แม้ประจันหน้ากับผู้ที่ทรงพลังเช่นตนเอง ฉินอวี้โม่ก็ยังคงใจเย็นและไม่มีท่าทีกังวลแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้เจ้าของเสียงแหบพร่ารู้สึกพึงพอใจในตัวฉินอวี้โม่มากยิ่งขึ้น
“แม่สาวน้อย เจ้ายังเยาว์วัยนักและคงจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของข้า อย่างไรก็ตาม หากเจ้ายอมจำนนต่อข้า เจ้าจะมั่งคั่งและสุขสบายไปตลอดกาล ต่อให้ต้องการปกครองดินแดนนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกคราก่อนที่กล่องสีดำจะลอยขึ้นไปเหนือศีรษะของฉินอวี้โม่ในขณะที่แผ่พลังงานสีดำออกไปรอบบริเวณจนฉินอวี้โม่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ไม่ว่าข้าจะเคยได้ยินหรือไม่ ข้าก็ต้องได้ฟังก่อนจึงจะรู้ได้ หากท่านไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามของท่านมา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าควรนับถือท่านเป็นอาจารย์รึไม่ ? ถึงอย่างไร ด้วยพรสวรรค์ในระดับของข้า จอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้ามากมายก็ล้วนต้องการรับข้าไปเป็นศิษย์ ตัวเลือกของข้าไม่ได้มีเพียงท่านคนเดียวหรอก”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ยินยอมโดยง่าย ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่คิดที่จะตอบตกลงอย่างแน่นอน นางเชื่อว่าผู้ที่ถูกควบคุมและปิดผนึกไว้ในกล่องใต้บ่อน้ำเช่นนี้จะต้องมิใช่คนดีแน่
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากจะรู้นัก ข้าก็จะเมตตาตอบคำถามของเจ้า จงตั้งใจฟังให้ดี...ข้าผู้นี้คือมหาเทพแห่งความว่างเปล่า !”
อีกฝ่ายเปิดเผยชื่อของตนเองออกมา ทว่ามันเป็นชื่อที่ฉินอวี้โม่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“มหาเทพแห่งความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ ?”
แม้ฉินอวี้โม่จะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ทว่าก็ยังมีคนอื่น ๆ ที่พอจะได้ยินชื่อนี้มาก่อน และหนึ่งในนั้นก็คือเถาเซี่ยวเซี่ยวที่อยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวผู้ซึ่งเคยอ่านพบชื่อของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าจากในบันทึกเก่าแก่
“พี่อวี้โม่ เขาคือปีศาจร้ายที่ออกท่องไปทั่วโลกแห่งเทพเมื่อหลายพันปีก่อนและก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย จอมยุทธ์ที่ทรงพลังส่วนใหญ่ต้องตายไปเพราะเงื้อมมือของเขา !”
เสียงของเถาเซี่ยวเซี่ยวดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และกล่าวอธิบายในสิ่งที่ทราบ
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าคือยอดฝีมือที่แกร่งกล้าอย่างแท้จริง ในอดีต เขาออกท่องไปในดินแดนต่าง ๆ และแทบจะมีตำแหน่งที่ไร้เทียมทาน ทว่าหลังจากนั้น เทพผู้ยิ่งใหญ่หลายคนในดินแดนก็ร่วมมือกันเพื่อปราบปรามเขา คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาจะถูกปิดผนึกไว้ในกล่องสีดำใบนี้
“มหาเทพแห่งความว่างเปล่าเป็นผู้ที่บ่มเพาะพลังแห่งความว่างเปล่า มันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวและเหนือธรรมชาติ พลังงานสีดำทะมึนของเขาสามารถทำให้จิตใจของผู้คนสับสน ส่งผลให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน”
เถาเซี่ยวเซี่ยวอธิบายต่อเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับมหาเทพแห่งความว่างเปล่าที่อยู่ภายในกล่องดำมากขึ้น
ตำนานเล่าขานกันว่ามหาเทพแห่งความว่างเปล่าผู้นี้เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าใกล้ขอบเขตจ้าวมหาเทวะมากที่สุดและเป็นผู้ที่มีโอกาสจะกลายเป็นผู้ปกครองของโลกแห่งเทพมากที่สุด
เพียงแต่เขาเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์มากเกินไปและกลายเป็นที่ชิงชังรังเกียจของผู้คน เพราะเหตุนั้น ยอดฝีมือที่เหลือในขอบเขตมหาเทวะจึงร่วมมือกันเพื่อกำราบและกักขังเขาไว้ที่นี่
พลังแห่งความว่างเปล่าที่มหาเทพแห่งความว่างเปล่าบ่มเพาะฝึกฝนมาก็มีคุณสมบัติที่ลึกลับและแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันช่วยให้เขากลายเป็นตัวตนที่อมตะ ยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าเหล่านั้นจึงทำได้เพียงปิดผนึกและกักขังเขาไว้ ทว่ามิอาจสังหารได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พลังของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาจึงไม่เคยมียอดฝีมือผู้เก่งกาจปรากฏขึ้นมา
“ที่แท้ก็เป็นปีศาจชั่วร้ายนี่เอง ข้าไม่มีความสนใจที่จะเป็นศิษย์ของคนใจมารเช่นท่านหรอก ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกฆ่าตายรึไม่หากวันใดทำให้ท่านโกรธเคืองขึ้นมา”
ฉินอวี้โม่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น แม้สนใจในพลังแห่งความว่างเปล่าของอีกฝ่าย นางก็ไม่คิดที่จะตอบสนองต่อความต้องการของเขา ต่อให้ไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและเรื่องที่อีกฝ่ายเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมาย นางก็ไม่มีทางยอมจำนนต่อใครหน้าไหนอย่างแน่นอน
“อะไรกัน ? แม่สาวน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะเคยได้ยินชื่อของข้ามาสินะ ?”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าไม่มีท่าทีโกรธเคือง ทว่ามองฉินอวี้โม่พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงสัยใคร่รู้
“มหาเทพแห่งความว่างเปล่า…ถึงอย่างไรในอดีตท่านก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งเทพ ข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านได้อย่างไรเล่า ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบและกล่าวชื่อของอีกฝ่าย
“แม่สาวน้อย ข้าผู้นี้ขอถามบางอย่างกับเจ้า สิ่งใดคือสิ่งที่ถูกและสิ่งใดคือสิ่งที่ผิดอย่างนั้นหรือ ?”
จู่ ๆ มหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็เอ่ยพร้อมกับถอนแรงกดดันที่กดทับร่างของฉินอวี้โม่และร่อนลงมาเล็กน้อย
เขาหยุดลงข้างหน้าระดับสายตาของฉินอวี้โม่ ราวกับกำลังจ้องตรงเข้ามาไปในแววตาของนาง
“การแบ่งแยกระหว่างสิ่งที่ถูกต้องและสิ่งที่ผิดนั่นยากเย็นเป็นที่สุด ต่อให้เป็นเทพผู้ปกครองฟ้าดินก็ไม่มีวิธีแยกแยะสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิดได้อย่างชัดเจน สิ่งเดียวที่ข้ารู้คือทุกคนควรมีบรรทัดฐานและปรัชญาการใช้ชีวิตของตนเอง ตราบใดที่รักษาบรรทัดฐานเหล่านั้นเอาไว้ได้ คนเหล่านั้นก็ไม่ควรจะเป็นบุคคลที่ชั่วร้าย”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไป นับตั้งแต่ยุคโบราณ การแบ่งแยกระหว่างสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิดมักจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ไม่มีผู้ใดที่เลวร้ายโดยสมบูรณ์ฉันท์ใด ย่อมไม่มีผู้ที่เป็นคนดีและไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัวโดยสมบูรณ์ฉันท์นั้น ทุกคนล้วนมีเป้าหมายในชีวิตและมีสิ่งที่ต้องการทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาบรรทัดฐานของตนเองและไม่ละเมิดศีลธรรมของการเป็นมนุษย์เท่านั้น
“ตอบได้ดี ฮ่า ๆ ๆ !”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนหัวเราะออกมา
“ในเมื่อไม่มีวิธีการแบ่งแยกสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิด แล้วเหตุใดผู้คนจึงตราหน้าข้าว่าเป็นปีศาจร้ายเล่า ? ข้าไม่เคยทำสิ่งใดที่เป็นการบ่อนทำลายโลกใบนี้และไม่เคยเป็นฝ่ายริเริ่มโจมตีผู้อื่นก่อน เหตุใดคนเหล่านั้นจึงจ้องเล่นงานข้าเพียงเพราะพลังที่ข้าฝึกฝน ? เหตุใดจะต้องเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตของข้า ?”
น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความโกรธแค้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังมีความลับที่ซ่อนไว้อีกพอสมควร
“แม่สาวน้อย เจ้าอยากจะรู้เรื่องราวของข้ารึไม่ ?”
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่มีท่าทีแสดงความยอมรับมากขึ้น น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงเช่นกัน
“โปรดเล่าให้ข้าฟังด้วยเถิด ท่านเทพ”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าตรงหน้าไม่เหมือนปีศาจร้ายตามข่าวลือ จากน้ำเสียงของเขา ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ว่าคงจะมีเงื่อนงำบางอย่างในอดีตที่ผ่านมา เพราะเหตุนั้น นางจึงรู้สึกสนใจในตัว ‘ปีศาจร้าย’ ที่ถูกปิดผนึกไว้ในกล่องสีดำมากยิ่งขึ้น
“เหอะ หากใครในโลกแห่งเทพรู้จักข้า พวกเขาก็คงจะรู้เพียงว่าข้าเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือข้าไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ !”
มหาเทพแห่งความว่างเปล่าแค่นเสียงในลำคอเล็กน้อยและเห็นได้ชัดว่าพยายามระงับโทสะในหัวใจ
เดิมทีเขาเป็นเพียงผู้ใหญ่บ้านที่อ่อนน้อมถ่อมตนคนหนึ่งในดินแดนและใช้ชีวิตอย่างอิสระไร้กังวลมาตั้งแต่เยาว์วัย แม้ไม่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์รอบตัว มันก็ไม่สามารถปกปิดพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเขาได้
ในอดีต มหาเทพแห่งความว่างเปล่าต้องการหมั่นฝึกฝนเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งและเข้าร่วมขุมกำลังระดับหนึ่ง แต่ทว่า…เกิดเรื่องบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ในครานั้น เขาเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มียอดฝีมือในขอบเขตมหาเทวะอาศัยอยู่ ยอดฝีมือผู้นั้นก็ชื่นชมและเห็นความสำคัญของพรสวรรค์ของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าจึงต้องการรับเขาไปเป็นศิษย์ ในตอนนั้น มหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็มีความสุขอย่างมาก ทว่าในภายหลังเขาก็ได้บังเอิญค้นพบว่าการที่ยอดฝีมือผู้นั้นรับเขาเป็นศิษย์เป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้นและแท้ที่จริงแล้วอีกฝ่ายต้องการแย่งชิงพลังแห่งความว่างเปล่าที่ถูกปลุกขึ้นมาในตัวของเขา
“บิดามารดาของข้าบังเอิญได้ยินแผนการของคนผู้นั้นเข้า พวกเขาจึงตัดสินใจพาข้าหลบหนีออกไป น่าเสียดายที่พวกเขาถูกจับตัวได้เสียก่อน คนผู้นั้นสังหารบิดามารดาของข้าอย่างเลือดเย็นก่อนแย่งชิงพลังแห่งความว่างเปล่าในตัวของข้าไป ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังกุแต่งเรื่องขึ้นมาว่าในหมู่บ้านแห่งนั้นมีโรคระบาดอย่างหนักจนทำให้คนทั้งหมู่บ้านป่วยเป็นโรคร้าย”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของมหาเทพแห่งความว่างเปล่าก็ฟังดูกระตือรือร้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“สิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือพลังแห่งความว่างเปล่าของข้าสามารถฟื้นฟูขึ้นใหม่ได้ ก่อนที่เขาจะจากไป ข้าก็ได้สติขึ้นมาและเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากขุมกำลังระดับสอง ทว่าคนที่นั่นกลับไม่เชื่อคำพูดของข้า ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังจุดไฟเผาหมู่บ้านของข้าและทำให้คนทั้งสองร้อยยี่สิบสามชีวิตต้องตายไป นอกจากข้าก็ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตออกมาอีกเลย ! ขุมกำลังระดับสองแห่งนั้นมักจะอวดอ้างว่าตนเองเป็นขุมกำลังที่เที่ยงธรรมและมีชื่อเสียงที่ดี...”