ในเวลานี้ ซิวและมารยาออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวพร้อมกันและปรากฏกายข้างฉินอวี้โม่
พลังงานสีดำไม่มีผลต่อพวกมันเช่นกันและสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างไร้กังวล
“ผนึกนี่คงจะถูกวางไว้โดยผู้ที่ถือว่าทรงพลังมาก ด้วยพลังของเราในปัจจุบัน การทำลายมันคงไม่ง่ายนัก”
หลังจากสัมผัสผนึกตรงหน้า ซิวก็กล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจที่เกือบจะเต็มเปี่ยม
พลังของผนึกตรงหน้าแกร่งกล้ายิ่งนัก แม้ด้วยความแข็งแกร่งของมันในปัจจุบันก็ยากที่จะก้าวเข้าไปได้ง่าย ๆ หากต้องการฝ่าผ่านผนึกตรงหน้า อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะต้องใช้พลังที่เหนือกว่าขอบเขตมหาเทวะ
“ข้าลองสัมผัสถึงมันและดูเหมือนจะมีกลไกบางอย่างบนผนึก หากพบกลไกนั้น เราอาจจะหาทางเข้าไปข้างในได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเช่นกัน นางใช้พลังวิญญาณแผ่ออกไปสำรวจทั่วผนึกตรงหน้าและพบว่ามีรอยแยกปรากฏอยู่ซึ่งอาจเป็นทางเข้าของมัน ตราบใดที่ตามหากลไกควบคุมได้พบและถอดรหัสได้สำเร็จ พวกนางก็จะสามารถเปิดผนึกและก้าวเข้าไปในห้องโถงได้
มารยาไม่กล่าวสิ่งใดและเริ่มค้นหากลไกควบคุมผนึกอย่างเงียบ ๆ
ฉินอวี้โม่และซิวก็เริ่มค้นหากลไกของผนึกด้วยความเร่งรีบเช่นกัน
พลังงานสีดำก็ยังคงหลั่งไหลเข้ามาสู่ร่างกาย ทว่าพวกมันไม่สามารถส่งผลกระทบต่อฉินอวี้โม่ ซิว หรือมารยาได้เลย
พลังในร่างของพวกนางปัดเป่าพลังงานสีดำเหล่านั้นได้แทบจะทันที สติรับรู้ของพวกนางจึงไม่ได้รับผลกระทบและไม่มีทางโจมตีคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบกาย
ฉินอวี้โม่ก็พยายามโจมตีผนึกหลายครา ทว่านางกลับถูกพลังบนผนึกซัดจนกระเด็นออกไป อีกทั้งพลังที่นางปล่อยออกไปก็ยังจมหายเข้าไปในผนึกและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ทุกคนมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายนอก เสี่ยวเฮยและเสี่ยวจิ่วจึงทำหน้าที่อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทุกคนได้ทราบ
“ที่แท้ก็มีกลไกอยู่บนผนึกนั่นเอง ไม่รู้เลยว่าพี่อวี้โม่จะหามันพบหรือไม่”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล กลไกบนผนึกดูลึกลับยิ่งนัก แม้ฉินอวี้โม่จะทรงพลังหาใดเปรียบ นางก็อาจจะตามหามันไม่พบ
“ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้หาไม่พบจริง เราก็จะกลับขึ้นไปข้างบนก่อนและส่งข่าวกลับไปที่นิกายหมื่นกระบี่ เมื่อถึงตอนนั้นจะมีคนตามมาช่วยเราอย่างแน่นอน”
เถียนซินเป็นห่วงความปลอดภัยของฉินอวี้โม่เช่นกัน ทว่านางไม่แสดงออกทางสีหน้าขณะพยายามหาทางออกเตรียมไว้
“ท่านมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว เฉินหว่านเอ๋อร์นำหน้าเราไปก้าวหนึ่งและยังไม่ทราบเลยว่านางเตรียมการอย่างไรไว้ อย่าว่าแต่ส่งข่าวกลับไปเลย ต่อให้ส่งข่าวได้จริงก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้อาวุโสที่นิกายจะได้รับมันหรือไม่ และต่อให้พวกเขาทราบข่าว เฉินหว่านเอ๋อร์ก็คงจะหาทางขัดขวางมิให้พวกเขามาช่วยเราแน่ เพราะหากเรากลับไปได้ สิ่งที่นางทำไว้ในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาก็จะถูกเปิดเผยออกไปอย่างแน่นอน”
เมิ่งฝานกล่าวข้อเท็จจริงออกไป
เฉินหว่านเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านไปก่อนเพราะมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องตายอย่างแน่นอน เวลานี้พวกเขาไม่มีทางทราบได้เลยว่านางกลับไปที่นิกายหมื่นกระบี่หรือไม่และอาจจะมีกลุ่มของนางรออยู่
หากพวกเขาส่งข่าวกลับไป เชื่อว่าคนของเฉินหว่านเอ๋อร์จะรับรู้ได้และพยายามขัดขวางมิให้ข่าวนั้นไปถึงนิกายอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้างนอกหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาก็อาจจะมีพรรคพวกของเฉินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังดักรอพวกเขาอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อใดที่พวกเขาออกไปได้ พวกเขาก็อาจจะถูกคนเหล่านั้นสังหารไป
“นังแพศยานั่น หากกลับไปที่นิกายหมื่นกระบี่ได้ ข้าจะเปิดโปงธาตุแท้ของนางแน่ !”
เมื่อได้ยินถ้อยคำย้ำเตือนจากเมิ่งฝาน เถียนซินก็คิดว่ามีความเป็นไปได้มากทีเดียวและสบถออกไปผ่านฟันที่กัดแน่น นางต้องการกลับไปสั่งสอนบทเรียนให้กับเฉินหว่านเอ๋อร์โดยเร็วที่สุด
“เรามาหารือเรื่องนี้ในภายหลังเถอะ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน เมื่อรอดชีวิตออกจากหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาไปได้ เราจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้เฉินหว่านเอ๋อร์อย่างสาสม”
เสิ่นเสี่ยวไห่กล่าวขึ้นมาเช่นกันก่อนหันกลับไปฟังเสี่ยวจิ่วและเสี่ยวเฮยอธิบายถึงสถานการณ์ภายนอก
เวลานี้ ฉินอวี้โม่ ซิวและมารยาทำการสำรวจผนึกตรงหน้าอย่างละเอียด ทว่ายังไม่พบสิ่งใดผิดปกติ นับประสาอะไรกับการค้นพบกลไกเพื่อเปิดมัน
“นายหญิง เราไม่พบอะไรเลย”
มารยาส่ายศีรษะให้กับฉินอวี้โม่เบา ๆ และซิวเองก็จนปัญญาเช่นกัน แม้สัมผัสถึงรอยแยกตรงกลางผนึกได้อย่างชัดเจน พวกมันก็ตามหากลไกควบคุมไม่พบ
ฉินอวี้โม่ก็ไม่พบสิ่งใดเช่นกัน เว้นเพียงแต่รอยแยกดังกล่าว ผนึกตรงหน้าก็ไม่มีสิ่งอื่นใดที่ผิดปกติ ราวกับกลไกบนผนึกเป็นเพียงสิ่งที่พวกนางจินตนาการขึ้นมาเองและมันไม่มีอยู่จริง
หากไม่สามารถใช้พลังในการฝ่าทะลวงเข้าไปโดยตรงและไม่สามารถตามหากลไกควบคุมได้พบ พวกนางก็ไม่มีวิธีที่จะเข้าไปในห้องโถงได้อีก นับประสาอะไรกับการไขปริศนาเหตุการณ์ลึกลับในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
“หาดูอีกครั้งเถอะ หากไม่พบสิ่งใด เราจะกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวสักระยะ”
หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจว่าจะค้นหาอย่างละเอียดอีกครา หากไม่พบสิ่งใดเช่นเดิม นางจะเข้าไปพักในคฤหาสน์ล่องหนสักระยะ
“เหตุใดท่านไม่ลองขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวฝ่าเข้าไปโดยตรงเลยล่ะ ?”
จู่ ๆ ซิวก็กล่าวเสนอความคิดขึ้นเพื่อให้ฉินอวี้โม่ทดลองดู
ฉินอวี้โม่ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยและขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงเข้าไปยังผนึกตรงหน้า น่าเสียดายที่คฤหาสน์ของนางก็ถูกขัดขวางเช่นกันและไม่มีทางฝ่าผ่านเข้าไปได้เลย พวกนางจึงทำได้เพียงตกอยู่ในสถานการณ์ที่อับจนปัญญาเช่นเดิม
“ข้าพบแล้ว”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้
เพราะในขณะที่คฤหาสน์เฟิงหัวเข้าไปใกล้ผนึกเมื่อครู่นี้ นางสังเกตเห็นบางสิ่งส่องประกายตรงกลางรอยแยกบนผนึก หากคาดเดาไม่ผิด มันคงจะเป็นกลไกที่พวกนางกำลังตามหา
หลังจากควบคุมให้คฤหาสน์เฟิงหัวถอยกลับมา นางก็ไม่รอช้าและตรงเข้าไปหยุดตรงหน้ากลไกนั้นทันทีก่อนปล่อยพลังจากนิ้วมือตรงไปยังกลไก เป็นจริงดังที่คิดไว้ แสงสีแดงส่องสว่างขึ้นจากผนึกที่ดูเหมือนจะผสานเป็นเนื้อเดียวกับม่านป้องกันตั้งแต่แรก
พลังจากนิ้วมือของฉินอวี้โม่ถ่ายทอดไปยังแสงสีแดงก่อนเกิดเสียงประหลาดบางอย่าง จากนั้นรอยแยกก็ปรากฏขึ้นกลางม่านป้องกันและเปิดกว้างเป็นเส้นทางไปสู่ห้องโถงเบื้องหน้า
“มันง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวรึ ?”
ซิวถึงกับพูดไม่ออกไปเล็กน้อย เดิมทีมันคิดว่าหลังจากค้นพบกลไกก็อาจต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการฝืนเปิดมัน ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันคิดมากจนเกินไป
“ใช่ ง่ายดายเช่นนี้ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและเดินตรงเข้าไป
ทันทีที่เข้ามาในห้องโถง รอยแยกบนม่านป้องกันก็ปิดสนิทอีกครั้งราวกับไม่เคยเปิดออกมาก่อน
ฉินอวี้โม่ส่งกระแสจิตเพื่อสื่อสารกับทุกคนในคฤหาสน์เฟิงหัว จากนั้นเถาเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่น ๆ ก็ก้าวออกมา
“เราเข้ามาแล้วหรือ ?”
แม้ได้ยินคำอธิบายจากเสี่ยวเฮยและเสี่ยวจิ่วแล้ว พวกนางก็ยังเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าพวกตนอยู่ในห้องโถงแล้วจริง
“ใช่ พวกเราเข้ามาได้แล้ว”
ขณะมองดูหินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่อยู่ไม่ไกลออกไป แม้แต่หัวใจของฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้สงบนิ่งเช่นที่เห็นภายนอก
หินศักดิ์สิทธิ์ห้าสีอยู่ตรงหน้าแล้วและทุกคนสามารถเอื้อมมือออกไปคว้ามันได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่กล้าเอื้อมมือออกไปแตะมัน การที่หินศักดิ์สิทธิ์จากยุคโบราณปรากฏอยู่ที่นี่มิใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน หากมีภยันตรายซ่อนไว้เบื้องหลัง พวกนางไม่มีทางหลบหลีกได้ทันอย่างแน่นอน
“ทุกคนระวังตัวล่ะ อย่าเพิ่งแตะต้องสิ่งใด”
ฉินอวี้โม่กำชับกับทุกคนก่อนหันมองไปรอบ ๆ เพื่อตรวจสอบว่าแร่และอัญมณีเหล่านี้เป็นของแท้หรือไม่
“พี่อวี้โม่ เราเข้ามาได้แล้ว ทว่าหลังจากนี้เราจะออกไปอย่างไรรึ ?”
จู่ ๆ เถาเซี่ยวเซี่ยวก็เอ่ยถามและเป็นประโยคที่ทำให้ทุกคนชะงักนิ่งไปทันที