บุรุษชุดดำทั้งสองติดอยู่ในวงล้อมของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพและมิอาจหลบหนีออกไปได้เลย
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีร่วมกันของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพและฉินอวี้โม่ สถานการณ์ของพวกเขาก็เลวร้ายลงเรื่อย ๆ และตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชในที่สุด
“หากพวกเจ้ายอมเปิดเผยแผนการชั่วร้ายของเฉินหว่านเอ๋อร์ ข้าอาจจะเมตตาไว้ชีวิตพวกเจ้า”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเนื่องจากต้องการทราบถึงแผนการทั้งหมดที่เฉินหว่านเอ๋อร์วางไว้
“ปล่อยพวกข้าไปก่อน”
ทั้งสองมองหน้ากันและตอบกลับอย่างหนักแน่น หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว การสังหารฉินอวี้โม่ในตอนนั้นก็ยังไม่ถือว่าสายจนเกินไป
“ปล่อยให้พวกเจ้าออกมาสังหารข้างั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่คาดเดาความคิดของทั้งสองได้อย่างแม่นยำและกล่าวเย้ยหยันขณะยังคงเดินหน้าโจมตีต่อไป
“พวกข้าคือคู่อสูรวายุทมิฬซึ่งมีนามว่าเฮยเฟิงและซวงซา พวกข้าคือเผด็จการท้องถิ่นของเมืองอวิ๋นหลาน ก่อนหน้านี้ เฉินหว่านเอ๋อร์มาพบเราและขอให้เราลงมือสังหารใครบางคน นางให้คำมั่นว่าหากทำสำเร็จ นางจะช่วยฝากฝังให้เราเข้าร่วมกับนิกายหมื่นกระบี่และกลายเป็นศิษย์นอกของนิกาย รวมถึงจะมอบโอสถระดับสูงจำนวนหนึ่งให้กับเรา”
บุรุษชุดดำที่แข็งแกร่งกว่ากล่าวขึ้น เขาคือเฮยเฟิงและมีพลังอยู่ในขอบเขตเทพเซียนเจ็ดดาราซึ่งเหนือกว่าระดับที่ฉินอวี้โม่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ผู้ที่อ่อนแอกว่ามีนามว่าซวงซาและมีพลังที่บรรลุถึงขอบเขตเทพเซียนหกดาราขั้นสูงสุดซึ่งอ่อนแอกว่าเฮยเฟิงเพียงเล็กน้อย
เดิมทีทั้งสองคิดว่าการสังหารเป้าหมายที่มีพลังไม่ถึงขอบเขตเทพเซียนเพียงคนเดียวคงจะง่ายดายและแทบไม่ต้องออกแรง เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะเดินทางมาที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาแห่งนี้
พวกเขาก็ทราบถึงเรื่องราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเช่นกัน หากไม่มีความจำเป็น พวกเขาก็ปรารถนาที่จะตีตัวออกห่างจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปให้ไกลที่สุด
อย่างไรก็ตาม เพื่อสถานะศิษย์นอกของนิกายหมื่นกระบี่ที่ทรงพลังและโอสถระดับสูงที่จะได้เป็นค่าตอบแทน พวกเขาจึงเลือกที่จะเสี่ยงดวงและรับภารกิจนี้
พวกเขาเล่าแผนการของเฉินหว่านเอ๋อร์ให้ฉินอวี้โม่และอีกสองคนได้ทราบโดยไม่ปิดบังสิ่งใด
“พวกเจ้ารู้เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นทว่ายังกล้ามาที่นี่อีก เพื่อที่จะสังหารข้า…พวกเจ้าไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลยด้วยซ้ำ คิดว่าคำมั่นสัญญาของเฉินหว่านเอ๋อร์เป็นสิ่งที่คุ้มแลกอย่างนั้นหรือ ?”
แม้ได้ทราบในสิ่งที่ต้องการ ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ถอนข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของตน ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ทราบดีว่าคู่อสูรวายุทมิฬมิใช่คนรักษาคำพูดอย่างแน่นอน หากปล่อยคนทั้งสองไป เกรงว่าพวกเขาจะลงมือปลิดชีวิตนางในทันที
“ตอนนี้เฉินหว่านเอ๋อร์และศิษย์พี่เสิ่นเสี่ยวไห่อยู่ที่ใด ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามอีกครั้งและต้องการทราบว่าเฉินหว่านเอ๋อร์และอีกสองคนอยู่ที่ใด
“เฉินหว่านเอ๋อร์และผางเลี่ยงออกจากหมู่บ้านไปแล้ว สำหรับเสิ่นเสี่ยวไห่ เราขังเขาไว้ในเรือนหลังหนึ่ง ทว่าเราก็ไม่รับรู้ว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่”
ทั้งสองไม่กล้าปิดบังสิ่งใดอีกต่อไปและกล่าวตอบตามความจริง
“เราบอกทุกอย่างที่รู้ไปแล้ว ทีนี้ก็ปล่อยเราไปเสีย”
บุรุษชุดดำทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนลอบมองฉินอวี้โม่ด้วยประกายจิตสังหารในแววตา หลังจากถูกปล่อยตัวจากข่ายอาคม พวกเขาจะสังหารนางโดยเร็วที่สุด !
“ไม่ต้องห่วง อยู่ในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพนี่ต่อไปเถอะ หากเอาตัวรอดอยู่ได้ พลังของข่ายอาคมนี้ก็จะลดลงไปมากหลังจากรุ่งสาง เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็จะออกไปจากวงล้อมของมันได้เอง แต่หากเกิดเรื่องประหลาดอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมของข้าในระหว่างนี้…พวกเจ้าก็ไม่สามารถกล่าวโทษข้าได้”
ฉินอวี้โม่ไม่คิดที่จะปล่อยคนทั้งสองไป เมื่อนางกล่าวจบ นางก็หันไปสบตากับเหลิ่งซวงเสวี่ยและเมิ่งเถียนเล็กน้อยก่อนเดินออกจากเรือน
ทั้งสามมุ่งหน้าไปยังเรือนหลังที่บุรุษชุดดำทั้งสองบ่งบอกว่าเสิ่นเสี่ยวไห่ถูกกักขังไว้อย่างรวดเร็วและพบคนที่ตามหานอนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหินขนาดใหญ่ ในเวลานี้ ลมหายใจของเขาติดขัดเล็กน้อยและได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด
“เราพาศิษย์พี่เสิ่นกลับไปที่เรือนหลังเดิมก่อนเถอะ”
หลังจากกล่าวจบ เมิ่งเถียนก็แบกร่างของเสิ่นเสี่ยวไห่ไว้บนหลังของตนทันที จากนั้นทั้งสามก็กลับไปยังเรือนหลังที่ปลอดภัยเพื่อพบกับคนอื่น ๆ
ภายในเรือน เถียนซินและคนอื่น ๆ เฝ้ารออย่างเป็นกังวล พวกนางก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทว่าไม่กล้าออกไปช่วยหากปราศจากคำสั่งของฉินอวี้โม่
เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังเหาะกลับมา เถียนซินและทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่อวี้โม่ พวกท่านเป็นอะไรรึไม่ ?”
เถาเซี่ยวเซี่ยวปรี่เข้าไปเป็นคนแรก เมื่อเห็นเสิ่นเสี่ยวไห่บนหลังของเมิ่งเถียน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ศิษย์พี่เสิ่น ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”
นางอุทานออกมาทันทีและสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ของเสิ่นเสี่ยวไห่ไม่สู้ดีนัก
“ไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่เสิ่นคงจะบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หลังจากถ่ายทอดพลังมายาให้เขาสักระยะ เขาก็คงจะฟื้นตัวในไม่ช้า”
วาจาของฉินอวี้โม่ทำให้ทุกคนโล่งใจมากขึ้น
“ฉินอวี้โม่ เกิดอะไรขึ้นกับเงามืดสองร่างนั่น ? เสียงของการต่อสู้ที่พวกเราได้ยินเมื่อครู่มาจากเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”
สวีเยว่เอ่ยถามและต้องการทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ข้าจะอธิบายให้ทุกคนฟังเอง”
จากนั้นเหลิ่งซวงเสวี่ยก็เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่ได้ทราบจากเฮยเฟิงและซวงซาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและไม่ได้กล่าวสิ่งใดเกินจริงแม้แต่น้อย
“นังเฉินหว่านเอ๋อร์บัดซบนั่น ! หลังจากกลับไปครานี้ ข้าไม่ปล่อยนางไว้แน่ !”
เถียนซินอดสบถอย่างฉุนเฉียวไม่ได้ เพียงนึกถึงเรื่องที่ตนขวัญเสียเพราะเงาลึกลับก่อนหน้านี้ นางก็ชิงชังเฉินหว่านเอ๋อร์มากยิ่งขึ้น
“นางส่งคนมาฆ่าศิษย์น้องฉินอวี้โม่เพียงเพราะความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว เฉินหว่านเอ๋อร์…นังนั่นไม่มีความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย แม้ก่อนหน้านี้เราจะดูถูกศิษย์น้องฉินอวี้โม่ว่าเป็นคนบ้านนอกมาจากดินแดนระดับต่ำ ทว่าเราก็ไม่เคยคิดร้ายถึงขั้นฆ่าแกงกัน เราทราบดีอยู่แล้วว่าเฉินหว่านเอ๋อร์เป็นสตรีที่มีจิตใจชั่วร้าย เพียงแต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่านางจะชั่วช้าถึงเพียงนี้ !”
สวีเยว่กล่าววาจาตำหนิเฉินหว่านเอ๋อร์อย่างยาวเหยียดและเปิดเผยความรู้สึกของตนเองที่มีต่อฉินอวี้โม่ในก่อนหน้านี้อย่างจริงใจ
“เหอะ นางจะเทียบกับพวกเราได้อย่างไร เราล้วนทราบดีว่าอะไรถูกหรือผิด ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่มีทางทำให้นิกายหมื่นกระบี่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อหน้าบุคคลภายนอกแน่ ทว่านางกลับทำสิ่งที่น่ารังเกียจและเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี ศิษย์นอกหลายคนในนิกายก็ช่างมีดวงตาที่มืดบอดนักที่หลงกลเชื่อละครตบตาของนาง !”
เถียนซินเดือดดาลยิ่งขึ้น แม้ปรารถนาที่จะกลับไปสะสางความแค้นกับเฉินหว่านเอ๋อร์เสียเดี๋ยวนี้ นางก็ไม่คิดที่จะออกจากหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาก่อนที่จะคลี่คลายปริศนาลึกลับของที่นี่ได้สำเร็จ
“ข้าทราบมานานแล้วว่านางมิใช่คนดี โชคดีจริง ๆ ที่เราเฝ้าระวังนางไว้ก่อนและไม่ปล่อยให้แผนการของนางประสบความสำเร็จ”
เถาเซี่ยวเซี่ยวจับมือฉินอวี้โม่ไว้แน่นด้วยความโล่งใจ โชคดีที่พวกนางไม่ได้จับกลุ่มรวมกันกับเฉินหว่านเอ๋อร์ในการออกสำรวจก่อนหน้านี้ มิเช่นนั้น หากแผนการของนางราบรื่น เกรงว่าสถานการณ์ของพวกนางอาจลงเอยไม่ดีนัก
ระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกัน เสิ่นเสี่ยวไห่ก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม พลังมายาส่วนใหญ่ของเขาก็แห้งเหือดไปแล้วและความแข็งแกร่งลดน้อยลงมาก
“ศิษย์น้องทั้งหลาย พวกเจ้าเป็นอะไรกันรึไม่ ?”
เสิ่นเสี่ยวไห่กวาดสายตามองทุกคนพร้อมเอ่ยถาม หลังจากตรวจสอบและพบว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ปลอดภัยดี สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ศิษย์น้องอวี้โม่ มีใครบางคนที่คิดจะทำร้ายเจ้า”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็รีบกล่าวเตือนฉินอวี้โม่ทันที
“ศิษย์พี่เสิ่น ทั้งสองคนนั้นถูกศิษย์น้องอวี้โม่จับขังไว้แล้วและตอนนี้อยู่ที่เรือนอีกหลัง ทั้งหมดเป็นแผนการสมคบคิดของเฉินหว่านเอ๋อร์ เมื่อกลับไปที่นิกายหมื่นกระบี่ เราจะต้องเปิดโปงนางให้ได้ !”
เถียนซินและสวีเยว่ชิงชังเฉินหว่านเอ๋อร์ไม่ต่างกัน พวกนางเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เสิ่นเสี่ยวไห่ทราบอย่างรวดเร็ว
“เป็นนางจริง ๆ ด้วย !”
เสิ่นเสี่ยวไห่คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วเช่นกัน เมื่อทราบว่าเป็นความจริง สีหน้าของเขาก็หม่นลงเล็กน้อยทว่าไม่กล่าวสิ่งใด ตอนนี้ยังมิใช่เวลาหารือถึงเรื่องนี้
“อ๊ากกกกก !”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องแหลมก็ดังขึ้นจากเรือนที่อยู่ไม่ไกลออกไป
สีหน้าของฉินอวี้โม่ก็เปลี่ยนไปทันทีและสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ
“พวกเขาตายแล้ว !”