ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1194 เชื่อเรื่องโชคชะตามั้ย?
“หนูรินจัง หนูตัดกับแด๊ดดี้เยอะขนาดนี้เลยหรอ?”
“ใช่ค่ะหม่ามี๊ แต่แด๊ดดี้ตัดไม่เป็นนะคะ ดูนี่สิคะดอกเหมยสวยๆถูกแด๊ดดี้ตัดจนกลีบหลุดเลย”
เด็กผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อคลุมลายดอกไม้ บนศรีษะยังถูกป้ามัดแกะไว้สองข้างกำลังนั่งลงยองๆเก็บก้านดอกไม้ที่สองคนพ่อลูกตัดแล้วขึ้นมา
เห็นหม่ามี๊เข้ามาหา อดไม่ได้ที่จะเก็บมันขึ้นมาฟ้องหม่ามี๊
เส้นหมี่ “…….”
มองดูท่าทางของลูกสาวของตัวเอง แล้วก็ก้านดอกไม้ที่ถูกตัดอย่างสิ้นเปลืองอยู่บนพื้น เธอก็ให้รู้สึกหมดคำพูดกับสองคนพี่น้อง
“เอาละ เดี๋ยวตรงนี้หม่ามี๊จัดการเอง หนูไปเล่นกับพี่ชายเถอะ”
“โอเคค่ะหม่ามี๊”
เด็กผู้หญิงเลยวิ่งอย่างดีใจ
เสื้อคลุมลายดอกไม้ที่พองโต ดูเหมือนเป็นผ้าคลุมลายดอกไม้ที่กำลังเคลื่อนไหว
เอ๊ะ
เส้นหมี่นั่งลงยองๆเก็บกระดาษที่เป็นส่วนของกลีบดอกไม้ที่มีอยู่ไม่มากใส่ลงไปในตระกร้า แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่กำลังใช้กรรไกรตัดแช้บๆอย่างจริงจังอยู่ที่ใต้ต้นเหมย
“พี่ ตอนนี้พี่สาวของกำลังเอาลูกสาวบ้านเราเป็นหนูทดลองหรอ?”
“อะไรนะ?”
แสนรักที่กำลังตัดอย่างจริงจังได้ยินคำพูดนี้ นัยน์ตาดำขลับที่มีความเหนื่อยล้าเข้ามาปกคลุมนั้นก็ได้เลิกขึ้นมองมาทางนี้
เส้นหมี่ถือตระกร้าขึ้นมา “ดูสิ หลายวันนี้ที่เธอกลับมานี่สิ ไม่ใช่แค่ทำอาหารต่างๆให้หนูรินจังกินเท่านั้นนะ แต่เป็นการทรมานผมของเธอ เมื่อเช้าหนูรินจังบอกกับฉันว่าป้ายังให้เธอลองนมอีก”
“……”
ในที่สุดเขาค่อยๆหรี่ตาลง
ชั่วขณะนั้นเอง พอเสียงกรรไกรได้ดังขึ้นอีกรอบ เสียงที่เยือกเย็นไร้ก็ได้ดังขึ้นมา “ให้เธอไสหัวไปซะ!”
เส้นหมี่ชะงัก
ไสหัวไปไหน?
ไปที่เรด พาวิเลี่ยนหรอ
เส้นหมี่เลยทำได้แค่สงบปากสงบคำ ครึ่งชั่วโมงให้หลัง สองสามีภรรยาก็เก็บดอกเหมยที่ตัดไว้เรียบร้อยแล้ว เธอถือมันแล้วเตรียมที่จะกลับไป
“เอ้อ เดี๋ยวก็จะเดือนสิบสองแล้ว ได้ยินมาว่าวัดวรสานส์ของที่ขลังมาก พี่ พวกเราไปเดินเล่นที่นั่นกันมั้ย ถึงยังไงตอนนี้พี่ก็ว่างอยู่แล้ว”
เส้นหมี่ถือตะกร้าใบนี้ เงยหน้ามองผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาที่อ่อนโยนและถามขึ้นด้วยความหวัง
ช่วงนี้เขาว่างมากจริงๆ ไวท์ พาเลซก็ไม่ไป ห้องหนังสือนั่นก็ไม่ได้เห็นเขาไปอยู่ วันๆไม่ใช่ควบคุมการเรียนของลูกชายทั้งสองด้วยตัวเอง จนทำให้พวกเขาประหม่าไปทั้งตัวเมื่อเห็นเขาหรอกนะ
แต่เป็นการพาลูกสาวมาก่อเรื่อง เห็นดอกเหมยที่เต็มไปทั้งสวน ถ้าเธอมาช้ากว่านี้คงโล่งเตียนไปหมดแน่
เส้นหมี่รอคำตอบของเขา
แต่พอเขาได้ยินคำว่าวัด บนใบหน้าที่หล่อเหลาก็เผยให้เห็นความไม่พอใจ
“ไปที่นั่นทำไมกัน เธอยังเชื่อเรื่องพวกนี้หรอ?”
“ไม่ใช่นะ ฉันแค่ได้ยินมาว่าบรรยากาศที่นั่นสวยงามมาก พวกเรามาที่นี่ก็ยังไม่เคยไปเที่ยวเลยไม่ใช่หรอ? ตอนนี้ว่างก็ไปเดินเล่นสักหน่อยเป็นไร”
เธอกึ่งอ้อนวอน กึ่งขอร้องอย่างจริงจัง
เธอก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ช่วงที่ผ่านมาเธอเห็นเขาว่าผ่านมายังไง ตอนนี้เรื่องราวได้จบลงแล้ว เขาก็ควรที่จะรีแล็กซ์กับตัวเองหน่อย
เส้นหมี่รู้สึกสงสาร
ดีที่เขาเห็นว่าเธออยากไปอย่างนี้ ก็เลยเห็นด้วย
“ได้ งั้นไปกันเถอะ เอาลูกไปมั้ย?”
“ไม่ต้องเอาไปหรอก พวกเราไปกันก็พอ” เส้นหมี่ต้องการช่วงเวลาที่ใกล้ชิดกันตามลำพังสองคน พวกเขาทั้งสองไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันลำพังมานานแล้ว
ดังนั้นการไปวัดวรสานส์ครั้งนี้จะมีแค่พวกเขาสองคนเพียงเท่านั้น
เพียงแต่ว่าวันที่สองของการออกเดินทาง คนทั้งสองคิดไม่ถึงว่าพอเพิ่งออกจากประตูของเดอะวิวซี ก็ได้เห็นรถจี๊ปคันสีดำจอดอยู่ ข้างในรถมีผู้หญิงที่พกกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อย ในอ้อมกอดอุ้มเด็กทารกไว้
แสนรัก “…….”
เส้นหมี่ “……..”
ม็อกโก “ขอโทษนะ ได้ยินมาว่าพวกคุณจะไปที่วัดวรสานส์ เธอก็ร้องอยากที่จะไปด้วย เห็นบอกว่าอยากพาลูกไปขอพรที่นั่น”
“…….”
ช่างเป็นอะไรที่เหมาะเจาะเสียจริง
เอาเหอะ ครอบครัวเดียวกัน ทนเอาหน่อย
สุดท้ายแล้ว การเดินทางที่หอมหวานของคนทั้งสองที่วางไว้แล้วนั้น ก็เปลี่ยนมาเป็นการเดินทางของคนทั้งสี่ ไม่ใช่สิ รวมเด็กเข้าไปด้วยอีกหนึ่งก็เป็นห้าคน!!
แสนรักใบหน้าอึมครึมตลอดเส้นทาง
แต่พอรถของพวกเขาออกมาจากเขตเมืองแล้ว ไม่นานก็เข้าไปในเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้หนาๆ ปกคลุมไปทั่วเขาอย่างงดงาม เลยทำให้สีหน้าของผู้ชายคนนี้อ่อนโยนลง
“สวยใช่มั้ยล่ะ?”
เส้นหมี่ก็กำลังมองวิวนอกรถเหมือนกัน
ได้ยินมาว่าภูเขานี้ถูกคุ้มกันโดยรัฐบาลในท้องถิ่นไม่ให้ถูกค้นพบ และวัดที่มีอายุพันปีอยู่บนภูเขา ดังนั้นต้นไม้ที่อยู่บนป่าเขาก็เป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่านอยู่ในท่ามกลางเสียงสวดมนต์ ป่าเขาที่ห่างไกลจากความวุ่นวายทางโลกก็เหมือนอีกโลกนึง ที่นี่ไม่มีการสังหาร ไม่มีการสู้รบ
สิ่งที่มีก็แค่ความมงคลกับแดนสุขาวดี
แสนรักก็ให้รู้สึกว่าทั้งร่างนั้นผ่อนคลาย
เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย ตั้งแต่อายุสิบขวบ เขารู้ว่าตัวเองมีโรคที่น่ากลัว และสิ่งที่เขาเชื่อก็มีแค่ตัวเอง
ดังนั้นเขาเลยมีนิสัยที่ร้ายและไม่มีเหตุผล