
พลังรุนแรงปะทะกันอย่างต่อเนื่องและพลังอำนาจที่แกร่งกล้าของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ความแข็งแกร่งของบุรุษชุดดำทั้งสองอยู่ในขอบเขตเทพเซียนหกดาราเป็นอย่างต่ำซึ่งถือว่าน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ยังเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงต่อพวกเขา
“เหตุใดนางจึงไม่บอกกับพวกเราว่ามีผู้ใช้ข่ายอาคมอยู่ด้วย ?!”
บุรุษชุดดำคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างร้อนรนและวาจาของเขาก็แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง
เป็นจริงดังที่ฉินอวี้โม่คิดไว้ บุรุษทั้งสองมาที่นี่เพื่อจัดการกับนางอย่างแท้จริง
“เฉินหว่านเอ๋อร์สินะ !”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและเอ่ยชื่อของเฉินหว่านเอ๋อร์ออกไปโดยตรง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร ?!”
บุรุษชุดดำตอบโต้โดยอัตโนมัติ ทว่าตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าฉินอวี้โม่ตั้งใจหลอกถามตน อย่างไรก็ตาม ในเมื่อปริปากออกไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้อีก
“เหอะ ในเมื่อรู้ความจริงแล้ว จากนั้นวันนี้พวกเจ้าก็จะต้องตายสถานเดียว !”
บุรุษชุดดำที่แข็งแกร่งมากกว่าแค่นเสียงอย่างเย็นชาขณะคลื่นพลังของเขาแผ่ออกไปอย่างสุดขีดและพุ่งตรงเข้าโจมตีข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ
ตูม !ตูมม !ตูมมม !
เสียงปะทะดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้งเมื่อข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเผชิญกับแรงโจมตีที่บ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม มันเพียงสั่นไหวเล็กน้อยและไม่มีทีท่าว่าจะพังทลายลงแต่อย่างใด
“ศิษย์พี่เหลิ่ง เมิ่งเถียน ลงมือเลย !”
ฉินอวี้โม่หันไปพยักศีรษะส่งสัญญาณให้กับคนทั้งสองก่อนเริ่มโจมตีบุรุษชุดดำด้วยกัน
บุรุษชุดดำทั้งสองก็ถูกกักขังอยู่ในวงล้อมของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องรับมือกับการโจมตีที่ทรงพลังของทั้งสามคน แม้มีพลังที่ด้อยกว่าพวกเขา ทั้งสามก็สามารถฝ่าผ่านการป้องกันของพวกเขาได้อย่างง่ายดายจนพวกเขาต้องปวดหัวไม่น้อย
หลังจากการโจมตีเพียงไม่นาน ในที่สุดบุรุษชุดดำทั้งสองก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชัดเจน
“หากออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจะฆ่านังนั่นเสีย !”
บุรุษชุดดำที่อ่อนแอกว่ารู้สึกคับแค้นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะโจมตีตอบโต้เมิ่งเถียน
เฉินหว่านเอ๋อร์ไม่เคยบอกพวกเขาว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้ใช้ข่ายอาคม หากทราบมาก่อน พวกเขาก็คงจะไม่ลงมืออย่างบุ่มบ่ามเป็นแน่
ทั้งหมดเป็นความผิดของเฉินหว่านเอ๋อร์แท้ ๆ
“ไม่อาจทราบได้เลยว่าเฉินหว่านเอ๋อร์สัญญาที่จะให้ผลตอบแทนอะไรกับพวกเจ้า พวกเจ้าถึงได้ยอมเสี่ยงเข้ามาที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเพื่อสังหารข้าเช่นนี้ !”
ฉินอวี้โม่กล่าววาจายุแยงต่อไป ในเมื่อหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ประหลาดและมีอันตรายอยู่รอบด้าน การที่บุรุษชุดดำทั้งสองยอมเสี่ยงมาที่นี่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ใจกล้าอย่างยิ่ง !